สวัสดี เพื่อนนักปั่นทุกท่านครับ
หลังจากที่ผมหยุดปั่นจักรยานไปหลายปี เพราะ Covid และปัญหาหลายๆอย่าง ช่วง 3-4 เดือนล่าสุดก็ได้มีโอกาสกลับมาปั่นจักรยานอีกครับ ด้วยเหตุที่ว่าไปหยุดมองจักรยานคันเดิมที่จอดไว้ใต้บันไดมานาน แล้วคิดถึงประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินว่า "จักรยานที่ไม่ได้ปั่นคือจักรยานที่ราคาแพง" ใช่อยู่ซื้อจักรยานคันนี้มา ล้อใหม่ 2 คู่ อัพเกรดชุดเกียร์ด้วย แต่ปั่นไปยังไม่ถึง 6000 กิโลเลยในเวลา 10 ปีที่ผ่านมาบวกกับเริ่มเบื่อกับการวิ่งบนลู่มาซักพัก ทำให้ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรซักอย่าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลู่วิ่งซื้อมา 14000 ใช้มา 2 ปีกว่า วิ่งไป 3000+ กิโลเมตร ตกกิโลเมตรละ 4 บาทกว่า ก็ถือว่าน่าพอใจอยู่ ตอนนี้ก็อาจจะใช้น้อยลงบ้างก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว
วันนี้จะมาเล่าการไปปั่น Audax200 -ท่าฉลอมมาเมื่อวานให้ฟังกันครับ
เตรียมการซ้อม
การกลับมาปั่นจักรยานครั้งนี้ก็มาพร้อมกับเป้าหมายเดิมคือ อย่างน้อยเราต้องลงปั่น Audax อีกครั้งให้ได้เป็นเป้าหมายเบื้องต้น! เนื่องด้วย Audax200 Ayuthaya ที่เคยปั่นนั้น ผมบริหารจัดการพลังงานได้ไม่ดีเอาซะเลย ออกปั่นตีห้าครึ่ง เพื่อนพาตามดูดกลุ่มขาแรง เขาปั่นกัน AV35-36 ซึ่งเราเคยปั่นที่ 27-28 เท่านั้น ตอนแรกๆก็ดูดได้แต่มีช่วงหนึ่งเส้นบางปะอิน ลมสวนจัดมากคนอื่นเขาค่อยๆหลบลม แต่เราไม่หลบแล้วดันไปลากให้เขาซะยังงั้น ไม่ถึง 5 นาทีก็หมดแรงตั้งแต่ครึ่งทาง ปล่อยตัว 5.30 ถึงอยุธยาก่อนเที่ยง แต่กลับถึงกทม.เกือบไม่ทันปิดงาน ตอนนั้น 40 กิโลสุดท้ายเหมือนปั่นอยู่ในนรก ซึ่งครั้งนี้มันจะต้องไม่เกิดขึ้นครับ
เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ ผมก็จัดตารางซ้อมเองซะเลย เดือนแรกขอสัปดาห์ละ 100 กิโล เพราะยังวิ่งลู่อยู่ เดือนที่ 2-3 ก็วิ่งลดลง ปั่นมากขึ้นเป็นเดือนละ 550 700 กิโลตามลำดับ เดือนที่แล้วไปซุ่มซ้อมอยู่ที่เชียงราย มีความสุขมาก ออกปั่นเช้า เอาผลไม้ในสวนใส่เป้ไปใส่บาตร พอตัวเบาแล้วก็ไปทานข้าว ปั่นไปเรื่อยๆแล้วหยุดพักที่ Cafe ทุกวัน ชาเขียว ชาไทย ช็อคโกแลตเย็นวนไป สุดท้ายก็ปั่น 1000 กิโลในหนึ่งเดือนได้ตามที่ตั้งใจไว้ครับ ก็คิดว่าถ้าเราปั่นตาม Power Zone 1 ไปเรื่อยๆจะสามารถจบแน่ขอแค่อย่าห้าวหรือก้าวร้าวไปปั่นตามขาแรงก็พอ แผนการมีเท่านี้ครับ
วันปั่นจริง 10 ธค. 2023
