“วิโรจน์” เดือดกลางโซเชียล-สื่อนอกตีแผ่ค้ากามไทย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_649388/
‘วิโรจน์’ เดือด ทวิตไม่หยุดปมสื่อนอกตีแผ่ค้ากามไทย เหน็บหมูกระทะไม่ใช่ซอฟต์เพาเวอร์ แนะไม่แก้ค้าบริการเด็ก-จีนเทา-ติดสินบน ขอจับตาดูผลสอบ หวั่นจับ ตร.ชั้นผู้น้อยเป็น ‘แพะ’ รับบาปแทน
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แชร์ข่าว พร้อมทวิตข้อความผ่าน x กรณีสื่อเยอรมันตีแผ่กระบวนการค้ามนุษย์ไทย ที่ผู้ต้องหาจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ว่า
“
1) ค้าบริการเด็ก 3) จีนเทา 2) การคอร์รัปชั่นการรีดไถ และการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่แก้ไข 3 สิ่งนี้จะกลายเป็น ซอฟต์เพาเวอร์ในแง่ลบ ที่โน้มน้าวดึงดูดมาเฟียต่างชาติ ให้เข้าใจว่าถ้าอยากทำธุรกิจสีเทาต้องมาที่ประเทศไทย ที่นี่ค้ามนุษย์ได้ ทำผิดกฎหมายก็ติดสินบนให้พ้นผิดได้”
จากนั้นเวลา 08.54 น. นาย
วิโรจน์ได้แชร์ข่าวการสอบของตำรวจ และทวิตอีกว่า “
ต้องจับตาดูผลสอบ ผมเกรงว่าถ้าผลสอบออกมาว่า “ไม่มี” หรือมีเพียงตำรวจชั้นผู้น้อย ถูกจับมาเป็นแพะรับบาป จะยิ่งทำให้ ตร. ตกต่ำลงไปอีก”
ต่อมาเวลา 08.59 น. นาย
วิโรจน์ได้ทวิตต่อว่า “
กรณี #DWDocumentary ที่เปิดโปงการติดสินบน จนท. เพื่อหลบหนีได้ โดย ตร. ระดับสูงให้สัมภาษณ์ว่า ศาลเป็นผู้อนุญาตให้ออกนอกประเทศจะกลายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ดึงดูดมาเฟียข้ามชาติ ให้เข้ามาทำธุรกิจสีเทา และประเทศจะกลายเป็น Hub ของกิจกรรมผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งการค้าบริการเด็ก ปาร์ตี้ยาเสพติด”
จากนี้เวลา 09.05 น. และช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ได้ทวิตอีกว่า “
ซอฟต์เพาเวอร์ มีทั้งดีและร้าย มันเป็นกระบวนการโน้มน้าวโดยไม่บังคับอย่าง #DWDocumentary ถ้าการค้าบริการเด็ก การติดสินบน และการรีดไถ ของ จนท. ตลอดจนปัญหามาเฟียข้ามชาติจีนเทาไม่ถูกแก้ไข นี่จะกลายเป็น Soft Power ดึงดูดให้ธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติ ให้มาลงหลักปักฐานในประเทศไทย”
“
ภาพที่ประเทศไทย เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น ผู้มีอิทธิพล มาเฟียข้ามชาติจีนเทา ทำผิดธุรกิจผิดกฎหมายถ้ายอมให้ ตร.รีดไถ มีเงินติดสินบน จนท. ก็อยู่กอบโกยได้ ทำผิดก็จ่ายเงินให้พ้นผิดได้ สิ่งเหล่านี้ กำลังจะกลายเป็น #ซอฟต์เพาเวอร์ ที่ดึงดูดธุรกิจผิดกฎหมาย และมาเฟียข้ามชาติจากทั่วโลก”
“
ไม่ต้องมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจสีเทา ไม่ต้องมีกฎหมายอนุญาตให้มาเฟียข้ามชาติมาลงทุนในประเทศ ไม่ต้องมีระเบียบการจ่ายเงินให้พ้นผิดแค่ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยๆ ซ้ำๆ ก็จะกลายเป็น Soft Power ที่ดึงดูดให้ธุรกิจสีเทา และแก๊งค์มาเฟียข้ามชาติ จากทั่วโลก ให้แห่แหนมาสู่ประเทศไทยเอง”
“
หมูกระทะ ไม่ใช่ซอฟต์เพาเวอร์ แต่ “การคอร์รัปชั่น” นี่สิ กำลังจะกลายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ที่ดึงดูดแก๊งค์มาเฟียข้ามชาติ ให้มายึดประเทศไทย เป็นฐานการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย โดยสามารถจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทำหน้าที่เป็นสมุนคุ้มครองธุรกิจสีเทาได้”
https://twitter.com/wirojlak/status/1731491728966955487
https://twitter.com/wirojlak/status/1731492096228704386
https://twitter.com/wirojlak/status/1731493296395141169
https://twitter.com/wirojlak/status/1731494797549183439
https://twitter.com/wirojlak/status/1731496560821932089
https://twitter.com/wirojlak/status/1731498444370624605
