ตอนที่ ๑ ก - ฌ "ทหารตกยาก"
สมัยหนึ่ง ยังมี ชายคนกล้า
จากบ้านมา เป็นทหาร ประเสริฐศรี
ถืออาวุธ สู้ข้าศึก ผู้ราวี
ชีวิตนี้ อุทิศให้ ชาวประชา
ครั้งจบศึก ทหารหาญ ล้วนเสียหาย
บ้างล้มตาย เจ็บไข้ เสียแขนขา
ชายผู้กล้า สะท้อนใจ วางศาสตรา
หยุดเข่นฆ่า แล้วเดินทาง กลับบ้านตน
พอกลับมา ก็ประสบ กับความทุกข์
ไร้ความสุข เพราะบ้านเขา ถูกโจรปล้น
จากคนมี ก็กลับกลาย เป็นคนจน
เลยขัดสน ทั้งข้าวของ และเงินทอง
ทรัพย์เหลืออยู่ ก็
กอเอ๋ย เจ้า
กอไก่
กก
ขอไข่ อยู่ในเล้า ไม่กี่ฟอง
ชายคนนั้น สงบนิ่ง คิดตริตรอง
แล้วเหลือบมอง ไปที่โคน ของต้นไทร
แล้วคิดว่า ครั้งก่อนนั้น เขามีเหล้า
กลัวขี้เมา ขโมยกิน เหล้าขวดใหม่
เอา
ฃอฃวด ของเรา ฝังดินไว้
ใต้ไทรใหญ่ ต้นนี้ ซ่อนอย่างดี
จึงขุดเอา ขวดเหล้า ที่ฝังอยู่
หยิบขึ้นดู เหล้านั้น ยังเต็มปรี่
กำลังใจ ที่เสื่อมสูญ ก็กลับมี
ไม่รอรี รีบลองลิ้ม รสสุรา
ดื่มน้ำเมา หอมหวาน ชวนชื่นจิต
เขาครุ่นคิด คนกับควาย ต่างกันหนา
อัน
คอควาย นั้นได้ แต่
เข้านา
เราแขนขา ยังมี ใช่อับจน
อัน
ฅอฅน ขึงขัง ใฝ่ขยัน
เคยดุดัน สู้ศึก ทุกแห่งหน
สาอะไร กับเสื่อมทรัพย์ เราคือคน
ควรดั้งด้น หาทาง ทำการงาน
บัดนั้น คนจนพลัน รู้สึกหิว
ท้องคอดกิ่ว ต้องการ ซึ่งอาหาร
ของที่เหลือ ไม่มีแม้ ข้าวสักจาน
จึงคิดการ ขอข้าววัด กินของฟรี
เดินถึงวัด เห็นงูเห่า เขาเลื้อยผ่าน
มองอยู่นาน เกิดอยากกิน งูเสียนี่
คนหิวข้าว เริ่มสำรวจ ดูท่าที
อยากจะมี ไม้กระบอง ไว้ตีงู
เหลือบไปเห็น
ฆอระฆัง ที่
ข้างฝา
จึงคิดว่า น่าจะหนัก เอาเรื่องอยู่
งองูนั้น
ใจกล้า จ้องมองดู
ทำท่าขู่ ชายแปลกหน้า แบกระฆัง
คนกับงู ตาสองคู่ จ้องดูกัน
ทันใดนั้น พลันมีเสียง ที่ข้างหลัง
เป็นสมภาร ท่านร้องห้าม เสียงดัง ๆ
ให้รอรั้ง อย่าฆ่าสัตว์ ตัดชีวา
พระท่านว่า เขตวัดนี้ อภัยทาน
จงคิดอ่าน ละบาป เสียเถิดหนา
อย่ากระทำ ปาณา ติปาตา
อย่าได้ฆ่า งูเห่า ตัวนั้นเลย
คนท้องหิว จึงตอบ พระคุณเจ้า
เพราะกินเหล้า เลยหลงผิด ไปเฉย ๆ
ขาดสติ เกือบทำบาป อย่างที่เคย
พอเอื้อยเอ่ย ก็ก้าวเท้า ถอยออกมา
งูเห่านั้น ก็เลื้อยหนี รีบตีจาก
ชายคนยาก วางระฆัง ที่หนักหนา
คนกับงู คู่กรณี ต่างเลิกรา
ชาววัดวา ก็ยกมือ สาธุการ