ผมจองโฮมสเตย์ใกล้ๆกับวัดไทยาวาสที่เป็นจุดรวมตัวแล้วก็ไปค้างที่นั่นก่อนหนึ่งคืนเพราะไม่อยากเดินทางช่วงเช้ามืด การเตรียมการเป็นไปด้วยดี แต่พอไปถึงที่พัก จุกหมุนของแกนปลดล้อหน้าได้หายไป(น่าจะคลายเกลียวเยอะเกินไป) เหลือแค่แกน ค้นหาทั่วรถแล้วก็ไม่เจอก็เลยต้องตามหาร้านจักรยานแถวนั้นซึ่งมันก็เย็นมากแล้ว โทรศัพท์ไปหลายร้านเลยแต่โชคดีที่ยังมีร้านจักรยานเปิดอยู่ ก็เลยต้องเสียเงินซื้อแกนปลดใหม่ยกชุดเพื่อจุกหมุนอันเดียว -*-
ผมตื่นตั้งแต่ก่อน 6 โมง รีบแต่งตัว เช็คเอาท์ ฝากของไว้ แล้วก็ออกไปจุดรวมตัว มีเพื่อนนักปั่นมาร่วมหลักร้อย(ซึ่งก็เป็นเรื่องดี ถ้าจะหาคนเกาะไปด้วยง่าย 555+) มีกล้วย มีกาแฟ น้ำดื่มรอเพื่อนนักปั่นพร้อมตากล้องด้วยครับ ท่านผู้จัดสนับสนุนค่อนข้างดีแต่ผมเตรียมทุกอย่างมาหมดแล้ว อิอิ(แม้แต่ของกินก็ใส่เป้มาเผื่อไว้ แต่มียางในแค่ชุดเดียวนะ 555+) ผม Load แผนที่ใส่ Head unit มาเรียบร้อยแต่ก็ยังกังวลอยู่ว่า มันจะแม่นพอมั้ยหว่า ไม่แน่ใจจริงๆก็เลยคิดว่าเดี๋ยวปั่นๆตามเขาไปก่อนซักพักจะดีกว่า
*รูปอาจจะมีไม่เยอะนะครับ เพราะว่าผมไม่นิยมหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปขณะปั่น รู้สึกไม่ปลอดภัยครับ*
พอเริ่มออกตัว 7 โมง ก็กลายเป็นว่าเราอยู่ในกลุ่มหน้าๆ ซึ่งทางประมาณ 15-20 กม.แรกค่อนข้างซอกแซก ทำความเร็วยากก็เลยเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ผมก็ปั่นไปเรื่อย เกาะคนโน้นที พอรู้สึกว่าไม่ใช่ความเร็วที่เราปั่นปกติก็ย้ายไปเกาะอีกกลุ่ม สนุกสนานกันไป มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีทางแยกติดๆกันหลายครั้ง ก็มีเพื่อนนักปั่นกลุ่มหนึ่งตรงไป แต่เราเห็นว่าตาม GPS มันไม่ใช่ ก็เลยไม่ได้ตามไป แถมมีนักปั่นอีกกลุ่มหนึ่งตามผมมาแล้วถามผมว่า มาถูกทางเหรอ เห็นกลุ่มหนึ่งเขาตรงไป ผมบอกว่า ผมปั่นตาม GPS ครับ เขาก็เบาใจก็เลยให้เรานำ(อ่าว... 5555+) ปั่นๆไปซักพัก GPS มันขึ้นเป็นเส้นหนาๆ 2 เส้น ผมนึกว่าผมมาผิดทางแล้วมันให้หาที่กลับรถ ก็ตกใจ(มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงแสดงเป็นเส้นแดงหนาๆ) ก็เลยเอ๊ะๆ อ๊ะๆ คนที่ตามผมมาก็หืม? เป็นอะไรครับมาผิดทางเหรอ นี่รู้ทางใช่มั้ย? ผมตอบไปว่า "ผมเพิ่งมาครั้งแรกคร้าบบบ" "อ้าวววววววว" กันยกกลุ่มเลยครับ 55555+ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องเชื่อ GPS มัน ซักพักหนึ่งสีเส้นถนนบนจอก็กลับมาเป็นสีเทาดำปกติ เอากับมันสิ!