https://twitter.com/wirojlak/status/1731497388135919809
บุรีรัมย์ ลุ้นจนตาย ชาวนารอเงินไร่ละพันของรัฐบาลยังไม่ออก นอนตายก่อน
https://siamrath.co.th/n/497657
หลังทราบข่าวเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 ไม่เกิน 20 ไร่ของรัฐบาลเริ่มออกตั้งแต่ 28 พ.ย.ป้า 63 ปี พาญาติเอาสมุดไปปรับที่ธนาคารทุกวันแต่ยังเงินยังไม่เข้า น้องสาวไปปลุกจะพากันไปปรับสมุดอีกครั้งวันนี้ แต่พบกลายเป็นศพในบ้านคาดเกิดจากโรคประจำตัวและตื่นเต้นหลังผู้ใหญ่บ้านประกาศเงินออกวันนี้
วันที่ 4 ธ.ค.66 เมื่อเวลา 08.00 น.ร.ต.อ
การุณ จันทร์ดอก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีชาวบ้านนอนเสียชีวิต ที่บ้านกวางงอย ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมสมาคมกู้ภัยลำปลายมาศการกุศลสงเคราะห์
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวเลขที่203 หมู่.13 บ้านกวางงอยพัฒนา ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ มีชาวบ้านมามุงดูศพ น.ส
บุญหนา (สงวนนามสกุล)อายุ63ปี เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตในสภาพไม่สวมเสื้อผ้าอยู่ภายในบ้าน ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่างกายมีร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้าย สิ่งของภายในบ้านอยู่ในสภาพเดิม
สอบถามนาง
สายฝน (สงวนนามสกุล) อายุ49ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่าพี่สาวอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัวมีอาชีพทำนา ปกติตนซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันกับพี่สาว มักจะมาพูดคุยเล่นกันเป็นประจำ
หลังจากทราบว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคถุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 25566-67 ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย โดยเงินจะเริ่มออกตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
พี่สาวซึ่งจะได้เงิน 20,000 บาท รวมถึงชาวบ้านต่างดีใจนั่งจับกลุ่มคุยกันทุกวัน และชาวบ้านหลายคนเริ่มเอาสมุดบัญชีธนาคาร ธกส.ไปปรับลุ้นว่าเงินจะเข้าตอนไหน พี่สาวที่เสียชีวิตพยายามรบเร้าให้ตนไปปรับบัญชีทุกวัน
โดยเฉพาะวานนี้ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศว่าเงินน่าจะเข้าในวันที่ 4 ธ.ค.พี่สาวตื่นเต้นและนัดกันจะเอาสมุดไปปรับด้วยกัน เช้านี้จึงไปปลุกพี่สาวหวังจะเอาสมุดไปปรับให้ แต่พบว่าไฟหน้าบ้านยังเปิดอยู่เอะใจจึงไปดูทางหน้าต่างพบว่าพี่สาวนอนลักษณะเหมือนคนเสียชีวิตไม่สวมเสื้อผ้า จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบดังกล่าว ส่วนสาเหตุส่วนตัวคาดว่าน่าจะเกิดจากโรคกระจำตัวคือโรคความดันและเบาหวาน ประกอบกับมีตื่นเต้นที่จะได้รับเงิน 20,000 บาทจากรัฐบาล ซึ่งอาจจะทำให้โรคกำเริบแล้วช็อคเสียชีวิตดังกล่าว
โรงแรมหรูยอดจองพุ่ง ท่องเที่ยวไฮซีซั่นโตกระจุก รายเล็ก 3-4 ดาวยังกระอัก
https://www.prachachat.net/tourism/news-1452159
ท่องเที่ยวไฮซีซั่นดันโรงแรมหรูยอดจองพุ่ง เผยอัตราเข้าพัก-จองล่วงหน้า 80-90% เผยนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่แห่จองโรงแรม 5 ดาว-ตั๋วบินชั้นบิสซิเนส สภาท่องเที่ยววอนรัฐบาลดูแลซัพพลายไซด์รายกลาง-เล็ก ด้าน ททท.ลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ 28 ล้านคน
วันที่ 3 ธันวาคม 2566 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2567 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยโรงแรมกลุ่มไฮเอนด์ (luxury hotel) หรือกลุ่มในระดับ 4 ดาวและ 5 ดาวขึ้นมีอัตราการเข้าพักและอัตราการจองล่วงหน้าอยู่ในระดับ 80-90% โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงแรมในเซ็กเมนต์ตลาดระดับกลาง ระดับ 3 ดาว และรายเล็กยังคงฟื้นตัวอยู่ในระดับที่ต่ำมาก หรือประมาณ 40-50% เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดินทางด้วยตนเอง (FIT) และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ใช้จ่ายต่อทริปสูง และนิยมพักในโรงแรมระดับ 5 ดาวเป็นหลัก
