trans by 7654361

 

ถึงแม้ว่าในปีนี้จะมีแนวโน้มที่คล้ายคลึงเหมือนกับปีที่แล้ว

แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเกิร์ลกรุ๊ปและ performance ที่สามารถไปได้ไกลถึงตลาดโลกแต่กลับมีฟอร์มที่แตกต่างกันออกไป

ภายใต้แรงผลักดันจาก "ปาฏิหารณ์ของเหล่าไอดอลขนาดกลางและขนาดเล็ก" รวมถึงสมาชิกที่อายุน้อยสุดของ BTS อย่าง "จองกุก" ด้วยเช่นกัน

รวมไปถึงเหตุการณ์ในโลกดนตรีกับ Onstage แพลตฟอร์มการแสดงสดแถวหน้าของประเทศที่อยู่มายาวนาน 13 ปีได้ปิดตัวลง

อย่างไรก็ตาม.. ก็ยังคงเป็นปีที่มีเพลงคุณภาพและได้แสดงถึงศักยภาพที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณเช่นกัน

 

นี่คือ 10 เพลงที่แนะนำในปีนี้จะเป็นเพลงที่ปล่อยออกมาเฉพาะในปี 2023 โดยไม่มีการเรียงและคำนึงถึงลำดับทั้งหมด

 

Smoke.

 

"จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ Street Women Fighter 2

ถึงแม้จะเริ่มมีผู้คนเบื่อหน่ายมากขึ้นแต่การของเพลง Smoke กลับกลายเป็นการแระแสกอบกู้ชื่อเสียงขึ้นมาอีกครั้ง

อียองจี และ Dynamic Duo (ไดนามิก ดูโอ้) คือการผสมผสานของทั้งสองศิลปินที่ได้รับความนิยมมากสุดในบรรดาโลกฮิปฮอปเกาหลี การเพิ่มมิติสีสันให้มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยเสียงยิงกระสุนอันทรงพลังเหมือนกำลังพูดออกมาว่า 'สู้ดิพี่สาว!' รวมไปถึงเนื้อเพลงที่ได้พูดถึงสังคมในยุคสมัยใหม่ที่ดำเนินชีวิตไปโดยไม่ได้พักผ่อนและไม่มีเวลาให้ย้อนกลับไปมอง ซึ่งเต็มไปด้วยวิถีแห่งการทำลายล้างโดยสิ้นเชิง

 

จุดเด่นที่ยอดเยี่ยมคือท่อนฮุคของ Gaeko (แกโค่) เป็นความสามารถที่โดดเด่นและไม่เพียงแต่ในการเต้นหรือช่วงออกอากาศเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผู้ที่กำลังฟังเพลงสบายๆ ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนท้องถนนอยู่ได้จมลงไปกับเสียงของเพลงนี้ในทันที โดยเฉพาะ challenge ท่าเต้นอันทรงพลังที่ Lee Bada (อีบาดา) ได้เป็นคนออกแบบขึ้นมา แม้ว่าในช่วงนี้ที่ไม่ค่อยมีความน่าตื่นเต้นมากนัก การมาของ Smoke กลายเป็นเพลงที่สร้างความนิยมในปี 2023 พร้อมกับท่าเต้นที่ยังคงแทรกซึมในสาธารณะชนต่อไป"

 

Get A Guitar.

 

"นับตั้งแต่ Elvis Presley ถือกำเนิด rock&roll ด้วยเพลง Heartbreak Hotel ในปี 1958 กีต้าร์เลยอยู่คู่กับสาธารณะมาตลอด

นอกเหลือจากเหตุผลราคาสามารถจับต้องถึงและสามารถเล่นกันเองได้ ศิลปินหลายคนเลือกกีต้าร์ส่วนประกอบหลักเพื่อดึงดูดผู้คนจำนานมากและเวลาได้บรรเลงกีต้าร์ออกมา ทำให้ผู้คนต่างหลงใหลจนลืมความเศร้าของตัวเองไปในทันที จนบางครั้งก็เต้นตามจังหวะของมัน รวมไปถึงการถือกำเนิดเพลง 'Get A Guitar' ด้วยเช่นกัน

 