CP1 สถานีรถไฟ-วัดบ้านแหลม กม.52.5 @09:14
ปั่นไปซักพัก พวกพี่ๆที่ปั่นตามมาด้วยก็ชวนกันแวะทานข้าว เพราะปั่นมาเกือบ 2 ชม.แล้วแต่วันนี้วันหยุด ไม่มีร้านข้าวเปิดเลย(หรืออาจจะเช้าไปก็เป็นได้) ก็เลยนัดกันว่าเข้า CP1 ก่อนก็ได้ พอตอนเข้า CP1 ก็ได้ยินว่ามีเพื่อนนักปั่นล้มตรงจุดตัดทางรถไฟที่เจ้าหน้าที่เตือนไว้ก่อนเริ่มปั่นด้วยซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ผมได้เพื่อนร่วมทางใน event นี้ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังภายหลังครับ CP1 สถานีรถไฟ(และวัด)บ้านแหลมนี้ มีน้ำมะพร้าวบริการให้คนละถุง หอม เย็นชื่นใจมาก เราก็เอาผงเกลือแร่ที่เตรียมไว้มาละลายใส่ขวด พร้อมกิน protein bar 1 อันกับเค้กกล้วยหอม เติมน้ำแล้วก็ลุยต่อ เจ้าหน้าที่ก็ย้ำว่าอย่าลืมแวะถ่ายรูปกับ street art นะ ออกไปจากตรงนี้ไม่ไกลมาก พี่ๆที่ปั่นมาด้วยเมื่อกี้หายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมก็เลยต้องกลับมาปั่นเดี่ยวอีกรอบ
ผมปั่นออกมา ก็เริ่มรู้สึกถึงรูปวาดตามกำแพงและประตูรั้ว รวมถึงฝาท่อระบายน้ำ(ว้าว! รู้สึกว่าเราอยู่ญี่ปุ่นหน่อยๆ 555+) แต่ก็ไม่เยอะรกจนเกินไป เพื่อความแน่ใจผมก็เลยแวะถามคุณยายที่ขายน้ำเต้าหู้แถวนั้นว่า street art ไปทางไหน คุณยายบอกว่า ตลอดถนนเส้นนี้เลย ตั้งแต่วัดออกไปฟากโน้น ผมก็อ่อออ ขอบคุณครับ แล้วก็ปั่นออกมา นึกในใจว่า 'อ่าว นี่มันคือ ทริปท่องเที่ยวนี่นา' ก็เลยลดความเร็วลงหน่อย av20 ชิลๆดูบ้านเมืองเขา รู้สึกว่าเป็น street art ที่มีระเบียบดี ไม่มีความรกอยู่เลย แต่ก็รู้สึกว่ามันมีน้อยไปหน่อยถึงแม้ว่าจะมีหลายจุดที่มีความน่าสนใจอยู่ก็ตาม
ปั่นออกจากบริเวณ street art แล้วพักหนึ่งก็เห็นเพื่อนนักปั่นท่านหนึ่ง(หน้าคุ้นๆ เพราะเขาจอดจักรยานรอลงทะเบียนใกล้ๆผมแล้วก็ใส่เสื้อสีฟ้าโดดเด่น) ปั่นจักรยานย้อนเส้นทางสวนกลับไปที่ CP1 ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่อีกซักพักก็รู้สึกว่าพี่เขาตามผมมา ผมก็เลยถามว่า พี่มาคนเดียวเหรอครับ? พี่เขาบอกว่า เขามากับเพื่อนอีก 3 คนแต่เพื่อนประสบอุบัติเหตุตรงจุดตัดทางรถไฟแขนหักไป 1 คน อีกสองคนรถพังปั่นต่อไม่ได้ หลังจากรถพยาบาลมารับเพื่อนไปแล้ว เขาก็เลยตัดสินใจปั่นต่อคนเดียวแต่ว่าเขาไม่รู้เส้นทางก็เลยปั่นวนรอหาคนไปด้วย ผมก็อ่อ...