“นักท่องเที่ยวที่ออกเดินทางในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มระดับบน มีกำลังซื้อสูง และสามารถจ่ายค่าเดินทางที่ปรับสูงขึ้นได้ ขณะที่กลุ่มที่เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บริการโรงแรมในระดับ 3-4 ดาวนั้น ยังไม่ฟื้นกลับมา โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังมีสัดส่วนเดินทางเข้ามาในจำนวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับปี 2562” นางมาริสากล่าว
สอดรับกับนางสาว
ฤดีพรรณ เต็มชื่น ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Trip.com group ที่กล่าวว่า ในช่วงหลังโควิดนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายสูงขึ้นมาก นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยปัจจุบันมีสัดส่วนการจอง โรงแรมในระดับ 5 ดาวสูงกว่าระดับ 4 ดาว
“
ตอนนี้สัดส่วนการจองโรงแรม 5 ดาวคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% จากทั้งหมดที่จองเข้ามาพักในเมืองไทย สูงสุดเป็นอันดับ 1 จากเดิมสัดส่วนหลักอยู่ที่โรงแรมในระดับ 4 ดาว เช่นเดียวกับการจองบัตรโดยสารสายการบินก็พบว่ามีอัตราการจองบัตรโดยสารบิสซิเนสคลาสก่อนและเต็มต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ หรือปักกิ่ง-กรุงเทพฯ” นางสาว
ฤดีพรรณกล่าว
ด้านนาย
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในภาพรวมว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ประกอบการที่ฟื้นตัวและอยู่รอดแล้วคือ กลุ่มระดับบน หรือลักเซอรี่เซ็กเมนต์ ส่วนกลุ่มระดับกลางและรายเล็กซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของตลาดยังไม่สามารถกลับมาฟื้นได้
“
การเติบโตของซัพพลายไซด์ในวันนี้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ เท่านั้น เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ส่วนซัพพลายไซด์ในเมืองรองยังไม่ฟื้น” นาย
ชำนาญกล่าว และว่าสภาท่องเที่ยวอยากเสนอเสนอให้รัฐบาลช่วยดูแลซัพพลายไซด์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กในเมืองรองด้วย เพื่อให้ธุรกิจสามารถฟื้นกลับมารองรับนักท่องเที่ยวทุกเซ็กเมนต์ได้เหมือนในอดีต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม - 26 พฤศจิกายน 2566 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 24,487,178 คน โดยนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.มาเลเซีย จำนวน 3.98 ล้านคน 2.จีน จำนวน 3.05 ล้านคน 3.เกาหลีใต้ จำนวน 1.44 ล้านคน 4.อินเดีย จำนวน 1.43 ล้านคน และ 5.รัสเซีย จำนวน 1.25 ล้านคน
และหากประเมินรายเดือนจะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาอยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านคนต่อเดือน และยังเติบโตในอัตราปกติ แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 และไต้หวัน อินเดีย ตั้งแต่ 10 พฤศจิกายน 2566
ขณะที่นางสาว
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวย้ำว่า ททท.ยังคงกำหนดเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 จำนวน 28 ล้านคน และมีรายได้การท่องเที่ยวรวมที่ 2.38 ล้านล้านบาท (ตลาดในประเทศ 8 แสนล้านบาท) โดยมีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้อย่างอินเดียและไต้หวัน ซึ่งได้วีซ่าฟรีชั่วคราวเช่นเดียวกัน ตลาดจีนเป็นตัวแปรช่วยผลักดัน
