เป็นเรื่องของแม่ผม ผมกับแม่อยู่ต่างจังหวัดทำกิจการอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ มีเพื่อนบ้านซ้ายและขวาทางเข้าอพาร์ทเม้นอยู่ตรงกลาง เดิมทีเพื่อนบ้านก็มาพูดคุยดีมากยิ้มแย้มทักท้ายเป็นมิตรมีอะไรก็พูดคุยกัน ตอนที่สร้างอพาร์ทเม้นแม่ก็เห็นรั้วเพื่อนบ้านก็สงสัยว่าทำไมมาเจาะรั้วอยู่หลังบ้านพอไปถามเค้าก็บอกว่า
อ่อทำครัวหลังบ้านต้องการระบายอากาศ
แม่ก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอซักพักเห็นมีคนออกมาจะทางรั้วก็เลยคิดได้ว่า เอ้าไม่ใช่รั้วนิมันเป็นประตูก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดเข้าออกเพราะเข้าออกหน้าบ้าน แม่ก็เลยให้แม่บ้านอพาร์ทเม้นไปบอกว่าเข้าออกผ่านทางอพาร์เม้นไม่ได้นะ เค้าก็บอกว่าไม่ได้เข้าออก
ผ่านไปประมาณ2ปี แม่ก็ทำที่เช่าจอดรถ เพื่อนบ้านก็มาขอเช่าทั้ง 2 บ้านเลย ต่อมาประมาณช่วงปี 64 เค้าบอกว่าขายของไม่ดี เซฟค่าใช้จ่ายก็เลยขอไม่จ่ายได้ไหมแม่ผมก็ใจดีเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านแล้วโควิคด้วยก็เลยไม่เก็บค่าเช่าแต่ก็นำรถมาจอดเหมือนเดิม แต่ไม่ได้นำมาจอดคนเดียวแล้วมีญาติมีลูกค้าเค้านำรถมาจอด ทำให้ลูกค้าอพาร์ทเม้นไม่มีที่จอด
แม่ก็เลยไปบอกเค้า เค้าก็บอกว่าจ้าเดี๋ยวไม่จอดแล้ว ผ่านไป 4-5 วันก็มาเหมือนเดิม วนลูปไปแบบนี้ จนลูกค้าอพาร์ทเม้นย้ายออกไปทีละห้องเหลือ 5-6 ห้อง จากลูกค้า 18-19 ห้อง แต่แม่ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรเพื่อนบ้านกันแต่ผมสิได้แต่อดทนและโมโหไม่รู้จะระเบิดตอนไหน ไหนจะเลี้ยงหมา หมาหลุดมากัดลูกค้า
ก็ไปเตือนหลายรอบ
แม่ก็ต้องเสียเงินรักษาลูกค้าอีก ไหนจะจอดรถขวางทางเข้าออกอีกลูกค้าก็ย้ายเพราะเข้าออกไม่สะดวก ออกจนเกือบปิดกิจการผมก็ต้องเอาบ้านไปเข้าธนาคารเพื่อจะเอาเงินมาใช้ปะคับปะคองครอบครัวให้รอด ต่อมาปี 66 ผมไม่ไหวแล้วไปขอเก็บค่าเช่าที่จอดรถ เพื่อนบ้านกลับบอกไม่จ่ายเพราะไม่ได้จอด
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่บอกว่าถ้าไม่ได้จอดผมก็ขอทำกำแพงนะไม่ให้ออกมาใช้ที่ดินอพาร์ทเม้น[ที่เค้าเจาะเป็นประตู]เค้าก็บอกว่าทำไม่ได้มันเป็นที่สาธารณะเค้ามีสิทธ์เข้าออกผมก็งงสิครับ ผมก็เลยไม่ได้พูดอะไรผ่านไป 2 วัน หมายศาลมาส่งเลย
ใจความว่า เค้าฟ้องเอาที่ดินแปลง 1 ไร่ของแม่ผมให้ไปจดให้เค้าบนสำนักงานที่ดิน เค้าใช่คำว่า อยู่อย่างสงบเปิดเผยโดยที่เจ้าของที่ไม่โต้แย้งและสะดวกจะเข้าทางนี้ เกิดจากความใจดีเลยต้องมาเสียอพาร์ทเม้นธุระกิจหลักของครอบครัว กับข้ออ้างที่บอกว่าสะดวกจะเข้าทางนี้ โดยที่หน้าบ้านติดถนนสาธารณะ 8เมตร สรุป 15 มกราคม 2567 ขึ้นศาล
แม่ผมเสียใจมากและถามผม
เราควรเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นมิตรมีเมตตาต่อไปหรือไม่? ผมก็พูดไม่ออกไม่รู้จะทำยังไง?
เราควรเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นมิตรมีเมตตาต่อไปหรือไม่?โดยเฉพาะมนุษย์เพื่อนบ้าน
อ่อทำครัวหลังบ้านต้องการระบายอากาศ
แม่ก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอซักพักเห็นมีคนออกมาจะทางรั้วก็เลยคิดได้ว่า เอ้าไม่ใช่รั้วนิมันเป็นประตูก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดเข้าออกเพราะเข้าออกหน้าบ้าน แม่ก็เลยให้แม่บ้านอพาร์ทเม้นไปบอกว่าเข้าออกผ่านทางอพาร์เม้นไม่ได้นะ เค้าก็บอกว่าไม่ได้เข้าออก
ผ่านไปประมาณ2ปี แม่ก็ทำที่เช่าจอดรถ เพื่อนบ้านก็มาขอเช่าทั้ง 2 บ้านเลย ต่อมาประมาณช่วงปี 64 เค้าบอกว่าขายของไม่ดี เซฟค่าใช้จ่ายก็เลยขอไม่จ่ายได้ไหมแม่ผมก็ใจดีเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านแล้วโควิคด้วยก็เลยไม่เก็บค่าเช่าแต่ก็นำรถมาจอดเหมือนเดิม แต่ไม่ได้นำมาจอดคนเดียวแล้วมีญาติมีลูกค้าเค้านำรถมาจอด ทำให้ลูกค้าอพาร์ทเม้นไม่มีที่จอด
แม่ก็เลยไปบอกเค้า เค้าก็บอกว่าจ้าเดี๋ยวไม่จอดแล้ว ผ่านไป 4-5 วันก็มาเหมือนเดิม วนลูปไปแบบนี้ จนลูกค้าอพาร์ทเม้นย้ายออกไปทีละห้องเหลือ 5-6 ห้อง จากลูกค้า 18-19 ห้อง แต่แม่ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรเพื่อนบ้านกันแต่ผมสิได้แต่อดทนและโมโหไม่รู้จะระเบิดตอนไหน ไหนจะเลี้ยงหมา หมาหลุดมากัดลูกค้า
ก็ไปเตือนหลายรอบ
แม่ก็ต้องเสียเงินรักษาลูกค้าอีก ไหนจะจอดรถขวางทางเข้าออกอีกลูกค้าก็ย้ายเพราะเข้าออกไม่สะดวก ออกจนเกือบปิดกิจการผมก็ต้องเอาบ้านไปเข้าธนาคารเพื่อจะเอาเงินมาใช้ปะคับปะคองครอบครัวให้รอด ต่อมาปี 66 ผมไม่ไหวแล้วไปขอเก็บค่าเช่าที่จอดรถ เพื่อนบ้านกลับบอกไม่จ่ายเพราะไม่ได้จอด
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่บอกว่าถ้าไม่ได้จอดผมก็ขอทำกำแพงนะไม่ให้ออกมาใช้ที่ดินอพาร์ทเม้น[ที่เค้าเจาะเป็นประตู]เค้าก็บอกว่าทำไม่ได้มันเป็นที่สาธารณะเค้ามีสิทธ์เข้าออกผมก็งงสิครับ ผมก็เลยไม่ได้พูดอะไรผ่านไป 2 วัน หมายศาลมาส่งเลย
ใจความว่า เค้าฟ้องเอาที่ดินแปลง 1 ไร่ของแม่ผมให้ไปจดให้เค้าบนสำนักงานที่ดิน เค้าใช่คำว่า อยู่อย่างสงบเปิดเผยโดยที่เจ้าของที่ไม่โต้แย้งและสะดวกจะเข้าทางนี้ เกิดจากความใจดีเลยต้องมาเสียอพาร์ทเม้นธุระกิจหลักของครอบครัว กับข้ออ้างที่บอกว่าสะดวกจะเข้าทางนี้ โดยที่หน้าบ้านติดถนนสาธารณะ 8เมตร สรุป 15 มกราคม 2567 ขึ้นศาล
แม่ผมเสียใจมากและถามผม เราควรเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นมิตรมีเมตตาต่อไปหรือไม่? ผมก็พูดไม่ออกไม่รู้จะทำยังไง?