เกริ่นนํา
ยุคแรกของฟิล์มกันรอย . . .
. . . จากที่ผมใช้งานมือถือมาตั้งแต่ยุคแรกๆ เราก็จะเห็นฟิล์มที่ป้องกันรอยโทรศัพท์ (แบบในรูปด้านล่าง) ซึ่งจะป้องกันรอยขีดข่วนโทรศัพท์ ซึ่งราคาณ ตอนนั้นอยู่ราวๆ 150-250 บาท แล้วแต่ร้าน ซึ่งฟิล์ม ณ ตอนนั้นมันก็คือฟิล์มจริงๆ นั่นแหละครับ ทำมาจากพลาสติค โดยฟิล์มรูปแบบนี้กันรอยไม่ได้มาก ใช้ได้เดือนกว่าๆ รอยก็เริ่มมาแล้ว ทำให้ ต้องเปลี่ยนกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งตอมาก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนเปลี่ยนวัตถุดิบจาก PET มาเป็น TPU ( เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน ) . . ที่มีความทนทานมากขึ้น
ฟิล์มรุ่นเก่า เก่าจริงๆ HD2 ออกขายปี 2009
. . . . ซึ่งในยุคถัดมา มือถือบางยี่ห้อก็แถมมาจากโรงงานเลย โดยมี ฟิล์มปิดทับมาอีกที และ ไอ้ฟิล์มที่ปิดทับนั่นแหละส่วนมากมันคือฟิล์มไฮโดรเจล แต่ตอนนั้นมันยังไม่ถูกพัฒนามาเป็นฟิล์มที่ใช้ปกป้องหน้าจอ
📌 ยุคที่สองของฟิล์ม : ฟิล์มชนิดกระจกกันรอย 📌
. . . มายุคนี้ก็มีแนวคิดเอากระจกมากันรอย ซึ่งก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ โดยเริ่มจากกระจกธรรมดา และ พัฒนามาเป็นกระจกแบบโค้ง กระจก 2.5D โดยเมื่อถึงจุดนึงก็ถึงทางตัน เพราะกาวที่ยึดกระจกกับจอ ไม่สามารถยึดได้ดีเมื่อใช้งานร่วมกับจอที่มีส่วนเว้าโค้ง . . . จนในที่สุดก็พัฒนากาวชนิดพิเศษ ในที่มาของฟิล์มกระจกกันรอย แบบ กาว UV นั่นเอง . . .
📌 ยุคที่สามของฟิล์ม : ฟิล์มชนิด Hydrogel 📌
. . . เมื่อฟิล์มชนิดกาว UV ใช้งานอยู่ได้พักนึง ผู้ใช้งานก็เจอปัญหาคือ กาว UV ก่อนแข็งตัวมันไหลเข้าไปตามช่องต่างๆ ของโทรศัพท์ ก่อให้เกิดปัญหาจากส่วนต่างๆ ของโทรศัพท์ตามมาได้ จนมีแนวคิดผลิตแผ่นกันรอยที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกันกับ แผ่นติดป้ายภาษีรถยนต์ (ป้ายวงกลม) ซึ่งพอติดแล้วมีความเรียบเนียนสวย ผิวสัมผัสดี กันกระแทกได้ดี แต่มักเป็นรอยง่ายเนื่องพอๆ กับฟิล์ม TPU ในยุคแรก และสุดท้ายของ ยุคนี้คือ การ Combination ระหว่าง Hydrogel + กาว UV ทำให้ตัวฟิล์มมีความแข็งแรงต่อการขีดข่วนมากขึ้น
ตัวอย่างการติดฟิล์ม hydrogel บน Mate 9 Pro
🔥 แล้วปัจจุบันความนิยมของฟิล์มหละ เป็นอย่างไร? 🔥