ถ้าหากต้องละทิ้งความนิยมของ boy group ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเคป็อปเพื่อก้าวหน้าสู่การค้นหาสไตล์ของวงดนตรี RIIZE (ไรซ์) กลับเผยถึงความโดดเด่นจากสไตล์เหล่านั้นออก ในขณะที่ปัจจุบันได้นำเสนอแนวเพลงที่มีทั้งการแร็ปและ performance พวกเขากลับเลือกโชว์ด้วยทำนองของ Funky ที่เรียบง่ายและติดหู รวมไปถึงพาร์ทโซโล่ของกีต้าร์ด้วยเช่นกัน การก้าวเข้าสู่แนวทางนี้เหมือนเป็นการฟื้นฟูความบริสุทธิ์กลับคืนมา มากกว่าการเล่าเรื่องที่มีโครงสร้างอันแสนซับซ้อน ดนตรีที่มีรูปแบบโปร่งใสไร้สิ่งเจือปน ช่างเป็นเพลงที่โดนใจในปี 2023 อย่างแท้จริง"

 

헤어지자 말해요 (Let's Say Goodbye).

 

"เมื่อความนิบมของแนวเพลงบัลลาดได้ถูกลดลงอย่างรวดเร็วแม้ช่วงที่ผ่านมาจะเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้อย่างมาก

ด้วยภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีให้ผู้คนต่างเบื่อหน่ายกับดื่มแอลกอฮอล์ ความรัก และข้อถกเถียงต่างๆ หันกลับมามองหาเหล่าไอดอลเคป็อปและศิลปินฮิปฮอปแทน แต่กลับเพลง '헤어지자 말해요' ของ พัคแจจอง ที่ได้รับความนิยมนับตั้งแต่ฤดูในไม้ผลิจนมาถึงฤดูหนาว กลับประสบความสำเร็จอย่างสวยงามด้วยหัวใจที่เยือกแข็งจากความสัมพันธ์ที่ต้องเลิกรา ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งการฟื้นฟูเพลงบัลลาดอันแสนน่าทึ่ง.. เพราะเนื้อเพลงที่ไม่ได้มีสำนวนที่โอ่อ่าอะไรมากนัก ด้วยความยากในการร้องของเพลงนี้ที่ได้ปลุกเร้าให้กับเหล่านัก cover จากช่องทางแพลตฟอร์ม YouTube มากขึ้นจนประสบความสำเร็จ จึงเป็นนิมิตหมายสัญลักษณ์ของเพลงบัลลาดที่สามารถอยู่รอดได้ในปีนี้ท่ามกลางอัลกอริทึมและการทำ challenge ต่างๆ ในวงการเพลงเกาหลี"

 

Tik Tak Tok (Feat. So!YoON!).

 

"หากว่า No Pain และ Machine Boy คือสิ่งที่ชัดเจนสำหรับ Silica Gel (ซิลลิกา เกล) แล้ว Tik Tak Tok เปรียบเสมือน runway ที่กระจายแผ่ซ่านออกไปมากยิ่งขึ้น แม้เพลงจะมีเวลามากถึง 6:18 นาที แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันช้าลงพร้อมเดินหน้าด้วย session อย่างต่อเนื่องด้วยริฟท์กีต้าร์ที่แข็งแกร่งและท่อน chorus ที่น่าดึงดูดชัดเจน เสียงเบสและกลองในช่วง intro ก็มีบทบาทที่สามารถทำให้เพลงดูราบรื่น รวมไปถึงเสียงร้องแหบเสน่ห์และชวนฝันของ ฮวังโซยุน (So!YoON!) ได้สร้างความดื่มด่ำราวกับหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่ง

 

การโซโล่กีต้าร์ของ คิมชอนชู ที่กินเวลา 3 นาทีกลับสร้างความหลงใหล้อันแสนน่าทึ่งและตกตะลึงในเวลาเดียวกันท่ามกลางโครงสร้างของเพลงที่ชัดเจนหรือมากกว่าการจะทำริฟท์ง่ายๆ บวกกับการผสมผสานการตีกลองอันแสนบ้าคลั่งของ คิมกอนแจ ที่น่าตื่นตาตื่นใจจนน่าหลงใหลและเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินแห่งความปิติยินดี แม้ว่า performance ความแข็งแรงในครั้งนี้จะเป็นทุนเดิมของ Silica Gel แต่ Tik Tak Tok คือการสร้างขีดจำกัดที่มากขึ้นไปอีกขั้นและทำให้พวกเขากลายเป็นวงที่สามารถอยู่ในอันดับแถวหน้าของประเทศที่ไม่มีใครจะทดแทนได้"

 

후라이의 꿈 (Fry's Dream).

