สวัสดีสมาชิกชาวพันทิพย์ทุกท่านนะครับ กระผมเป็นชายไทยอายุ 37 ปี ทำงานประจำอยู่ในเมืองกรุง เขตปริมณฑล
รายได้ปานกลางค่อนข้างน้อย ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว และผมนั้นก็ได้ทำสวนเกษตรผสมผสานที่ต่างจังหวัดควบคู่ไปด้วย
ผมจึงอยากมาแชร์ประสบการในการทำสวนเกษตรให้ทุกท่านได้ฟังกันครับ
*กระทู้นี้ EP2 นะครับ :
https://ppantip.com/topic/42990313
*กระทู้นี้ EP3 นะครับ :
https://ppantip.com/topic/43141213
เกริ่นนำ......
ตัวผมเองเป็นเด็กบ้านนอกคอกนา เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ปู่ย่า ตายาย ทำไร่ทำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย
เรียนโรงเรียนวัด วันหยุดก็เข้าป่าหายิงนก ตกปลา หาหนู หากะปอม ตามประสาเด็กบ้านนอก
ไม่มีของเล่นแพงๆ มีแต่หนังกะติ๊กคู่ใจ กับบ่วงคล้องกะปอม น้ำปะปาไม่มี มีแต่น้ำในบ่อที่เอาไว้ใช้อุปโภค
มีแต่น้ำฝนที่รองเอาไว้ใช้บริโภค ชีวิตจึงผูกพันกับวิถีชีวิตแบบนี้
พอเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนจนถึงปัจจุบัน
ช่วงทำงานแรกๆ ก็ทำงานไป ใช้ชีวิตไป โดยยังไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิต ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เริ่มมีเงิน เริ่มมีเครดิต
บัตรโน่น นี่ นั่น เยอะแยะไปหมด จนวันนึงถึงจุดที่ไม่ไหว เงินไม่พอให้หมุนในแต่ละเดือน เพราะไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด
ชำระขั้นต่ำแล้วก็ไม่มีเงินเหลือพอให้ใช้จ่าย จนต้องยอมถูกฟ้องและเสียเครดิตไปโดยปริยาย...
หลังจากนั้นก็ตั้งสติและวางแผนชีวิตใหม่ แก้ปัญหาไปทีละอย่าง จนหมดหนี้ทุกสิ่งอย่างในวัย 34
เริ่มคิด......
ในช่วงปี พ.ศ.2562 ช่วงนั้นจะเป็นช่วงฮิตการทำเกษตรกร โคก หนอง นา หรือ เกษตรผสมผสาน
มีวัยรุ่นยุคใหม่ หรือ วัยกลางคน ออกจากงานประจำแล้วเอาเงินที่หามาได้ไปหาซื้อที่ทำเกษตร โคก หนอง นา + คาเฟ่เล็กๆ
ผมเห็นเขาทำแล้วก็อยากมีบ้าง เพราะนึกถึงสมัยเด็ก เลยนั่งหน้าคอม ใช้โปรแกรม Excel นั่งร่างแบบคร่าวๆ
รูปแบบสวนที่วางแผนไว้
(ทำจริงอีกเรื่อง)
อุปสรรคที่พบเจอ.....
หลังจากออกแบบเสร็จแล้ว ก็เอาโปรเจคนี้ไปพูดคุยกับพ่อและแม่ ว่าเราอยากทำอะไร
ผลที่ได้รับคือ...พ่อไม่ให้ทำ เพราะพ่อกลัวเสียที่นา ไม่อยากขุดบ่อ ไม่อยากทำ โน่น นี่ นั่น เยอะแยะไปหมด
แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ งัดคำถามเด็ดด้วยการสอบถามว่า พ่อทำนา ได้กำไรปีละเท่าไหร่ ( ที่บ้านผมทำนาปีนะครับ...ทำปีละ 1 ครั้ง )
คำตอบที่ได้คือ...ประมาน 3 หมื่นต่อปีต่อที่นา 17 ไร่ ผมเลยบอกพ่อว่า ผมจะให้พ่อเดือนละ 10,000 บาท
โดยแบ่งเป็น 5,000 แรกคือค่ากินค่าอยู่ และอีก 5,000 คือเงินสำรองเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการทำสวนเกษตร
(ปกติผมไม่ได้ส่งเงินกลับบ้าน แต่ผมจะให้ปีละครั้งประมาน 50-60K โดยแบ่งให้จากเงินโบนัสที่ผมได้รับจากงานประจำ)
และผมจะขอทำสวนเกษตรในแปลงของผมที่พ่อกับแม่ได้แบ่งยกเป็นมรดก จำนวนประมาน 6 ไร่(เหลืออีก 11 ไร่ พ่อก็ทำนาปกติ)
พูดจนพ่อยอมตกลงให้ทำ.......ผมต้องเอาเงินมาล่อ ถึงจะยอมใจอ่อน คนแก่นี่จริงๆเลย 555556+
แปลง 1 : พื้นที่ 6 ไร่ ที่ขอทำสวนเกษตร(ห่างจากบ้านประมาน 700 เมตร)
แปลง2-3 : พ่อทำนาเหมือนเดิม
บทที่ 1.....เริ่มต้น