. . . ในปัจจุบัน ความนิยมสำหรับกระจกกันรอยในแบบกาว UV และ ชนิดของ Hydrogel ก็ลดลงไป เนื่องจาก 3 สาเหตุหลักๆ
✅
มือถือจอโค้งได้รับความนิยมน้อยลง ✅
>> ทำให้มีมือถือที่มีจอโค้งลดน้อยลง สาเหตุมาจาก หาฟิล์มที่ใช้งานด้วยยาก และ เวลาเล่นเกมส์จะเล่นได้ไม่ดีเท่าจอเรียบ
✅
ราคาแพง ✅
>> ฟิล์มไฮโดรเจล มีราคาที่แพงกว่าฟิล์มกระจก หรือมีราคาที่เท่ากับฟิล์มกระจกในบางรุ่น แต่มีคุณสมบัติการกันรอยที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับฟิล์มกระจก ทำให้คนเลือกฟิล์มกระจกมากกว่า เพราะสัมผัสได้ลื่นกว่า ส่วนฟิล์มกระจกชนิดกาว UV ก็มีราคาที่สูงกว่าค่อนข้างเยอะ และ ไม่ได้ต่างอะไรกับฟิล์มกระจกกันรอยทั่วไป
✅
ความเสี่ยงที่กาว UV จะเข้าไปในตัวเครื่อง ✅
>> เนื่องจากกาว UV ก่อนที่จะฉายแฉง UV เพื่อให้กาวแข็งตัวนั้น มันจะมีสถานะเป็นของเหลวใสๆ ทำให้มันสามารถไหลลงบริเวณช่องเล็กๆ ได้ ทำให้วัตถุที่Seal กันน้ำเสื่อมสภาพ หรือ ทำให้ลำโพงเครื่อง และ ไมค์สนทนามีเสียงที่เบาลง หรือ เสียงแตก
พบคราบเลอะจาก การติดฟิล์มกระจกกันรอยแบบใช้ กาว UV บน S22 Ultra (เครื่องผมเอง)
. . . ตัวอย่างจากภาพบน แสดงให้เห็นว่ามีคราบกาวไหลไปและไปอุดตามช่องต่างๆ เคสนี้เจ้าของร้านที่ติดฟิล์ม รับผิดชอบโดยเปลี่ยนฝาหลังให้ผมใหม่ โดยที่ประกันตัวเครื่อง ยังอยู่เหมือนเดิมครับ . . . >> หลังจากเกิดเหตุ ผมเลิกใช้ฟิล์มกาว UV อีกเลยครับ เข็ดแล้ววววว . . . . ! ! !
แล้วเราจะเลือกใช้ฟิล์มอะไรดี?
. . . ณ ปัจจุบัน ไม่มีฟิล์มอะไรดีที่สุด เฉกเช่นมือถือที่ดีที่สุด ไม่มีครับ บอกตรงๆ แต่จะมีแต่ ฟิล์มอะไรเหมาะกับเรามากที่สุด โดยคำนึงจาก
✅ 1. การกันกระแทก
✅ 2. การกันรอย
✅ 3. ความลื่นของฟิล์ม
✅ 4. อายุการใช้งาน
✅ 5. ราคา
✅ 6. ลักษณะหน้าจอมือถือ
. . . จากหัวข้อทั้งหมดนี้ ผมเลือก “ฟิล์มกระจก” ครับ ที่ได้ครบทั้ง 5 ข้อ (ยกเว้นข้อ 6 ถ้าเป็นจอโค้ง อาจจะต้องใช้ ฟิล์มชนิดไฮโดรเจล หรือ กระจกกาว UV) . . . และ ยี่ห้อที่ผมจะมาพูดถึงคร่าวๆ หลักๆ คือ.-
✅ 1. FOCUS
✅ 2. GIZMO
✅ 3. HI-SHIELD
ทำไมต้องเป็นฟิล์มกระจก ?
✅
1. การกันกระแทก
: > กระจกกันรอยถ้าเทียบกับฟิล์มไฮโดรเจลแล้ว ถ้ามีการกระแทกที่รุนแรง กระจกจะกันกระแทกได้ดีกว่า แต่ฟิล์มไฮโดรเจล มีการคืนตัวดีกว่า อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนหลังการตกกระแทก หรือ มีอะไรมาตกกระทบ . . .