พี่ตามผมมาก็ได้ครับ ผมโหลดแผนที่มาแล้ว(ก็หวังว่ามันจะเป็นที่พึ่งทำให้เราปั่นจบได้นะ 5555+) ถึงแม้ว่าจะไม่ไว้ใจตอนแรกแต่ถึงตอนนี้ก็ต้องไว้ใจมันแล้วล่ะ!! ไม่มีทางเลือก! เราสองคนปั่นมาเรื่อยๆ หลัง 9 โมงอากาศเริ่มร้อนแล้วแถมรอบๆทางนี่มัน นาเกลือ!!?? ที่โล่งมากกก ถนนคอนกรีตผสมลาดยางยาวๆ ท่านผู้จัดวางหมากมาเพื่อย่างนักปั่นอย่างเราๆกันชัดๆ! ราวๆกิโลเมตรที่ 70 กว่าๆพี่เขาก็ถามว่า ใกล้ถึง CP2 รึยัง?
"โห พี่ครับ CP2 น่าจะอยู่ที่ระยะ 100 กิโลกว่าๆ ยังไม่ถึงหรอกครับ"
"ยางหลังพี่ซึม... ตั้งแต่ CP1 แล้วแต่พี่อัดลมไว้แข็งๆ ถ้าเปลี่ยนยางกลัวจะเสียเวลา"
"อ่าว...แล้วพี่จะไหวมั้ยครับเนี่ย ดูแล้วยางก็ยังไม่อ่อนนะครับ"
ก็เลยปั่นต่อไป แต่พอถึงกม.ที่ 92-93 ก็ยางพี่เขาเริ่มออกอาการอีก คราวนี้เห็นชัดเลยว่ามันเริ่มแบนจริง เราก็เลยแวะพักที่ปั๊มใกล้ๆแล้วก็กินข้าวเที่ยงกันด้วยเลย(แม้จะยังไม่เที่ยงก็ตาม) ระหว่างที่รอข้าวผมก็สังเกตว่าพี่เขาเก่ง เปลี่ยนยางคล่องมาก 10 นาทีเสร็จ ดูเตรียมพร้อมดี คงผ่านมาหลายสนามซึ่งผิดกับผม พวกเรากินข้าวแล้วก็แวะเติมน้ำ เติมน้ำแข็งซึ่งตอนนี้ต้องมาแล้วเพราะร้อนมาก ก็คุยกับพี่ว่า มีคนเคยบอกว่าถ้าปั่นจักรยานตอนอากาศร้อนๆ ก็ลองเอาน้ำแข็งมายัดใส่เสื้อดูครับ(พี่ๆแถวนี้แหล่ะ เขียนไว้ในกระทู้ ผมจำๆมา 555+) แต่ก็ไม่ได้ทำจริง ผมซัดไอศกรีมเพิ่ม น้ำเย็นแล้ว ผ้าบัฟพร้อม!ก็ลุยกันต่อ ไม่นานก็ถึง CP2
CP2 อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ กม.108.4 @12:27
มาถึง CP2 เส้นทางเข้าเป็นถนนแคบ รถติดมาก พวกผมปั่นเลยไปนิดหน่อยแต่เพราะเพื่อนนักปั่นกลุ่มอื่นตะโกนเรียกก็เลยได้กลับรถทัน CP2 นี้ดูร่มรื่น ติดแม่น้ำด้วย มีน้ำแข็งเพียบไม่อั้น แถมมีร้านขนม ร้านอาหารให้นั่งด้วย พร้อมเบียร์เย็นๆแต่ผมมีคนมาด้วยแล้วก็เกรงใจเขาไม่กล้าพักนานเลยลงชื่อ ประทับตรา รับเบียร์มาใส่เป้กระป๋องนึง