เราไม่ปฏิเสธว่ามีครูไม่ได้มาตรฐาน หรือมีครูที่ขี้เกียจสอน มันมีจริงๆ แต่อยากให้ดูบริบทอย่างอื่นของประเทศเราด้วยว่า มันก็เป็นปัจจัยของเรื่องนี้เหมือนกัน
1.สถาบันครอบครัว นี่เป็นปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญมาก ลองเปรียบเทียบโรงเรียนรัฐขยายโอกาสกับเอกชนนะครับ
โรงเรียนรัฐ เด็กส่วนใหญ่อยู่กับตากับยาย(ซึ่งค่อนข้างตามใจเสียส่วนใหญ่) พ่อกับแม่ไปทำงานที่อื่น อยู่ในชุมชนที่มีแต่ยาเสพติด มัธยมต้นเงินรับประทานอาหารก็ไม่พอจนครูต้องหามาให้เพิ่มแบบที่เป็นข่าว เวลามีปัญหาอะไรก็มีแต่จะพูดว่าให้ออกหรือมันเป็นแบบนั้นแหละครู เด็กที่เป็นเป็นเรียนดีเด็กเก่งหลายคนไม่ได้เรียนต่อเพราะทางบ้านไม่ซัพพอร์ท
โรงเรียนเอกชน พ่อแม่ผู้ปกครองมีพื้นฐานที่ดี ดูแลเอาใจใส่ลูกดีอยู่แล้ว จึงอยากให้ลูกคนที่มีกำลังอยู่ในสังคมร่วมกัน เวลาเกิดปัญหาต่างๆก็ประสานงานกับผู้ปกครองง่าย เพราะผู้ปกครองพร้อมดูแลช่วยเหลือครู เมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
2. หลักสูตร ต้องยอมรับตามตรงว่าเด็กทุกวันนี้มีความเปลี่ยนไปมากกว่าในอดีต เพราะฉะนั้นหลักสูตรต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับผู้เรียน เพิ่มความน่าสนใจและแบ่งตามความถนัดของผู้เรียนให้ได้มากกว่านี้ ลดการเรียนบางวิชาและปรับเป็นวิชาเสรี แล้วการห้ามนักเรียนซ้ำชั้นก็เกิดปัญหาใหญ่เลย คือ พอนักเรียนเลื่อนระดับชั้นมามัธยมต้น แต่อ่านยังไม่ออกเขียนยังไม่ได้ อ่านสะกดภาษาอังกฤษยังไม่ได้ ทำให้ครูต้องมาดูแลนักเรียนกลุ่มนี้ ทำให้การเรียนการสอนไม่ได้เป็นไปตามที่แผนที่วางเอาไว้เพราะต้องมาปูพื้นฐานใหม่
3. โรงเรียนและครู คุณครูไหมว่าในประเทศเรามีโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ครูต้องสอนทุกวิชา ครูที่สอนภาษาไทยที่เป็นพื้นฐานการอ่านออกเขียนได้ของเด็กไม่ใช่ครูภาษาไทยโดยตรง และสอนหลายห้อง หลายวิชา คุณคิดว่าคุณภาพมันจะหามาจากไหน นี่ยังไม่รวมงานนอกเหนือการสอนของครู ทั้งเรื่องการเงิน พัสดุ งานภารโรง ที่บางโรงเรียนบุคลากรไม่พออีกด้วยนะครับ จะยุบรวมโรงเรียนก็ไม่ได้อีก เพราะชาวบ้านก็จะไม่ส่งลูกหลานไปเรียนเพราะไกล
นี่เป็นปัญหาที่ยกมาคร่าวๆนะครับ ปัญหาด้านการศึกษาของไทยมันไม่ได้แก้ได้ด้วยการมีครูเก่งแล้วมันจะจบ แต่ยอมรับว่าการรับนักศึกษาครู ควรต้องการปรับการรับที่มีมาตรฐานมากกว่านี้ โดยเฉพาะมหาลัยที่เปิดรับนักศึกษาครูแบบไม่อั้นและไม่ได้ควบคุมคุณภาพ และครูผู้สอนควรมีความตระหนักในหน้าที่ที่รับผิดชอบมากกว่านี้