✅
2. การกันรอย
: > ถ้าเทียบกับฟิล์มชนิดอื่นแล้วกันรอยได้ดีที่สุดในการกันรอยจากการขีดข่วน และ ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
✅
3. ความลื่นของฟิล์ม
: > ความลื่นของฟิล์มในส่วนของกระจกกับไฮโดรเจล มีความลื่นพอๆ กันทั้งฟิล์มด้านละฟิล์มกระจก แต่ส่วนฟิล์มกระจกจะลื่นกว่า
✅
4. อายุการใช้งาน
: > กระจกมีการใช้งานที่ยาวนานที่สุดถ้าเทียบกับฟิล์มชนิดอื่นๆ รองลงมาจะเป็น Hydrogel แบบ กาว UV
✅
5. ราคา
: > ราคาแบบกระจก ถ้าเทียบกับฟิล์มไฮโดรเจลแล้วถูกกว่า แต่อาจจะแพงกว่าถ้าเทียบกับฟิล์มชนิดธรรมดา
หน้ากล่องของทั้ง 3 รุ่นนี้ ที่เอามาเทียบกันครับ ในราคาที่ใกล้ๆ กัน
ด้านหลัง
แบรนด์ HI-SHIELD
ร้านขายฟิล์มบนห้าง ร้านที่ 1
ร้านขายฟิล์มบนห้าง ร้านที่ 2
🔥 HI-SHIELD FILM (เฉพาะฟิล์มกระจก) 🔥
แบรนด์นี้ไม่พูดเยอะครับรู้จักกันอยู่แล้ว
. . . แบรนด์ไฮชีลด์ เป็นแบรนด์ที่มีคนใช้เยอะอีกยี่ห้อนึงในตลาดครับ คุณภาพก็กลางๆ หาซื้อได้ทั่วไปครับ
✅ สถานที่ซื้อ : ร้านค้าทั่วไป / ร้านออนไลน์ / Brand Shop
💵 ราคา 💵
✅ ชนิด ใส ไม่มีประกัน = 250 และ 590 บาท
✅ ชนิด ใส/ด้าน ประกัน 90 วัน = 790 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
✅ ชนิด ใส/ด้าน ประกัน 180 วัน = 890 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
✅ ชนิด ใส/ด้าน ประกัน Life Time = 990 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
✅ ชนิด Privacy ประกัน 90 วัน = 890 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
📌 การเคลมสินค้า 📌
✅ เคลมผ่านไปรษณีย์ครับ เสียค่าเคลม 50 บาท
✅ เคลมผ่านร้านที่ซื้อครับ
✅ เคลมผ่านร้าน Brandshop ซึ่งมีน้อยกว่า และต้องเป็นฟิล์มที่ซื้อจาก Brandshop หรือ เว็บไซต์ hi-shield เท่านั้น
ตัวอย่างของในกล่อง
📌 ข้อสังเกตุ 📌
✅ ของในกล่องมีใบรับประกัน ตัวฟิล์ม และ ชุดติดฟิล์ม
✅ ไม่มีฟิล์มหลังแถมมาด้วย ในทุกราคา
✅ กระจกจาก Corning (บริษัทผลิต Gorilla Glass )
PS. นี่เป็น 💵 ราคามาตรฐานที่แบรนด์ตั้งมานะครับ ซึ่งร้านทั่วไปจะขายราคาเท่ากันครับ
อาจจะมีร้านที่แอบขายถูกกว่านี้ หรือ ขายแบบถูกเว่อร์ ระวังของปลอมกันด้วยนะครับ
แบรนด์ FOCUS
ร้าน Brand Shop ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ร้านขายฟิล์มบนห้าง ร้านที่ 1
ร้านขายฟิล์มบนห้าง ร้านที่ 2
