เรื่องเกิดจากแม่ผมเป็นข้าราชการเกษียณ อายุ 65 ปี ทำให้ได้รับบำเน็จดำรงชีพ
แม่ผมมีการติดต่อกับทางเขตพื้นที่เพื่อทำเรื่องรับเงินดังกล่าว จนเรียบร้อยได้รับเงินเมื่อเดือนที่ผ่านมา
  แล้วเช้าวันนึงแม่ผมก็ได้รับโทรศัพท์ บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่เขตให้แอดไลน์ แม่ผมก็แอดปรากฏชื่อเป็น เขตที่แม่ผมสังกัดจริงๆ
ทางเจ้าหน้าที่ ส่งลิงค์ให้โหลดแอพโดยอ้างว่าเพื่อรับดอกเบี้ยส่วนที่ยังขาด  อ่านมาถึงตรงนี้พอรู้แล้วใช่ไหมครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
ใช่ครับ เงินในบัญชีแม่ผมหายเกลี้ยง ทั้งหมดที่หายไปคือ 6 แสนบาท แม่ผมโดนทำสแกนหน้า 2 ครั้ง
  มาถึงจุดนี้เรื่องเงินที่หายหรือเรื่องคดีผมไม่ได้จะมาปรึกษาหรือโวยวายอะไรแต่ผมข้องใจอยู่ 2 อย่างคือ
1. คนโทรมารู้ได้อย่างไรว่าแม่ผมเป็นกลุ่มที่เพิ่งได้รับเงิน แถมรู้สังกัด พร้อมรายละเอียดส่วนตัว
2. ข้อนี้ละครับประเด็นที่มาโพสวันนี้ ธนาคารกรุงไทยครับ แม่ผมทำวงเงินเบิกผ่านแอพไว้ 1.5 แสน แต่สอบถามธนาคารปรากฏว่าสามารถเปลี่ยนเองผ่านแอพได้ !!!  และสามารถ เปลี่ยนได้วงเงินสูงสุดถึง 2-5 ล้าน และใช่ครับโจรได้ทำการเปลี่ยนวงเงินตรงนี้จนสามารถดูดเงินไปเกลี้ยง
  *****เลยอยากมาขอเรียกร้อง รณรงค์ และอยากให้เรื่องนี้ถึงธนาคารว่า การเปลี่ยนวงเงินเกิน 1 แสนขึ้นไปผมเห็นว่าควรให้เจ้าตัวไปเปลี่ยนเองที่ธนาคารดีกว่าไหม คนปกติเขาไม่โอนกันเกินแสน ถ้าใครจะทำธุรกรรมเกินแสนบ่อยๆ ก็ควรไปเปลี่ยนวงเงินที่ธนาคาร ไม่ใช่แค่สแกนหน้าแล้วเปลี่ยนกันง่ายๆแบบนี้ ผมเห็นว่ามาตรการนี้จะช่วยจำกัดความเสียหายของผู้คนอีกจำนวนมากโดยเฉพาะคนสูงอายุ*****
  ปล. เรื่องการป้องกัน รู้เท่าทัน ความไม่โลภเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ามีการช่วยจากระบบธนาคารก็จะดีไม่น้อย ผมหวังว่าเงินที่หายไปของแม่ผมจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับท่านอื่น และเป็นตัวกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่านี้