จากนั้นพระ จึงชวนโยม สนทนา
จึงได้มา ฟังเรื่องราว ที่ผันผ่าน
ว่าเขาเป็น นักรบ อยู่แสนนาน
พอกลับบ้าน ก็พบทรัพย์ ถูกลักไป
มาบัดนี้ เขาอับจน สิ้นหนทาง
ท้องก็ว่าง หิวโซ ทนไม่ไหว
คิดล่างู ก็กลัวบาป ต้องอดใจ
อยากขอให้ พระท่านช่วย เลี้ยงข้าวปลา
ท่านสมภาร พอรู้เรื่อง แล้วสงสาร
จึงเรียกขาน เด็กวัด ให้จัดหา
ข้าวก้นบาตร ผักข้างรั้ว และแตงกวา
น้ำพริกมา คลุกข้าวสุก ให้เขาที
ชายคนนั้น นั่งกินข้าว กับเด็กน้อย
ข้าวอร่อย คลุกน้ำพริก แสนอิ่มหมี
้กับผักสด บน
จอจาน ที่
ใช้ดี
ข้าวมื้อนี้ รสถูกปาก แสนสุขใจ
พอกินเสร็จ สมภาร ก็มาตาม
แล้วไต่ถาม เอาอย่างไร จะไปไหน
โยมก็ตอบ คงหากิน กับพงไพร
เจออะไร สี่ขา ลองล่าดู
สมภารท่าน เป็นนักบวช ใจเมตตา
พอฟังว่า จะล่าสัตว์ ก็หดหู่
จึงเกลี้ยกล่อม ตัวเขา อย่างผู้รู้
ว่าให้อยู่ อาศัย ที่วัดวา
เป็นโยมวัด ช่วยเหลือพระ เถรเณรชี
น่าจะดี กว่าลำบาก บุกเข้าป่า
ที่วัดนี้ ไม่ขาดแคลน ซึ่งหยูกยา
ทั้งข้าวปลา ผักน้ำพริก ก็มากมาย
ก่อนพรรษา วัดเรานี้ มีงานใหญ่
จะว่าไป ขาดคนช่วย อีกมากหลาย
คนบุญหนัก เขาจัดบวช ลูกเจ้านาย
อย่าดูดาย จงช่วยวัด จัดการงาน
ชายผู้นั้น พอฟัง ก็พินิจ
แล้วก็คิด รับน้ำใจ ไม่หักหาญ
อีกทั้งเรา เป็นบัณฑิต ใช่คนพาล
ข้าวที่ทาน ควรตอบแทน อย่าเฉยชา
จึงตอบรับ ว่าตามแต่ พระคุณเจ้า
บุญคุณข้าว ที่เลี้ยงดู นั้นหนักหนา
โยมนี้จะ ตอบแทนด้วย แรงกายา
ไปจนกว่า จะค้นพบ หนทางไป
วันเวลา ผ่านมาถึง เช้าวันบวช
เด็กวัดอวด เสื้อผ้า ชุดตัวใหม่
รอบข้างโบสถ์ ก็ปัดกวาด เสียไฉไล
ที่ด้านใกล้ มีโรงทาน อาหารฟรี
จะว่าไป ก็สม เป็นงานใหญ่
รอบข้างไซร้ แต่งด้วย ธงหลากสี
ใกล้ต้นโพธิ์ มีจัดตั้ง วงดนตรี
ฟังเสียงปี่ กลองระนาด ประสานกัน
เสียง
ฉอฉิ่ง ตีดัง ให้จังหวะ
กับเสียงพระ ซ้อมสวด ดังสนั่น
เหมือนพระโยม จะส่งเสียง แข่งประชัน
ต่างมุ่งมั่น ทำหน้าที่ เป็นอย่างดี
ที่ลานวัด มีพ่อค้า มาขายของ
มียาดอง ยาสูบ มวนบุหรี่
้ของกินเล่น ของปิ้งย่าง ก็มากมี
ในที่นี้ คึกคัก กว่าที่ใด
ยังมีกลุ่ม เด็กซุกซน ชอบกลนัก
พ่อแม่ตัก เตือนก็ ไม่หวั่นไหว
จุดประทัด เสียงดัง ไม่สนใคร
เสียงดังไกล ให้รำคาญ ช่างน่าตี
บัดนั้น มีช้างเข้า มาในวัด