🔥 FOCUS FILM (เฉพาะฟิล์มกระจก) 🔥
. . . แบรนด์โฟกัสเป็นแบรนด์ฟิล์มกันรอยที่เก่าแก่ที่สุดในไทย . . ผลิตมาตั้งแต่มีมือถือยุคแรกๆ เลยครับก็พัฒนากันมาเรื่อยๆ
✅ สถานที่ซื้อ : ร้านค้าทั่วไป / ร้านออนไลน์ / Brand Shop
💵 ราคา 💵
✅ ชนิด ใส ไม่มีประกัน = 290 และ 349 บาท
✅ ชนิด ใส ถนอมสายตา ไม่มีประกัน = 449 บาท
✅ ชนิด ด้าน ไม่มีประกัน = 449 บาท
✅ ชนิด ใส มีประกัน 1 ปี = 490 และ 690 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
📌 การเคลมสินค้า 📌
✅ เคลมผ่านไปรษณีย์ครับ เสียค่าเคลม 50 บาท
✅ เคลมผ่านร้านที่ซื้อครับ
✅ เคลมผ่านร้าน Brandshop ซึ่งมีน้อยกว่า และต้องเป็นฟิล์มที่ซื้อจาก Brandshop เท่านั้น
ตัวอย่างของในกล่อง
📌 ข้อสังเกตุ 📌
✅ ของในกล่องมีใบรับประกัน ตัวฟิล์ม และ ชุดติดฟิล์ม
✅ มีฟิล์มหลังแถมมาด้วย
PS. นี่เป็น 💵 ราคามาตรฐานที่แบรนด์ตั้งมานะครับ ซึ่งร้านทั่วไปจะขายราคาเท่ากันครับ
อาจจะมีร้านที่แอบขายถูกกว่านี้ หรือ ขายแบบถูกเว่อร์ ระวังของปลอมกันด้วยนะครับ
รอติดตาม Part 2 ใน Reply 2 นะครับ
[CR] อัพเดทฟิล์มกระจกน่าใช้งาน ในปี 2023
ยุคแรกของฟิล์มกันรอย . . .
. . . จากที่ผมใช้งานมือถือมาตั้งแต่ยุคแรกๆ เราก็จะเห็นฟิล์มที่ป้องกันรอยโทรศัพท์ (แบบในรูปด้านล่าง) ซึ่งจะป้องกันรอยขีดข่วนโทรศัพท์ ซึ่งราคาณ ตอนนั้นอยู่ราวๆ 150-250 บาท แล้วแต่ร้าน ซึ่งฟิล์ม ณ ตอนนั้นมันก็คือฟิล์มจริงๆ นั่นแหละครับ ทำมาจากพลาสติค โดยฟิล์มรูปแบบนี้กันรอยไม่ได้มาก ใช้ได้เดือนกว่าๆ รอยก็เริ่มมาแล้ว ทำให้ ต้องเปลี่ยนกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งตอมาก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนเปลี่ยนวัตถุดิบจาก PET มาเป็น TPU ( เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน ) . . ที่มีความทนทานมากขึ้น
📌 ยุคที่สองของฟิล์ม : ฟิล์มชนิดกระจกกันรอย 📌
. . . มายุคนี้ก็มีแนวคิดเอากระจกมากันรอย ซึ่งก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ โดยเริ่มจากกระจกธรรมดา และ พัฒนามาเป็นกระจกแบบโค้ง กระจก 2.5D โดยเมื่อถึงจุดนึงก็ถึงทางตัน เพราะกาวที่ยึดกระจกกับจอ ไม่สามารถยึดได้ดีเมื่อใช้งานร่วมกับจอที่มีส่วนเว้าโค้ง . . . จนในที่สุดก็พัฒนากาวชนิดพิเศษ ในที่มาของฟิล์มกระจกกันรอย แบบ กาว UV นั่นเอง . . .