JJNY : “วิโรจน์”เดือด-สื่อนอกตีแผ่ค้ากาม│บุรีรัมย์ ลุ้นจนตาย│ท่องเที่ยวไฮซีซั่นโตกระจุก│โกก้างยันไม่เจรจากับรัฐบาลทหาร
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_649388/
‘วิโรจน์’ เดือด ทวิตไม่หยุดปมสื่อนอกตีแผ่ค้ากามไทย เหน็บหมูกระทะไม่ใช่ซอฟต์เพาเวอร์ แนะไม่แก้ค้าบริการเด็ก-จีนเทา-ติดสินบน ขอจับตาดูผลสอบ หวั่นจับ ตร.ชั้นผู้น้อยเป็น ‘แพะ’ รับบาปแทน
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แชร์ข่าว พร้อมทวิตข้อความผ่าน x กรณีสื่อเยอรมันตีแผ่กระบวนการค้ามนุษย์ไทย ที่ผู้ต้องหาจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ว่า
“1) ค้าบริการเด็ก 3) จีนเทา 2) การคอร์รัปชั่นการรีดไถ และการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่แก้ไข 3 สิ่งนี้จะกลายเป็น ซอฟต์เพาเวอร์ในแง่ลบ ที่โน้มน้าวดึงดูดมาเฟียต่างชาติ ให้เข้าใจว่าถ้าอยากทำธุรกิจสีเทาต้องมาที่ประเทศไทย ที่นี่ค้ามนุษย์ได้ ทำผิดกฎหมายก็ติดสินบนให้พ้นผิดได้”
จากนั้นเวลา 08.54 น. นายวิโรจน์ได้แชร์ข่าวการสอบของตำรวจ และทวิตอีกว่า “ต้องจับตาดูผลสอบ ผมเกรงว่าถ้าผลสอบออกมาว่า “ไม่มี” หรือมีเพียงตำรวจชั้นผู้น้อย ถูกจับมาเป็นแพะรับบาป จะยิ่งทำให้ ตร. ตกต่ำลงไปอีก”
ต่อมาเวลา 08.59 น. นายวิโรจน์ได้ทวิตต่อว่า “กรณี #DWDocumentary ที่เปิดโปงการติดสินบน จนท. เพื่อหลบหนีได้ โดย ตร. ระดับสูงให้สัมภาษณ์ว่า ศาลเป็นผู้อนุญาตให้ออกนอกประเทศจะกลายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ดึงดูดมาเฟียข้ามชาติ ให้เข้ามาทำธุรกิจสีเทา และประเทศจะกลายเป็น Hub ของกิจกรรมผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งการค้าบริการเด็ก ปาร์ตี้ยาเสพติด”
จากนี้เวลา 09.05 น. และช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ได้ทวิตอีกว่า “ซอฟต์เพาเวอร์ มีทั้งดีและร้าย มันเป็นกระบวนการโน้มน้าวโดยไม่บังคับอย่าง #DWDocumentary ถ้าการค้าบริการเด็ก การติดสินบน และการรีดไถ ของ จนท. ตลอดจนปัญหามาเฟียข้ามชาติจีนเทาไม่ถูกแก้ไข นี่จะกลายเป็น Soft Power ดึงดูดให้ธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติ ให้มาลงหลักปักฐานในประเทศไทย”
“ภาพที่ประเทศไทย เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น ผู้มีอิทธิพล มาเฟียข้ามชาติจีนเทา ทำผิดธุรกิจผิดกฎหมายถ้ายอมให้ ตร.รีดไถ มีเงินติดสินบน จนท. ก็อยู่กอบโกยได้ ทำผิดก็จ่ายเงินให้พ้นผิดได้ สิ่งเหล่านี้ กำลังจะกลายเป็น #ซอฟต์เพาเวอร์ ที่ดึงดูดธุรกิจผิดกฎหมาย และมาเฟียข้ามชาติจากทั่วโลก”
“ไม่ต้องมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจสีเทา ไม่ต้องมีกฎหมายอนุญาตให้มาเฟียข้ามชาติมาลงทุนในประเทศ ไม่ต้องมีระเบียบการจ่ายเงินให้พ้นผิดแค่ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยๆ ซ้ำๆ ก็จะกลายเป็น Soft Power ที่ดึงดูดให้ธุรกิจสีเทา และแก๊งค์มาเฟียข้ามชาติ จากทั่วโลก ให้แห่แหนมาสู่ประเทศไทยเอง”
“หมูกระทะ ไม่ใช่ซอฟต์เพาเวอร์ แต่ “การคอร์รัปชั่น” นี่สิ กำลังจะกลายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ที่ดึงดูดแก๊งค์มาเฟียข้ามชาติ ให้มายึดประเทศไทย เป็นฐานการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย โดยสามารถจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทำหน้าที่เป็นสมุนคุ้มครองธุรกิจสีเทาได้”
https://twitter.com/wirojlak/status/1731491728966955487
https://twitter.com/wirojlak/status/1731492096228704386
https://twitter.com/wirojlak/status/1731493296395141169
https://twitter.com/wirojlak/status/1731494797549183439
https://twitter.com/wirojlak/status/1731496560821932089
https://twitter.com/wirojlak/status/1731498444370624605