หลังจากที่ได้พูดคุยตกลงกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ก็เว้นระยะมา 1 ปีกว่า จนได้ฤกษ์ ได้ชัย ก็ต้นปี 2564
โดยพ่อกับแม่เป็นคนจัดแจงเองทั้งหมด
มกราคม 2564 : นัดรถรับจ้างให้มาขุดบ่อและปรับพื้นที่
ขุดลงไป 2 เมตร ก็เจอน้ำแล้ว
ขุดบ่อ ถมดินเรียบร้อย (ส่วนก้อนกลมๆที่อยู่กลางบ่อนั้นคือก้อนหิน ไม่สามารถเอาออกได้ เลยปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น)
บ่อที่ขุดนี้มีขนาดประมาน 3 งาน งบค่าขุดฟรี แต่ซื้อดินที่ขุดมาถมปรับพื้นที่ ใช้งบประมาน 30K
บทที่ 2.....เริ่มปลูก
หลังจากขุดบ่อปรับพื้นเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำอะไรต่อ จนเวลาล่วงเข้าเดือนมิถุนายน 2564
ผมก็สั่งมะพร้าวน้ำหอมก้นจีบ จาก อ.ดำเนินสะดวก จำนวน 50 ต้น และมะพร้าวแกง จาก จ.ชุมพร จำนวน 4 ต้น
ให้ไปส่งที่บ้าน และพ่อกับแม่ก็ได้เอาลงปลุกที่สวนที่ปรับไว้ตั้งแต่ต้นปี
มะพร้าวที่พึ่งลงปลูก ต้นจะยังเล็กๆอยุ่
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็ไปอบรมเกษตรตำบล ทางเขาก็แจกพรรณไม้ต่างๆมาให้ แม่ก็เอาลงปลูกมั่วๆไป
มีไผ่ซางหม่น มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง พุทรานมสด มะระกอฮอลแลน บลาๆๆๆๆๆๆๆ
และก็สร้างกระท่อมพร้อมห้องน้ำไว้อีก 1 หลังเล็กๆ + แท้งค์น้ำ 2000 ลิตร
อ้อ.....ลืมบอกไป ว่าทางเกษตรตำบลแจกไก่ใข่มาให้เลี้ยงด้วยอีก 20 ตัว
แต่เลี้ยงไว้พื้นที่อีกแปลงในหมู่บ้านนะครับ อยู่สวนเดี๋ยวไก่หาย...555556+
หลังจากนั้นผ่านมาอีก 2 เดือน เข้าช่วงเดือนกันยายน 2564 ฝนมาเยอะกว่าปกติ พายุเข้าติดต่อกันหลายลูก
น้ำก็ท่วมที่นา แต่ดีหน่อยที่ข้าวโตพ้นน้ำไปแล้ว
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายฝน... ต้นไม้ส่วนใหญ่ก็โตวันโตคืน มีแต่กล้วยกับมะระกอที่รากเน่าและตายไป เพราะน้ำขังนานไปหน่อย
ปลาธรรมชาติที่อยู่ตามทุ่งนาก็เข้ามาอยู่ในบ่อเยอะมาก ปลาซิว ปลานิล กุ้งฝอย ว่ายอยู่เต็มบ่อ ระบบนิเวศเริ่มดีขึ้น
บทที่ 3.....ไฟฟ้าและแสงสว่าง
หลังจากฝนหมดไปแล้ว... ก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาว พื้นที่ในสวนจากความเขียวขจีก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
จากไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็เริ่มซื้อของจำพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และไฟให้แสงสว่างรอบสวนกับชุดนอนนา
ผักสวนครัวก็งอกงาม ปลาในบ่อก็เริ่มโต พอได้เป็นกับข้าวกับปลา
กลางคืนเลี้ยงจิ้มจุ่มญาติพี่น้อง จิบเบาๆกับอากาศเย็นๆในช่วงเดือนธันวาคม 2564
ไฟที่ใช้ในสวนคือไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ทีวีก็ดูได้โดยใช้คู่กับชุดนอนนา(งบประมาน 12K)
บรรยากาศยามเย็น... กับแสงทไวไลท์
เดี๋ยวมาต่อนะครับ
#แชร์ประสบการณ์...ทำสวนเกษตรผสมผสาน เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ก่อนเกษียณ
รายได้ปานกลางค่อนข้างน้อย ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว และผมนั้นก็ได้ทำสวนเกษตรผสมผสานที่ต่างจังหวัดควบคู่ไปด้วย
ผมจึงอยากมาแชร์ประสบการในการทำสวนเกษตรให้ทุกท่านได้ฟังกันครับ
*กระทู้นี้ EP2 นะครับ : https://ppantip.com/topic/42990313
*กระทู้นี้ EP3 นะครับ : https://ppantip.com/topic/43141213
เกริ่นนำ......