📌 ยุคที่สามของฟิล์ม : ฟิล์มชนิด Hydrogel 📌
. . . เมื่อฟิล์มชนิดกาว UV ใช้งานอยู่ได้พักนึง ผู้ใช้งานก็เจอปัญหาคือ กาว UV ก่อนแข็งตัวมันไหลเข้าไปตามช่องต่างๆ ของโทรศัพท์ ก่อให้เกิดปัญหาจากส่วนต่างๆ ของโทรศัพท์ตามมาได้ จนมีแนวคิดผลิตแผ่นกันรอยที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกันกับ แผ่นติดป้ายภาษีรถยนต์ (ป้ายวงกลม) ซึ่งพอติดแล้วมีความเรียบเนียนสวย ผิวสัมผัสดี กันกระแทกได้ดี แต่มักเป็นรอยง่ายเนื่องพอๆ กับฟิล์ม TPU ในยุคแรก และสุดท้ายของ ยุคนี้คือ การ Combination ระหว่าง Hydrogel + กาว UV ทำให้ตัวฟิล์มมีความแข็งแรงต่อการขีดข่วนมากขึ้น
. . . ในปัจจุบัน ความนิยมสำหรับกระจกกันรอยในแบบกาว UV และ ชนิดของ Hydrogel ก็ลดลงไป เนื่องจาก 3 สาเหตุหลักๆ
✅ มือถือจอโค้งได้รับความนิยมน้อยลง ✅
>> ทำให้มีมือถือที่มีจอโค้งลดน้อยลง สาเหตุมาจาก หาฟิล์มที่ใช้งานด้วยยาก และ เวลาเล่นเกมส์จะเล่นได้ไม่ดีเท่าจอเรียบ
✅ ราคาแพง ✅
>> ฟิล์มไฮโดรเจล มีราคาที่แพงกว่าฟิล์มกระจก หรือมีราคาที่เท่ากับฟิล์มกระจกในบางรุ่น แต่มีคุณสมบัติการกันรอยที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับฟิล์มกระจก ทำให้คนเลือกฟิล์มกระจกมากกว่า เพราะสัมผัสได้ลื่นกว่า ส่วนฟิล์มกระจกชนิดกาว UV ก็มีราคาที่สูงกว่าค่อนข้างเยอะ และ ไม่ได้ต่างอะไรกับฟิล์มกระจกกันรอยทั่วไป
✅ ความเสี่ยงที่กาว UV จะเข้าไปในตัวเครื่อง ✅
>> เนื่องจากกาว UV ก่อนที่จะฉายแฉง UV เพื่อให้กาวแข็งตัวนั้น มันจะมีสถานะเป็นของเหลวใสๆ ทำให้มันสามารถไหลลงบริเวณช่องเล็กๆ ได้ ทำให้วัตถุที่Seal กันน้ำเสื่อมสภาพ หรือ ทำให้ลำโพงเครื่อง และ ไมค์สนทนามีเสียงที่เบาลง หรือ เสียงแตก
แล้วเราจะเลือกใช้ฟิล์มอะไรดี?
. . . ณ ปัจจุบัน ไม่มีฟิล์มอะไรดีที่สุด เฉกเช่นมือถือที่ดีที่สุด ไม่มีครับ บอกตรงๆ แต่จะมีแต่ ฟิล์มอะไรเหมาะกับเรามากที่สุด โดยคำนึงจาก
✅ 1. การกันกระแทก
✅ 2. การกันรอย
✅ 3. ความลื่นของฟิล์ม
✅ 4. อายุการใช้งาน
✅ 5. ราคา
✅ 6. ลักษณะหน้าจอมือถือ
. . . จากหัวข้อทั้งหมดนี้ ผมเลือก “ฟิล์มกระจก” ครับ ที่ได้ครบทั้ง 5 ข้อ (ยกเว้นข้อ 6 ถ้าเป็นจอโค้ง อาจจะต้องใช้ ฟิล์มชนิดไฮโดรเจล หรือ กระจกกาว UV) . . . และ ยี่ห้อที่ผมจะมาพูดถึงคร่าวๆ หลักๆ คือ.-
✅ 1. FOCUS
✅ 2. GIZMO
✅ 3. HI-SHIELD
✅ 1. การกันกระแทก
: > กระจกกันรอยถ้าเทียบกับฟิล์มไฮโดรเจลแล้ว ถ้ามีการกระแทกที่รุนแรง กระจกจะกันกระแทกได้ดีกว่า แต่ฟิล์มไฮโดรเจล มีการคืนตัวดีกว่า อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนหลังการตกกระแทก หรือ มีอะไรมาตกกระทบ . . .