เพราะถูกจัด เตรียมแห่นาค ในวันนี้
ช้างงางาม ตัวโต ดูเข้าที
เหมือนคีรี ใหญ่ยิ่ง กว่าสิ่งใด
ช้างไม่ได้ ตื่นกลัว เสียงฉิ่งฉับ
แต่เจอกับ ประทัดดัง ฟังไม่ไหว
ชอช้างจึง ตกใจ
วิ่งหนีไป
เดือดร้อนให้ ควาญช้าง ต้องไปตาม
ช้างกลับมา อาการยัง ไม่สู้ดี
แย่แล้วนี่ ไม่เข้าที ดูคุกคาม
เจ้าของงาน กลัวเรื่อง จะลุกลาม
จึงสอบถาม หา
ซอโซ่ มา
ล่ามที
ไม่นานนัก ช้างก็ถูก เอาโซ่ล่าม
ที่ไม้งาม ดูแข็งแรง กันช้างหนี
ต้นไม้ชื่อ
ฌอกะเฌอ คู่กันนี้
ต้นใหญ่ดี ล่ามช้างแล้ว ค่อยไว้ใจ
พอจบเรื่อง กลุ่มเด็กซน ก็หายซ่า
ทั้งโดนด่า โดนตี เพราะเหลวไหล
เจ้าภาพนั้น ก็ไม่โกรธ หรือโทษใคร
ยิ้มละไม ดีที่เรื่อง ไม่ลุกลาม
แม้ไม่มี ช้างแห่นาค ในวันนี้
ก็ยังดี มีคน คอยแบกหาม
คนมีแรง แบกนาค ยามฤกษ์งาม
แล้วเดินตาม ขบวนแห่ ไปรอบเมือง
เรื่องวุ่นวาย ในวันบวช ก็ผ่านไป
บวชพระใหม่ แล้วฉลอง กันต่อเนื่อง
เจ้าภาพรวย มียศใหญ่ ไม่กลัวเปลือง
บุญผ้าเหลือง ทำเจ้าภาพ สุขเกินใคร
ส่วนชาย ชาติทหาร ที่อยู่วัด
ก็ช่วยจัด การงาน ไม่เหลวไหล
พระเณรท่าน ใช้อะไร ก็ว่องไว
เอาใจใส่ บริการ เป็นอย่างดี
นิยาย ก.ไก่ ตอนที่ ๑ - ๓
สมัยหนึ่ง ยังมี ชายคนกล้า
จากบ้านมา เป็นทหาร ประเสริฐศรี
ถืออาวุธ สู้ข้าศึก ผู้ราวี
ชีวิตนี้ อุทิศให้ ชาวประชา
ครั้งจบศึก ทหารหาญ ล้วนเสียหาย
บ้างล้มตาย เจ็บไข้ เสียแขนขา
ชายผู้กล้า สะท้อนใจ วางศาสตรา
หยุดเข่นฆ่า แล้วเดินทาง กลับบ้านตน
พอกลับมา ก็ประสบ กับความทุกข์
ไร้ความสุข เพราะบ้านเขา ถูกโจรปล้น
จากคนมี ก็กลับกลาย เป็นคนจน
เลยขัดสน ทั้งข้าวของ และเงินทอง
ทรัพย์เหลืออยู่ ก็กอเอ๋ย เจ้ากอไก่
กกขอไข่ อยู่ในเล้า ไม่กี่ฟอง
ชายคนนั้น สงบนิ่ง คิดตริตรอง
แล้วเหลือบมอง ไปที่โคน ของต้นไทร
แล้วคิดว่า ครั้งก่อนนั้น เขามีเหล้า
กลัวขี้เมา ขโมยกิน เหล้าขวดใหม่
เอาฃอฃวด ของเรา ฝังดินไว้
ใต้ไทรใหญ่ ต้นนี้ ซ่อนอย่างดี
จึงขุดเอา ขวดเหล้า ที่ฝังอยู่
หยิบขึ้นดู เหล้านั้น ยังเต็มปรี่
กำลังใจ ที่เสื่อมสูญ ก็กลับมี
ไม่รอรี รีบลองลิ้ม รสสุรา
ดื่มน้ำเมา หอมหวาน ชวนชื่นจิต
เขาครุ่นคิด คนกับควาย ต่างกันหนา
อันคอควาย นั้นได้ แต่เข้านา
เราแขนขา ยังมี ใช่อับจน
อันฅอฅน ขึงขัง ใฝ่ขยัน