https://twitter.com/wirojlak/status/1731497388135919809
บุรีรัมย์ ลุ้นจนตาย ชาวนารอเงินไร่ละพันของรัฐบาลยังไม่ออก นอนตายก่อน
https://siamrath.co.th/n/497657
หลังทราบข่าวเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 ไม่เกิน 20 ไร่ของรัฐบาลเริ่มออกตั้งแต่ 28 พ.ย.ป้า 63 ปี พาญาติเอาสมุดไปปรับที่ธนาคารทุกวันแต่ยังเงินยังไม่เข้า น้องสาวไปปลุกจะพากันไปปรับสมุดอีกครั้งวันนี้ แต่พบกลายเป็นศพในบ้านคาดเกิดจากโรคประจำตัวและตื่นเต้นหลังผู้ใหญ่บ้านประกาศเงินออกวันนี้
วันที่ 4 ธ.ค.66 เมื่อเวลา 08.00 น.ร.ต.อ การุณ จันทร์ดอก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีชาวบ้านนอนเสียชีวิต ที่บ้านกวางงอย ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมสมาคมกู้ภัยลำปลายมาศการกุศลสงเคราะห์
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวเลขที่203 หมู่.13 บ้านกวางงอยพัฒนา ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ มีชาวบ้านมามุงดูศพ น.ส บุญหนา (สงวนนามสกุล)อายุ63ปี เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตในสภาพไม่สวมเสื้อผ้าอยู่ภายในบ้าน ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่างกายมีร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้าย สิ่งของภายในบ้านอยู่ในสภาพเดิม
สอบถามนางสายฝน (สงวนนามสกุล) อายุ49ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่าพี่สาวอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัวมีอาชีพทำนา ปกติตนซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันกับพี่สาว มักจะมาพูดคุยเล่นกันเป็นประจำ
หลังจากทราบว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคถุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 25566-67 ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย โดยเงินจะเริ่มออกตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
พี่สาวซึ่งจะได้เงิน 20,000 บาท รวมถึงชาวบ้านต่างดีใจนั่งจับกลุ่มคุยกันทุกวัน และชาวบ้านหลายคนเริ่มเอาสมุดบัญชีธนาคาร ธกส.ไปปรับลุ้นว่าเงินจะเข้าตอนไหน พี่สาวที่เสียชีวิตพยายามรบเร้าให้ตนไปปรับบัญชีทุกวัน
โดยเฉพาะวานนี้ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศว่าเงินน่าจะเข้าในวันที่ 4 ธ.ค.พี่สาวตื่นเต้นและนัดกันจะเอาสมุดไปปรับด้วยกัน เช้านี้จึงไปปลุกพี่สาวหวังจะเอาสมุดไปปรับให้ แต่พบว่าไฟหน้าบ้านยังเปิดอยู่เอะใจจึงไปดูทางหน้าต่างพบว่าพี่สาวนอนลักษณะเหมือนคนเสียชีวิตไม่สวมเสื้อผ้า จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบดังกล่าว ส่วนสาเหตุส่วนตัวคาดว่าน่าจะเกิดจากโรคกระจำตัวคือโรคความดันและเบาหวาน ประกอบกับมีตื่นเต้นที่จะได้รับเงิน 20,000 บาทจากรัฐบาล ซึ่งอาจจะทำให้โรคกำเริบแล้วช็อคเสียชีวิตดังกล่าว
โรงแรมหรูยอดจองพุ่ง ท่องเที่ยวไฮซีซั่นโตกระจุก รายเล็ก 3-4 ดาวยังกระอัก
https://www.prachachat.net/tourism/news-1452159
ท่องเที่ยวไฮซีซั่นดันโรงแรมหรูยอดจองพุ่ง เผยอัตราเข้าพัก-จองล่วงหน้า 80-90% เผยนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่แห่จองโรงแรม 5 ดาว-ตั๋วบินชั้นบิสซิเนส สภาท่องเที่ยววอนรัฐบาลดูแลซัพพลายไซด์รายกลาง-เล็ก ด้าน ททท.ลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ 28 ล้านคน