แต่ละท่านมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ ขอบคุณครับ
การศึกษาไทยแย่ แต่โทษครูอยู่ฝ่ายเดียว แบบนี้เราว่าก็ไม่ถูกนะ
1.สถาบันครอบครัว นี่เป็นปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญมาก ลองเปรียบเทียบโรงเรียนรัฐขยายโอกาสกับเอกชนนะครับ
โรงเรียนรัฐ เด็กส่วนใหญ่อยู่กับตากับยาย(ซึ่งค่อนข้างตามใจเสียส่วนใหญ่) พ่อกับแม่ไปทำงานที่อื่น อยู่ในชุมชนที่มีแต่ยาเสพติด มัธยมต้นเงินรับประทานอาหารก็ไม่พอจนครูต้องหามาให้เพิ่มแบบที่เป็นข่าว เวลามีปัญหาอะไรก็มีแต่จะพูดว่าให้ออกหรือมันเป็นแบบนั้นแหละครู เด็กที่เป็นเป็นเรียนดีเด็กเก่งหลายคนไม่ได้เรียนต่อเพราะทางบ้านไม่ซัพพอร์ท
โรงเรียนเอกชน พ่อแม่ผู้ปกครองมีพื้นฐานที่ดี ดูแลเอาใจใส่ลูกดีอยู่แล้ว จึงอยากให้ลูกคนที่มีกำลังอยู่ในสังคมร่วมกัน เวลาเกิดปัญหาต่างๆก็ประสานงานกับผู้ปกครองง่าย เพราะผู้ปกครองพร้อมดูแลช่วยเหลือครู เมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
2. หลักสูตร ต้องยอมรับตามตรงว่าเด็กทุกวันนี้มีความเปลี่ยนไปมากกว่าในอดีต เพราะฉะนั้นหลักสูตรต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับผู้เรียน เพิ่มความน่าสนใจและแบ่งตามความถนัดของผู้เรียนให้ได้มากกว่านี้ ลดการเรียนบางวิชาและปรับเป็นวิชาเสรี แล้วการห้ามนักเรียนซ้ำชั้นก็เกิดปัญหาใหญ่เลย คือ พอนักเรียนเลื่อนระดับชั้นมามัธยมต้น แต่อ่านยังไม่ออกเขียนยังไม่ได้ อ่านสะกดภาษาอังกฤษยังไม่ได้ ทำให้ครูต้องมาดูแลนักเรียนกลุ่มนี้ ทำให้การเรียนการสอนไม่ได้เป็นไปตามที่แผนที่วางเอาไว้เพราะต้องมาปูพื้นฐานใหม่
3. โรงเรียนและครู คุณครูไหมว่าในประเทศเรามีโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ครูต้องสอนทุกวิชา ครูที่สอนภาษาไทยที่เป็นพื้นฐานการอ่านออกเขียนได้ของเด็กไม่ใช่ครูภาษาไทยโดยตรง และสอนหลายห้อง หลายวิชา คุณคิดว่าคุณภาพมันจะหามาจากไหน นี่ยังไม่รวมงานนอกเหนือการสอนของครู ทั้งเรื่องการเงิน พัสดุ งานภารโรง ที่บางโรงเรียนบุคลากรไม่พออีกด้วยนะครับ จะยุบรวมโรงเรียนก็ไม่ได้อีก เพราะชาวบ้านก็จะไม่ส่งลูกหลานไปเรียนเพราะไกล
นี่เป็นปัญหาที่ยกมาคร่าวๆนะครับ ปัญหาด้านการศึกษาของไทยมันไม่ได้แก้ได้ด้วยการมีครูเก่งแล้วมันจะจบ แต่ยอมรับว่าการรับนักศึกษาครู ควรต้องการปรับการรับที่มีมาตรฐานมากกว่านี้ โดยเฉพาะมหาลัยที่เปิดรับนักศึกษาครูแบบไม่อั้นและไม่ได้ควบคุมคุณภาพ และครูผู้สอนควรมีความตระหนักในหน้าที่ที่รับผิดชอบมากกว่านี้
แต่ละท่านมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ ขอบคุณครับ