เคยดุดัน สู้ศึก ทุกแห่งหน
สาอะไร กับเสื่อมทรัพย์ เราคือคน
ควรดั้งด้น หาทาง ทำการงาน
บัดนั้น คนจนพลัน รู้สึกหิว
ท้องคอดกิ่ว ต้องการ ซึ่งอาหาร
ของที่เหลือ ไม่มีแม้ ข้าวสักจาน
จึงคิดการ ขอข้าววัด กินของฟรี
เดินถึงวัด เห็นงูเห่า เขาเลื้อยผ่าน
มองอยู่นาน เกิดอยากกิน งูเสียนี่
คนหิวข้าว เริ่มสำรวจ ดูท่าที
อยากจะมี ไม้กระบอง ไว้ตีงู
เหลือบไปเห็น ฆอระฆัง ที่ข้างฝา
จึงคิดว่า น่าจะหนัก เอาเรื่องอยู่
งองูนั้น ใจกล้า จ้องมองดู
ทำท่าขู่ ชายแปลกหน้า แบกระฆัง
คนกับงู ตาสองคู่ จ้องดูกัน
ทันใดนั้น พลันมีเสียง ที่ข้างหลัง
เป็นสมภาร ท่านร้องห้าม เสียงดัง ๆ
ให้รอรั้ง อย่าฆ่าสัตว์ ตัดชีวา
พระท่านว่า เขตวัดนี้ อภัยทาน
จงคิดอ่าน ละบาป เสียเถิดหนา
อย่ากระทำ ปาณา ติปาตา
อย่าได้ฆ่า งูเห่า ตัวนั้นเลย
คนท้องหิว จึงตอบ พระคุณเจ้า
เพราะกินเหล้า เลยหลงผิด ไปเฉย ๆ
ขาดสติ เกือบทำบาป อย่างที่เคย
พอเอื้อยเอ่ย ก็ก้าวเท้า ถอยออกมา
งูเห่านั้น ก็เลื้อยหนี รีบตีจาก
ชายคนยาก วางระฆัง ที่หนักหนา
คนกับงู คู่กรณี ต่างเลิกรา
ชาววัดวา ก็ยกมือ สาธุการ
จากนั้นพระ จึงชวนโยม สนทนา
จึงได้มา ฟังเรื่องราว ที่ผันผ่าน
ว่าเขาเป็น นักรบ อยู่แสนนาน
พอกลับบ้าน ก็พบทรัพย์ ถูกลักไป
มาบัดนี้ เขาอับจน สิ้นหนทาง
ท้องก็ว่าง หิวโซ ทนไม่ไหว
คิดล่างู ก็กลัวบาป ต้องอดใจ
อยากขอให้ พระท่านช่วย เลี้ยงข้าวปลา
ท่านสมภาร พอรู้เรื่อง แล้วสงสาร
จึงเรียกขาน เด็กวัด ให้จัดหา
ข้าวก้นบาตร ผักข้างรั้ว และแตงกวา
น้ำพริกมา คลุกข้าวสุก ให้เขาที
ชายคนนั้น นั่งกินข้าว กับเด็กน้อย
ข้าวอร่อย คลุกน้ำพริก แสนอิ่มหมี
้กับผักสด บนจอจาน ที่ใช้ดี
ข้าวมื้อนี้ รสถูกปาก แสนสุขใจ
พอกินเสร็จ สมภาร ก็มาตาม
แล้วไต่ถาม เอาอย่างไร จะไปไหน
โยมก็ตอบ คงหากิน กับพงไพร
เจออะไร สี่ขา ลองล่าดู
สมภารท่าน เป็นนักบวช ใจเมตตา
พอฟังว่า จะล่าสัตว์ ก็หดหู่
จึงเกลี้ยกล่อม ตัวเขา อย่างผู้รู้
ว่าให้อยู่ อาศัย ที่วัดวา
เป็นโยมวัด ช่วยเหลือพระ เถรเณรชี
น่าจะดี กว่าลำบาก บุกเข้าป่า
ที่วัดนี้ ไม่ขาดแคลน ซึ่งหยูกยา
ทั้งข้าวปลา ผักน้ำพริก ก็มากมาย
ก่อนพรรษา วัดเรานี้ มีงานใหญ่
จะว่าไป ขาดคนช่วย อีกมากหลาย
คนบุญหนัก เขาจัดบวช ลูกเจ้านาย