แล้วเอาน้ำแข็งก้อนยัดเสื้อ ปลอกแขน กระเป๋าหลัง ว้าว! หัวใจลดฮวบประมาณ -10BPM เลยแต่เป็นความรู้สึกที่เย็นเฉพาะจุด ซาบซ่านดี ปั่นออกมาหน่อยก็เป็นพื้นที่สวนมะพร้าว ค่อยยังชั่วที่มีร่มเงาให้บ้างแต่ก็ยังร้อนอยู่ดี น้ำแข็งนั้นอยู่ได้ประมาณ 10 กิโลก็ละลายหมดไป สุดท้ายก็กลับมาร้อนเหมือนเดิม ระหว่างทางช่วง CP2-3 นี้ เจอเพื่อนนักปั่นกลุ่มหน้าเยอะพอสมควร บางคนมาคนเดียวด้วยแต่ปั่นเร็ว ขาแรงจริงๆ ผมมิบังอาจไปตามเขาเพราะแค่ปั่นกับพี่คนนี้(มารู้ทีหลังตอนพักที่วัดแหลมทอง/CP4 ว่าพี่เขาชื่อโดม ปั่นมาเกือบร้อยกิโลเพิ่งจะถามชื่อกัน 555+) ก็รู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว เพราะผมปั่นตาม Power zone แต่พี่เขาปั่นเน้น av29-30 ถ้าปั่นตามลมผมก็ตามพี่เขาได้ไม่ยากแต่พอมีลม av ผมก็อาจจะเหลือ 25-26 เวลาผมเป็นคนนำ พวกเราสลับกันลากโดยที่ผมเป็นคนบอกทางพี่เขาตามหลังตอนที่พี่เขานำ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ประมาณกม.ที่ 125 ด้วยความที่มันร้อนมากๆเราก็เลยวางแผนว่า จะหยุดพักก่อนถ้าเจอ 7-11 ซึ่งไม่ถึง 10 นาทีเราก็เจอจุดพักเลย คราวนี้ที่ว่าเอาน้ำแข็งยัดเสื้อยัดกางเกงนั้น พอลองตอนหยุดที่ CP2 มันทำได้จริง คราวนี้ก็จัดหนักกันเลยยัดกันเต็มตัว ผมก็ซื้อขนมปังเพิ่มกับนมถั่วเหลืองกล่องใหญ่เต็มที่กันไป กลัวปั่นแล้วหิวมากๆปั่นไปอีกไม่นานเราก็มาถึง CP3 ครับ
Audax แรกในรอบเกือบ 10 ปี Audax200 -ท่าฉลอม 2023.12.10
หลังจากที่ผมหยุดปั่นจักรยานไปหลายปี เพราะ Covid และปัญหาหลายๆอย่าง ช่วง 3-4 เดือนล่าสุดก็ได้มีโอกาสกลับมาปั่นจักรยานอีกครับ ด้วยเหตุที่ว่าไปหยุดมองจักรยานคันเดิมที่จอดไว้ใต้บันไดมานาน แล้วคิดถึงประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินว่า "จักรยานที่ไม่ได้ปั่นคือจักรยานที่ราคาแพง" ใช่อยู่ซื้อจักรยานคันนี้มา ล้อใหม่ 2 คู่ อัพเกรดชุดเกียร์ด้วย แต่ปั่นไปยังไม่ถึง 6000 กิโลเลยในเวลา 10 ปีที่ผ่านมาบวกกับเริ่มเบื่อกับการวิ่งบนลู่มาซักพัก ทำให้ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรซักอย่าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้จะมาเล่าการไปปั่น Audax200 -ท่าฉลอมมาเมื่อวานให้ฟังกันครับ