ตัวผมเองเป็นเด็กบ้านนอกคอกนา เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ปู่ย่า ตายาย ทำไร่ทำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย
เรียนโรงเรียนวัด วันหยุดก็เข้าป่าหายิงนก ตกปลา หาหนู หากะปอม ตามประสาเด็กบ้านนอก
ไม่มีของเล่นแพงๆ มีแต่หนังกะติ๊กคู่ใจ กับบ่วงคล้องกะปอม น้ำปะปาไม่มี มีแต่น้ำในบ่อที่เอาไว้ใช้อุปโภค
มีแต่น้ำฝนที่รองเอาไว้ใช้บริโภค ชีวิตจึงผูกพันกับวิถีชีวิตแบบนี้
พอเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนจนถึงปัจจุบัน
ช่วงทำงานแรกๆ ก็ทำงานไป ใช้ชีวิตไป โดยยังไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิต ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เริ่มมีเงิน เริ่มมีเครดิต
บัตรโน่น นี่ นั่น เยอะแยะไปหมด จนวันนึงถึงจุดที่ไม่ไหว เงินไม่พอให้หมุนในแต่ละเดือน เพราะไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด
ชำระขั้นต่ำแล้วก็ไม่มีเงินเหลือพอให้ใช้จ่าย จนต้องยอมถูกฟ้องและเสียเครดิตไปโดยปริยาย...
หลังจากนั้นก็ตั้งสติและวางแผนชีวิตใหม่ แก้ปัญหาไปทีละอย่าง จนหมดหนี้ทุกสิ่งอย่างในวัย 34
เริ่มคิด......
ในช่วงปี พ.ศ.2562 ช่วงนั้นจะเป็นช่วงฮิตการทำเกษตรกร โคก หนอง นา หรือ เกษตรผสมผสาน
มีวัยรุ่นยุคใหม่ หรือ วัยกลางคน ออกจากงานประจำแล้วเอาเงินที่หามาได้ไปหาซื้อที่ทำเกษตร โคก หนอง นา + คาเฟ่เล็กๆ
ผมเห็นเขาทำแล้วก็อยากมีบ้าง เพราะนึกถึงสมัยเด็ก เลยนั่งหน้าคอม ใช้โปรแกรม Excel นั่งร่างแบบคร่าวๆ
รูปแบบสวนที่วางแผนไว้(ทำจริงอีกเรื่อง)
อุปสรรคที่พบเจอ.....
หลังจากออกแบบเสร็จแล้ว ก็เอาโปรเจคนี้ไปพูดคุยกับพ่อและแม่ ว่าเราอยากทำอะไร
ผลที่ได้รับคือ...พ่อไม่ให้ทำ เพราะพ่อกลัวเสียที่นา ไม่อยากขุดบ่อ ไม่อยากทำ โน่น นี่ นั่น เยอะแยะไปหมด
แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ งัดคำถามเด็ดด้วยการสอบถามว่า พ่อทำนา ได้กำไรปีละเท่าไหร่ ( ที่บ้านผมทำนาปีนะครับ...ทำปีละ 1 ครั้ง )
คำตอบที่ได้คือ...ประมาน 3 หมื่นต่อปีต่อที่นา 17 ไร่ ผมเลยบอกพ่อว่า ผมจะให้พ่อเดือนละ 10,000 บาท
โดยแบ่งเป็น 5,000 แรกคือค่ากินค่าอยู่ และอีก 5,000 คือเงินสำรองเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการทำสวนเกษตร
(ปกติผมไม่ได้ส่งเงินกลับบ้าน แต่ผมจะให้ปีละครั้งประมาน 50-60K โดยแบ่งให้จากเงินโบนัสที่ผมได้รับจากงานประจำ)
และผมจะขอทำสวนเกษตรในแปลงของผมที่พ่อกับแม่ได้แบ่งยกเป็นมรดก จำนวนประมาน 6 ไร่(เหลืออีก 11 ไร่ พ่อก็ทำนาปกติ)
พูดจนพ่อยอมตกลงให้ทำ.......ผมต้องเอาเงินมาล่อ ถึงจะยอมใจอ่อน คนแก่นี่จริงๆเลย 555556+
แปลง 1 : พื้นที่ 6 ไร่ ที่ขอทำสวนเกษตร(ห่างจากบ้านประมาน 700 เมตร)
แปลง2-3 : พ่อทำนาเหมือนเดิม
บทที่ 1.....เริ่มต้น