วันที่ 3 ธันวาคม 2566 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2567 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยโรงแรมกลุ่มไฮเอนด์ (luxury hotel) หรือกลุ่มในระดับ 4 ดาวและ 5 ดาวขึ้นมีอัตราการเข้าพักและอัตราการจองล่วงหน้าอยู่ในระดับ 80-90% โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงแรมในเซ็กเมนต์ตลาดระดับกลาง ระดับ 3 ดาว และรายเล็กยังคงฟื้นตัวอยู่ในระดับที่ต่ำมาก หรือประมาณ 40-50% เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดินทางด้วยตนเอง (FIT) และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ใช้จ่ายต่อทริปสูง และนิยมพักในโรงแรมระดับ 5 ดาวเป็นหลัก
“นักท่องเที่ยวที่ออกเดินทางในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มระดับบน มีกำลังซื้อสูง และสามารถจ่ายค่าเดินทางที่ปรับสูงขึ้นได้ ขณะที่กลุ่มที่เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บริการโรงแรมในระดับ 3-4 ดาวนั้น ยังไม่ฟื้นกลับมา โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังมีสัดส่วนเดินทางเข้ามาในจำนวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับปี 2562” นางมาริสากล่าว
สอดรับกับนางสาวฤดีพรรณ เต็มชื่น ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Trip.com group ที่กล่าวว่า ในช่วงหลังโควิดนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายสูงขึ้นมาก นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยปัจจุบันมีสัดส่วนการจอง โรงแรมในระดับ 5 ดาวสูงกว่าระดับ 4 ดาว
“ตอนนี้สัดส่วนการจองโรงแรม 5 ดาวคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% จากทั้งหมดที่จองเข้ามาพักในเมืองไทย สูงสุดเป็นอันดับ 1 จากเดิมสัดส่วนหลักอยู่ที่โรงแรมในระดับ 4 ดาว เช่นเดียวกับการจองบัตรโดยสารสายการบินก็พบว่ามีอัตราการจองบัตรโดยสารบิสซิเนสคลาสก่อนและเต็มต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ หรือปักกิ่ง-กรุงเทพฯ” นางสาวฤดีพรรณกล่าว
ด้านนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในภาพรวมว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ประกอบการที่ฟื้นตัวและอยู่รอดแล้วคือ กลุ่มระดับบน หรือลักเซอรี่เซ็กเมนต์ ส่วนกลุ่มระดับกลางและรายเล็กซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของตลาดยังไม่สามารถกลับมาฟื้นได้
“การเติบโตของซัพพลายไซด์ในวันนี้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ เท่านั้น เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ส่วนซัพพลายไซด์ในเมืองรองยังไม่ฟื้น” นายชำนาญกล่าว และว่าสภาท่องเที่ยวอยากเสนอเสนอให้รัฐบาลช่วยดูแลซัพพลายไซด์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กในเมืองรองด้วย เพื่อให้ธุรกิจสามารถฟื้นกลับมารองรับนักท่องเที่ยวทุกเซ็กเมนต์ได้เหมือนในอดีต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม - 26 พฤศจิกายน 2566 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 24,487,178 คน โดยนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.มาเลเซีย จำนวน 3.98 ล้านคน 2.จีน จำนวน 3.05 ล้านคน 3.เกาหลีใต้ จำนวน 1.44 ล้านคน 4.อินเดีย จำนวน 1.43 ล้านคน และ 5.รัสเซีย จำนวน 1.25 ล้านคน
และหากประเมินรายเดือนจะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาอยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านคนต่อเดือน และยังเติบโตในอัตราปกติ แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 และไต้หวัน อินเดีย ตั้งแต่ 10 พฤศจิกายน 2566
ขณะที่นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวย้ำว่า ททท.ยังคงกำหนดเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 จำนวน 28 ล้านคน และมีรายได้การท่องเที่ยวรวมที่ 2.38 ล้านล้านบาท (ตลาดในประเทศ 8 แสนล้านบาท) โดยมีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้อย่างอินเดียและไต้หวัน ซึ่งได้วีซ่าฟรีชั่วคราวเช่นเดียวกัน ตลาดจีนเป็นตัวแปรช่วยผลักดัน