 

"การเปิดตัวของสองพี่น้อง ALMU (อัคมู) ที่บอกเล่ามุมมองของชีวิตไปกับเรื่องราวที่มีชีวิตชีวาจนไปถึง 후라이의 꿈 ที่มีความอ่อนโยนแต่ก็กลับหนักหน่วงเฉกเช่นเดียวกันแอนิเมชั่นในปี 2000 อย่างเรื่อง 감자도리 (Gamjadori).. วลีที่ว่าด้วย 'หยุดผัดวันประกันพรุ่งและไล่ตามความฝันของคุณได้แล้ว' กลับทำให้คิดถึงยุคของอัลบั้ม PLAY ที่เต็มไปด้วยการรวมตัวกันของสูตรสำเร็จเพลงแห่งความฝันทั้ง 거위의 꿈, 달팽이, 고래의 꿈, 네모의 꿈 เข้าไปในเนื้อเพลงและตัดกับตัวละครหลักอย่าง Fry ที่มีความโดดเด่นด้วยเช่นกัน

 

후라이의 꿈 เป็นเพลงที่สะท้อนถึงชีวิตสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างบ่อยครั้ง และเป็นเพลงที่ถูกเขียนึ้นมาโดย อีชานฮยอก ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงมัธยมปลายและออกจำหน่ายในอีก 10 ปีให้หลังนี้ ทุกคำของเนื้อหากลับยังคงใช้ได้เสมอ อีกทั้งยังมีความหมายต่อ อีซูยอน ผู้เป็นน้องสาวที่กำลังเผชิญอยู่กับปัญหาในการหมดไฟต่อการเป็นนักร้องของตัวเอง เพลงนี้จึงเป็นเสมือนการเดินทางอันแสนน่ารักที่ยังคงได้รับความรักจากสาธารณะชนของทั้งสองพี่น้องที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทั้งจากอดีตและการเติบโตในปัจจุบัน"

 

칵테일 파라다이스 (Cocktail Paradise).

 

"รสเปรี้ยวของ Sejin (เซจิน) และความนุ่มนวลของ Yun Seokcheol (ยุนซอกชอล) จึงเกิดรสชาติของค็อกเทลแบบใหม่ที่สามารถผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว คำศัพท์ที่แปลกอย่างเช่น Pina Colada Mojito, Irish Coffee หรือ Old Fashioned Manhattan Blue Hawaii กลับสามารถสร้างน้ำเสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการร้องซ้ำๆ กับคำว่า one more drink ก็เพิ่มรสชาติความเผ็ดที่ยังสดชื่นด้วย เพลงที่จำลองถึงช่วงเวลาแห่งความฝันที่ได้ดื่มไปกับความสุขอย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากดื่มด่ำจนเกิดอาการ เมา กลับถูกดูดเพื่อกำลังจะไปสู่อีกโลกหนึ่ง

 

hidden card ของเพลงนี้คือเสียงร้อง ยุนซอกซอล ที่โปร่งใสเหมือนดั่งเสียงของเปียโน การขยับขึ้นลงในแต่ละโน๊ตจึงเต็มไปด้วยความลื่นไหลราวกับว่ากำลังไต่ระดับเสียงแม้ว่าสิ่งที่ยากที่สุดของเพลงนี้คือการทำในสิ่งที่อยู่ในระดับ พอประมาณ ก็ตาม แต่กลับไม่มีที่สามารถทำให้รูสึกถึงความอึดอัดต่อเพลงนี้ได้ ไม่ใช่แค่ทั้งจังหวะและทำนองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อเพลงและเสียงร้องของทั้งสองคนที่ผสมผสานเพลงป็อปให้เข้ากับแนวเพลง bossa-nova ได้อย่างลงตัว"

 

 

.

.

(ต่อในคอมเม้นท์ด้านล่าง)