อย่าดูดาย จงช่วยวัด จัดการงาน
ชายผู้นั้น พอฟัง ก็พินิจ
แล้วก็คิด รับน้ำใจ ไม่หักหาญ
อีกทั้งเรา เป็นบัณฑิต ใช่คนพาล
ข้าวที่ทาน ควรตอบแทน อย่าเฉยชา
จึงตอบรับ ว่าตามแต่ พระคุณเจ้า
บุญคุณข้าว ที่เลี้ยงดู นั้นหนักหนา
โยมนี้จะ ตอบแทนด้วย แรงกายา
ไปจนกว่า จะค้นพบ หนทางไป
วันเวลา ผ่านมาถึง เช้าวันบวช
เด็กวัดอวด เสื้อผ้า ชุดตัวใหม่
รอบข้างโบสถ์ ก็ปัดกวาด เสียไฉไล
ที่ด้านใกล้ มีโรงทาน อาหารฟรี
จะว่าไป ก็สม เป็นงานใหญ่
รอบข้างไซร้ แต่งด้วย ธงหลากสี
ใกล้ต้นโพธิ์ มีจัดตั้ง วงดนตรี
ฟังเสียงปี่ กลองระนาด ประสานกัน
เสียงฉอฉิ่ง ตีดัง ให้จังหวะ
กับเสียงพระ ซ้อมสวด ดังสนั่น
เหมือนพระโยม จะส่งเสียง แข่งประชัน
ต่างมุ่งมั่น ทำหน้าที่ เป็นอย่างดี
ที่ลานวัด มีพ่อค้า มาขายของ
มียาดอง ยาสูบ มวนบุหรี่
้ของกินเล่น ของปิ้งย่าง ก็มากมี
ในที่นี้ คึกคัก กว่าที่ใด
ยังมีกลุ่ม เด็กซุกซน ชอบกลนัก
พ่อแม่ตัก เตือนก็ ไม่หวั่นไหว
จุดประทัด เสียงดัง ไม่สนใคร
เสียงดังไกล ให้รำคาญ ช่างน่าตี
บัดนั้น มีช้างเข้า มาในวัด
เพราะถูกจัด เตรียมแห่นาค ในวันนี้
ช้างงางาม ตัวโต ดูเข้าที
เหมือนคีรี ใหญ่ยิ่ง กว่าสิ่งใด
ช้างไม่ได้ ตื่นกลัว เสียงฉิ่งฉับ
แต่เจอกับ ประทัดดัง ฟังไม่ไหว
ชอช้างจึง ตกใจ วิ่งหนีไป
เดือดร้อนให้ ควาญช้าง ต้องไปตาม
ช้างกลับมา อาการยัง ไม่สู้ดี
แย่แล้วนี่ ไม่เข้าที ดูคุกคาม
เจ้าของงาน กลัวเรื่อง จะลุกลาม
จึงสอบถาม หาซอโซ่ มาล่ามที
ไม่นานนัก ช้างก็ถูก เอาโซ่ล่าม
ที่ไม้งาม ดูแข็งแรง กันช้างหนี
ต้นไม้ชื่อ ฌอกะเฌอ คู่กันนี้
ต้นใหญ่ดี ล่ามช้างแล้ว ค่อยไว้ใจ
พอจบเรื่อง กลุ่มเด็กซน ก็หายซ่า
ทั้งโดนด่า โดนตี เพราะเหลวไหล
เจ้าภาพนั้น ก็ไม่โกรธ หรือโทษใคร
ยิ้มละไม ดีที่เรื่อง ไม่ลุกลาม
แม้ไม่มี ช้างแห่นาค ในวันนี้
ก็ยังดี มีคน คอยแบกหาม
คนมีแรง แบกนาค ยามฤกษ์งาม
แล้วเดินตาม ขบวนแห่ ไปรอบเมือง
เรื่องวุ่นวาย ในวันบวช ก็ผ่านไป
บวชพระใหม่ แล้วฉลอง กันต่อเนื่อง
เจ้าภาพรวย มียศใหญ่ ไม่กลัวเปลือง
บุญผ้าเหลือง ทำเจ้าภาพ สุขเกินใคร
ส่วนชาย ชาติทหาร ที่อยู่วัด
ก็ช่วยจัด การงาน ไม่เหลวไหล
พระเณรท่าน ใช้อะไร ก็ว่องไว
เอาใจใส่ บริการ เป็นอย่างดี