หลังจากที่ได้พูดคุยตกลงกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ก็เว้นระยะมา 1 ปีกว่า จนได้ฤกษ์ ได้ชัย ก็ต้นปี 2564
โดยพ่อกับแม่เป็นคนจัดแจงเองทั้งหมด
มกราคม 2564 : นัดรถรับจ้างให้มาขุดบ่อและปรับพื้นที่
ขุดลงไป 2 เมตร ก็เจอน้ำแล้ว
ขุดบ่อ ถมดินเรียบร้อย (ส่วนก้อนกลมๆที่อยู่กลางบ่อนั้นคือก้อนหิน ไม่สามารถเอาออกได้ เลยปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น)
บ่อที่ขุดนี้มีขนาดประมาน 3 งาน งบค่าขุดฟรี แต่ซื้อดินที่ขุดมาถมปรับพื้นที่ ใช้งบประมาน 30K
บทที่ 2.....เริ่มปลูก
หลังจากขุดบ่อปรับพื้นเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำอะไรต่อ จนเวลาล่วงเข้าเดือนมิถุนายน 2564
ผมก็สั่งมะพร้าวน้ำหอมก้นจีบ จาก อ.ดำเนินสะดวก จำนวน 50 ต้น และมะพร้าวแกง จาก จ.ชุมพร จำนวน 4 ต้น
ให้ไปส่งที่บ้าน และพ่อกับแม่ก็ได้เอาลงปลุกที่สวนที่ปรับไว้ตั้งแต่ต้นปี
มะพร้าวที่พึ่งลงปลูก ต้นจะยังเล็กๆอยุ่
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็ไปอบรมเกษตรตำบล ทางเขาก็แจกพรรณไม้ต่างๆมาให้ แม่ก็เอาลงปลูกมั่วๆไป
มีไผ่ซางหม่น มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง พุทรานมสด มะระกอฮอลแลน บลาๆๆๆๆๆๆๆ
และก็สร้างกระท่อมพร้อมห้องน้ำไว้อีก 1 หลังเล็กๆ + แท้งค์น้ำ 2000 ลิตร
อ้อ.....ลืมบอกไป ว่าทางเกษตรตำบลแจกไก่ใข่มาให้เลี้ยงด้วยอีก 20 ตัว
แต่เลี้ยงไว้พื้นที่อีกแปลงในหมู่บ้านนะครับ อยู่สวนเดี๋ยวไก่หาย...555556+
หลังจากนั้นผ่านมาอีก 2 เดือน เข้าช่วงเดือนกันยายน 2564 ฝนมาเยอะกว่าปกติ พายุเข้าติดต่อกันหลายลูก
น้ำก็ท่วมที่นา แต่ดีหน่อยที่ข้าวโตพ้นน้ำไปแล้ว
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายฝน... ต้นไม้ส่วนใหญ่ก็โตวันโตคืน มีแต่กล้วยกับมะระกอที่รากเน่าและตายไป เพราะน้ำขังนานไปหน่อย
ปลาธรรมชาติที่อยู่ตามทุ่งนาก็เข้ามาอยู่ในบ่อเยอะมาก ปลาซิว ปลานิล กุ้งฝอย ว่ายอยู่เต็มบ่อ ระบบนิเวศเริ่มดีขึ้น
บทที่ 3.....ไฟฟ้าและแสงสว่าง
หลังจากฝนหมดไปแล้ว... ก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาว พื้นที่ในสวนจากความเขียวขจีก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
จากไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็เริ่มซื้อของจำพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และไฟให้แสงสว่างรอบสวนกับชุดนอนนา
ผักสวนครัวก็งอกงาม ปลาในบ่อก็เริ่มโต พอได้เป็นกับข้าวกับปลา
กลางคืนเลี้ยงจิ้มจุ่มญาติพี่น้อง จิบเบาๆกับอากาศเย็นๆในช่วงเดือนธันวาคม 2564
ไฟที่ใช้ในสวนคือไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ทีวีก็ดูได้โดยใช้คู่กับชุดนอนนา(งบประมาน 12K)
บรรยากาศยามเย็น... กับแสงทไวไลท์
เดี๋ยวมาต่อนะครับ