✅ 2. การกันรอย
: > ถ้าเทียบกับฟิล์มชนิดอื่นแล้วกันรอยได้ดีที่สุดในการกันรอยจากการขีดข่วน และ ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
✅ 3. ความลื่นของฟิล์ม
: > ความลื่นของฟิล์มในส่วนของกระจกกับไฮโดรเจล มีความลื่นพอๆ กันทั้งฟิล์มด้านละฟิล์มกระจก แต่ส่วนฟิล์มกระจกจะลื่นกว่า
✅ 4. อายุการใช้งาน
: > กระจกมีการใช้งานที่ยาวนานที่สุดถ้าเทียบกับฟิล์มชนิดอื่นๆ รองลงมาจะเป็น Hydrogel แบบ กาว UV
✅ 5. ราคา
: > ราคาแบบกระจก ถ้าเทียบกับฟิล์มไฮโดรเจลแล้วถูกกว่า แต่อาจจะแพงกว่าถ้าเทียบกับฟิล์มชนิดธรรมดา
แบรนด์นี้ไม่พูดเยอะครับรู้จักกันอยู่แล้ว
. . . แบรนด์ไฮชีลด์ เป็นแบรนด์ที่มีคนใช้เยอะอีกยี่ห้อนึงในตลาดครับ คุณภาพก็กลางๆ หาซื้อได้ทั่วไปครับ
✅ สถานที่ซื้อ : ร้านค้าทั่วไป / ร้านออนไลน์ / Brand Shop
💵 ราคา 💵
✅ ชนิด ใส ไม่มีประกัน = 250 และ 590 บาท
✅ ชนิด ใส/ด้าน ประกัน 90 วัน = 790 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
✅ ชนิด ใส/ด้าน ประกัน 180 วัน = 890 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
✅ ชนิด ใส/ด้าน ประกัน Life Time = 990 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
✅ ชนิด Privacy ประกัน 90 วัน = 890 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
📌 การเคลมสินค้า 📌
✅ เคลมผ่านไปรษณีย์ครับ เสียค่าเคลม 50 บาท
✅ เคลมผ่านร้านที่ซื้อครับ
✅ เคลมผ่านร้าน Brandshop ซึ่งมีน้อยกว่า และต้องเป็นฟิล์มที่ซื้อจาก Brandshop หรือ เว็บไซต์ hi-shield เท่านั้น
✅ ของในกล่องมีใบรับประกัน ตัวฟิล์ม และ ชุดติดฟิล์ม
✅ ไม่มีฟิล์มหลังแถมมาด้วย ในทุกราคา
✅ กระจกจาก Corning (บริษัทผลิต Gorilla Glass )
PS. นี่เป็น 💵 ราคามาตรฐานที่แบรนด์ตั้งมานะครับ ซึ่งร้านทั่วไปจะขายราคาเท่ากันครับ
อาจจะมีร้านที่แอบขายถูกกว่านี้ หรือ ขายแบบถูกเว่อร์ ระวังของปลอมกันด้วยนะครับ
. . . แบรนด์โฟกัสเป็นแบรนด์ฟิล์มกันรอยที่เก่าแก่ที่สุดในไทย . . ผลิตมาตั้งแต่มีมือถือยุคแรกๆ เลยครับก็พัฒนากันมาเรื่อยๆ
✅ สถานที่ซื้อ : ร้านค้าทั่วไป / ร้านออนไลน์ / Brand Shop
💵 ราคา 💵
✅ ชนิด ใส ไม่มีประกัน = 290 และ 349 บาท
✅ ชนิด ใส ถนอมสายตา ไม่มีประกัน = 449 บาท
✅ ชนิด ด้าน ไม่มีประกัน = 449 บาท
✅ ชนิด ใส มีประกัน 1 ปี = 490 และ 690 บาท (เคลมได้ 1 ครั้ง)
📌 การเคลมสินค้า 📌
✅ เคลมผ่านไปรษณีย์ครับ เสียค่าเคลม 50 บาท
✅ เคลมผ่านร้านที่ซื้อครับ
✅ เคลมผ่านร้าน Brandshop ซึ่งมีน้อยกว่า และต้องเป็นฟิล์มที่ซื้อจาก Brandshop เท่านั้น
✅ ของในกล่องมีใบรับประกัน ตัวฟิล์ม และ ชุดติดฟิล์ม
✅ มีฟิล์มหลังแถมมาด้วย
PS. นี่เป็น 💵 ราคามาตรฐานที่แบรนด์ตั้งมานะครับ ซึ่งร้านทั่วไปจะขายราคาเท่ากันครับ
อาจจะมีร้านที่แอบขายถูกกว่านี้ หรือ ขายแบบถูกเว่อร์ ระวังของปลอมกันด้วยนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้