เคยรู้สึกว่าตัวตนของเราในตอนเด็กไม่ใช่เรากันบ้างไหมคะ?

เราก็พอรู้บ้างว่าตอนเด็กเราเป็นอย่างไร ตอนเด็กที่ว่าก็คือช่วงอนุบาลเลยนะคะ
พ่อเราบอกว่าอยากให้เราเหมือนตอนเด็กตอนเด็กเรียนเก่ง ทำเเบบนู้นได้ทำเเบบนี้ได้ เรารู้ว่าเราเรียนเก่งเเต่พอนึกย้อนไปเหมือนบางอย่างเราไม่ได้เป็นคนทำมันเองเลยค่ะ
เคยประกวดร้องเพลงอันนี้เราจำได้เเต่เราจำได้ว่าไม่ได้ที่1 วันหนึ่งเเม่พูดขึ้นมาว่าเราร้องเพลงได้ที่หนึ่งด้วยนะตอนเด็ก เราเถียงหัวชนฝาจนเเม่เอาใบเกียรติบัตรให้ดูว่าได้ที่1  เรานึกย้อนไปตอนเราอยู่ป.3 เราเป็นคนเเบบไหนนะ ทำไมเราไม่โหยหาเพื่อนขนาดนี้ ตอนนั้นเรานิสัยเเบบไหนนะ ทำไมเราถึงมาเเบบคนเเบบนี้ได้ เหมือนตอนเราเด็กๆที่พ่อพูดถึงมันไม่ใช่เราเเต่มีใครซักคนสิงหรือใช้ชีวิตเเทนเราอยู่เลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่มีวุฒิภาวะเป็นพ่อแม่ที่ดี ถ้าบ้านไหนที่มีพ่อแม่ที่ไม่มีวุฒิภาวะที่ดีลูกๆไม่ควรยึดถือคำพูดของพ่อแม่เอามาเป็นหลักยึดในชีวิตหรือทำให้ตัวเองเศร้าหมอง

อยากยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่เคยดูใน YouTube เป็นคุณบอยธกลเกียรติวีรวรรณ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 1 ที่ผลิตละคร คุณบอยเล่าว่าคุณพ่อเรียนเก่งมากจำไม่ได้ว่าเรียนสถาบันที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศหรือเปล่าแต่น่าจะใช่เพราะว่าเป็นผู้บริหารธนาคารระดับสูง คุณแม่ก็เก่ง พี่ชายพี่สาวเรียนเก่งกันทุกคน แต่คุณบอยไม่ถนัดเรื่องการเรียนเลย สอบวิชาคณิตศาสตร์วิชาภาษาอังกฤษวิชาวิทยาศาสตร์ที่พวกพี่ๆทำได้ top ห้องแต่คุณบอยสอบตก ทั้งๆที่มีพ่อแม่ที่เก่งมากๆและพี่น้องที่เก่งมากๆแต่แทนที่พ่อแม่จะตำหนิว่าทำไมไม่เก่งเหมือนพ่อแม่ไม่เก่งเหมือนพี่ แต่พ่อของคุณบอยกลับบอกกับคุณบอยในวันนั้นว่า ไม่เป็นไร บางทีลูกอาจจะมีความถนัดอะไรทางอื่นที่ไม่ใช่ทางนี้ คุณบอยเลยมีกำลังใจขึ้นแล้ววันหลังค่อยค้นพบว่าตัวเองถนัดเกี่ยวกับการเขียนบทการกำกับละครเลยไปเรียนทางด้านนั้นแทนที่คุณพ่อคุณแม่และพี่ๆที่เรียนทางด้านการเงินถ้าจำไม่ผิด มีคุณบอยคนเดียวที่มาทางด้านการสร้างละครแล้วคุณพ่อก็ส่งเสริมจนประสบความสำเร็จเป็นคุณบอยทุกวันนี้