เตรียมการซ้อม
เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ ผมก็จัดตารางซ้อมเองซะเลย เดือนแรกขอสัปดาห์ละ 100 กิโล เพราะยังวิ่งลู่อยู่ เดือนที่ 2-3 ก็วิ่งลดลง ปั่นมากขึ้นเป็นเดือนละ 550 700 กิโลตามลำดับ เดือนที่แล้วไปซุ่มซ้อมอยู่ที่เชียงราย มีความสุขมาก ออกปั่นเช้า เอาผลไม้ในสวนใส่เป้ไปใส่บาตร พอตัวเบาแล้วก็ไปทานข้าว ปั่นไปเรื่อยๆแล้วหยุดพักที่ Cafe ทุกวัน ชาเขียว ชาไทย ช็อคโกแลตเย็นวนไป สุดท้ายก็ปั่น 1000 กิโลในหนึ่งเดือนได้ตามที่ตั้งใจไว้ครับ ก็คิดว่าถ้าเราปั่นตาม Power Zone 1 ไปเรื่อยๆจะสามารถจบแน่ขอแค่อย่าห้าวหรือก้าวร้าวไปปั่นตามขาแรงก็พอ แผนการมีเท่านี้ครับ
วันปั่นจริง 10 ธค. 2023
ผมจองโฮมสเตย์ใกล้ๆกับวัดไทยาวาสที่เป็นจุดรวมตัวแล้วก็ไปค้างที่นั่นก่อนหนึ่งคืนเพราะไม่อยากเดินทางช่วงเช้ามืด การเตรียมการเป็นไปด้วยดี แต่พอไปถึงที่พัก จุกหมุนของแกนปลดล้อหน้าได้หายไป(น่าจะคลายเกลียวเยอะเกินไป) เหลือแค่แกน ค้นหาทั่วรถแล้วก็ไม่เจอก็เลยต้องตามหาร้านจักรยานแถวนั้นซึ่งมันก็เย็นมากแล้ว โทรศัพท์ไปหลายร้านเลยแต่โชคดีที่ยังมีร้านจักรยานเปิดอยู่ ก็เลยต้องเสียเงินซื้อแกนปลดใหม่ยกชุดเพื่อจุกหมุนอันเดียว -*-
ผมตื่นตั้งแต่ก่อน 6 โมง รีบแต่งตัว เช็คเอาท์ ฝากของไว้ แล้วก็ออกไปจุดรวมตัว มีเพื่อนนักปั่นมาร่วมหลักร้อย(ซึ่งก็เป็นเรื่องดี ถ้าจะหาคนเกาะไปด้วยง่าย 555+) มีกล้วย มีกาแฟ น้ำดื่มรอเพื่อนนักปั่นพร้อมตากล้องด้วยครับ ท่านผู้จัดสนับสนุนค่อนข้างดีแต่ผมเตรียมทุกอย่างมาหมดแล้ว อิอิ(แม้แต่ของกินก็ใส่เป้มาเผื่อไว้ แต่มียางในแค่ชุดเดียวนะ 555+) ผม Load แผนที่ใส่ Head unit มาเรียบร้อยแต่ก็ยังกังวลอยู่ว่า มันจะแม่นพอมั้ยหว่า ไม่แน่ใจจริงๆก็เลยคิดว่าเดี๋ยวปั่นๆตามเขาไปก่อนซักพักจะดีกว่า
"ยางหลังพี่ซึม... ตั้งแต่ CP1 แล้วแต่พี่อัดลมไว้แข็งๆ ถ้าเปลี่ยนยางกลัวจะเสียเวลา"
"อ่าว...แล้วพี่จะไหวมั้ยครับเนี่ย ดูแล้วยางก็ยังไม่อ่อนนะครับ"