เรื่องประมาณนี้อาจจะมีคาดเคลื่อนจากนี้บ้างนิดหน่อยแต่ประเด็นสำคัญที่อยากจะบอกก็คือพ่อของคุณบอยถ้าจำไม่ผิดชื่อคุณอำนวย วีรวรรณ อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงเทพและรัฐมนตรีน่าจะกระทรวงการคลัง ถ้าขาดเครื่องต้องขออภัยด้วย ที่เป็นพ่อที่ดีมากทั้งๆที่ตัวเองเรียนเก่งมากประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนการทำงานเมียก็เป็นคนเก่งมีลูกก็เรียนเก่งแต่พอมีลูกคนเล็กที่ไม่ถนัดเรื่องการเรียนแทนที่จะดุด่ากลับพูดให้กำลังใจ ไม่ให้ท้อถอยและบอกว่าคนเราความถนัดไม่เหมือนกัน

การที่คนหนึ่งเคยเก่งในวัยเด็กจะเอามาเทียบกับวัยผู้ใหญ่ไม่ได้เพราะวิชาความรู้ในวัยเด็กไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ถึงเราจะเคยเก่งตอนนั้นแต่เราไม่ได้ใส่ใจเต็มที่ที่จะทำให้ดีที่สุดไปเรื่อยๆ ในขณะที่ยิ่งโตขึ้นสิ่งยั่วยุยิ่งมากยิ่งทำให้ห่างจากการเรียน ในขณะที่คนอื่นพยายามมากกว่าเราทำให้เรากับเพื่อนห่างกันเรื่อยๆจนกระทั่งโตขึ้นแต่ละคนแตกต่างไปจากเดิมมาก การที่พ่อแม่พูดกับลูกว่าอยากให้ลูกเก่งเหมือนสมัยเด็กส่วนตัวคิดว่าไม่ถูกต้องและมันย้อนเวลาไม่ได้ พ่อแม่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ดูแลอย่างใกล้ชิดที่จะทำให้เราเป็นคนเก่ง การที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นจนเป็นคนเก่งได้ไม่ใช่ตามลำพังแน่นอน มันเหมือนกับต้นไม้ถ้าอยากได้พันธุ์ที่ดีมันต้องตัดแต่งกิ่งอยู่ตลอดเวลาและดูแลอย่างใกล้ชิดเติมปุ๋ยหรืออื่นๆที่จำเป็นไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนต้นไม้โตใหญ่กิ่งก้านสาขาเกะกะรกไปหมดปุ๋ยก็ไม่เคยใส่ไม่เคยดูแลใดๆเลยแล้วมาบอกว่าควรจะเป็นต้นไม้ที่โตขึ้นมาสวยงามให้ผลอร่อยมันก็ไม่ถูกต้อง

ที่จริงแล้วมันคือเราต้องยอมรับในปัจจุบันก่อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเกิดจากการกระทำของเราเองในอดีตทั้งนั้นทุกอย่างที่เราทำมันส่งผลมาถึงตัวเราในอนาคต และเช่นเดียวกันอนาคตเราสามารถกำหนดมันได้ในระดับหนึ่งจากการกระทำของเราในวันนี้และวันพรุ่งนี้ไปเรื่อยๆถ้าเราดำเนินการถูกเราจะสามารถกำหนดอนาคตที่ดีของเราได้ผ่านการทำทุกวันตั้งแต่วันนี้ทำด้วยความพยายามทำด้วยคุณภาพคิดให้ไกลมีการวางแผนอะไรที่ผิดพลาดจะต้องมาวิเคราะห์ว่าผิดพลาดเพราะอะไรแล้วพยายามใหม่แก้ไขใหม่ลุกขึ้นสู้ใหม่ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้งจะลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง

อยากให้เจ้าของกระทู้ถ้าอยากมีอนาคตที่ดีพยายามค้นและอ่านให้เยอะหาคำแนะนำที่ดีที่บวกมาปฏิบัติ อย่าเอาคำพูดเชิงลบของพ่อแม่ที่พูดในสิ่งที่ย้อนไม่ได้แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วมาทำให้หมองใจไม่มีกำลังใจที่จะสู้ชีวิตเพื่อเป้าหมายของตัวเองเราสามารถหาคำแนะนำดีๆได้และพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่