สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
1. จริงๆ ก็เห็นใจ จขกท. กับพฤติกรรมที่ทำบ่อยจนเคยชิน
นั่นคือ จอดนิดหน่อย ไม่ต้องจองที่จอดก็ได้ การจองที่จอดอาจจะจะมีค่าบริการจอดรถเพิ่มเติม
หากต้องจอง หากต้องจ่าย ทำจนเคยชิน (อ้างจากประโยค "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อแม่เรามา")
เท่ากับว่าเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่? ส่วนนี้น่าคิด และลองตอบคำถามนี้ดู
หากวันที่จะเอารถไปจอด มีห้องอื่นที่เขาจองไว้ต้องเอารถมาจอดเหมือนกัน หรือ เจ้าของหอต้องการใช้พื้นที่จอดรถเช่นกัน
เจ้าของหอจะต้องเล่าให้คุณฟังไหมว่า วันนี้ไม่ได้หรอก มีงาน xxxxx จะมี yyy มาจอด หรือ
อีกห้องหนึ่งที่จองจอดรถเอาไว้ก็มีผู้ปกครองมาเช่นกัน เขาก็คิดว่า ผู้ปกครองไม่ได้มาบ่อยหรอก นิดๆ หน่อย ที่จอดว่างเยอะแยะ นั่นคือ เขาต้องการที่จอด 2 สล๊อต
2. ลักษณะการจอดรถของ ผู้ปกครอง
โดยส่วนมาก เรามักจะพบเห็นการจอดรถไม่เป็นระเบียบ เป็นส่วนมาก จากที่ทำหอพัก จะพบแบบนี้ประจำ จนรบกวนลูกบ้านคนอื่นๆ
เช่น มาจอดรถสตาร์ทรถทิ้งรอเครื่องเย็นจนเหม็นฟุ้ง
ถ้าลูกบ้านที่เขาที่ไม่โวยวาย เขาเอือมระอา จนย้ายออก ใครจะรับผิดชอบค่าเสียโอกาสส่วนนี้ไป
3. การตอบว่า "ไม่มี คือสั้น เข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องตีความ" ลองพิจารณาประโยค
เราก็ถามคนดูแลหอต่อ ว่าที่หอจะมีที่จอดรถว่างไหม เขาก็ตอบว่า "ไม่มี" ด้วยเสียงดัง(แต่ไม่ถึงขั้นตะโกน)
เราก็งงว่าทำไมเขาจะต้องเสียงดัง เพราะเราก็พูดเบาๆ และตรงบริเวณนั้นก็เงียบ ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่มีที่จอดรถเราก็เข้าใจได้
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียงดัง เราก็เย็นไว้
แล้วถามอะไรเขาต่ออีกนิดหน่อย
จากนั้นเขาก็ดูจะเย็นขึ้น เสียงเขาก็เบาลง เราไม่เข้าใจว่าคนดูแลหอเป็นอะไรของเขา หรือไปหงุดหงิดอะไรมา
จากข้อความตัวหนานี้ ผมไม่เห็นว่าจะน่าหงุดหงิด เพราะเขายังคุยกับคุณต่อ
แต่คุณเองที่ตีความเรื่องเสียงดังจนกลายเป็นความหงุดหงิดไม่พอใจใหญ่โตจนเก็บความอึดอัดใจมากโพส ผมว่าจริงๆ แล้ว
คุณเองน่าจะเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย ณ เวลานั้นมากกว่าครับ
ผมยืนยันด้วยประโยคทั้ง 5 Clause ว่า คุณบรรยายความไม่พอใจของคุณถึง 3 ใน 5 Clause เป็นการเขียนและเรียบเรียงที่น่าติดตามมาก
I. ที่มาของปัญหา
II. เหตุการณ์ปัญหา 1. << "แต่....เขากลับพูดว่า..."
III. เหตุการณ์ปัญหา 2.<< "ไม่มี ด้วยเสียงดัง"
IV. การทดสอบแก้ปัญหา และการอ้างความถูกต้องของตัวเอง << "ให้ความร่วมมือกับกฏระเบียบ ? "
V. ขอสรุป แนวทางการแก้ไข
เป็นการเขียนครบ 5 องค์ประกอบตามงานวิจัยเลย 55555
ผมยังยืนยันว่า เจ้าของหอพักไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพราะเขายังคุยกับคุณต่อ และไม่ได้ตำหนิคุณต่ออีก แต่เป็นคุณเองที่หงุดหงิดเนื่องจากกลัวคนรอบข้างจะได้ยิน("เราก็งงว่าทำไมเขาจะต้องเสียงดัง เพราะเราก็พูดเบาๆ และตรงบริเวณนั้นก็เงียบ ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง")
ลองพิจารณาวิธีระงับความเยอะ ความไม่พอใจของตัวเองดูครับ
1. จริงๆ ก็เห็นใจ จขกท. กับพฤติกรรมที่ทำบ่อยจนเคยชิน
นั่นคือ จอดนิดหน่อย ไม่ต้องจองที่จอดก็ได้ การจองที่จอดอาจจะจะมีค่าบริการจอดรถเพิ่มเติม
หากต้องจอง หากต้องจ่าย ทำจนเคยชิน (อ้างจากประโยค "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อแม่เรามา")
เท่ากับว่าเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่? ส่วนนี้น่าคิด และลองตอบคำถามนี้ดู
หากวันที่จะเอารถไปจอด มีห้องอื่นที่เขาจองไว้ต้องเอารถมาจอดเหมือนกัน หรือ เจ้าของหอต้องการใช้พื้นที่จอดรถเช่นกัน
เจ้าของหอจะต้องเล่าให้คุณฟังไหมว่า วันนี้ไม่ได้หรอก มีงาน xxxxx จะมี yyy มาจอด หรือ
อีกห้องหนึ่งที่จองจอดรถเอาไว้ก็มีผู้ปกครองมาเช่นกัน เขาก็คิดว่า ผู้ปกครองไม่ได้มาบ่อยหรอก นิดๆ หน่อย ที่จอดว่างเยอะแยะ นั่นคือ เขาต้องการที่จอด 2 สล๊อต
2. ลักษณะการจอดรถของ ผู้ปกครอง
โดยส่วนมาก เรามักจะพบเห็นการจอดรถไม่เป็นระเบียบ เป็นส่วนมาก จากที่ทำหอพัก จะพบแบบนี้ประจำ จนรบกวนลูกบ้านคนอื่นๆ
เช่น มาจอดรถสตาร์ทรถทิ้งรอเครื่องเย็นจนเหม็นฟุ้ง
ถ้าลูกบ้านที่เขาที่ไม่โวยวาย เขาเอือมระอา จนย้ายออก ใครจะรับผิดชอบค่าเสียโอกาสส่วนนี้ไป
3. การตอบว่า "ไม่มี คือสั้น เข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องตีความ" ลองพิจารณาประโยค
เราก็ถามคนดูแลหอต่อ ว่าที่หอจะมีที่จอดรถว่างไหม เขาก็ตอบว่า "ไม่มี" ด้วยเสียงดัง(แต่ไม่ถึงขั้นตะโกน)
เราก็งงว่าทำไมเขาจะต้องเสียงดัง เพราะเราก็พูดเบาๆ และตรงบริเวณนั้นก็เงียบ ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่มีที่จอดรถเราก็เข้าใจได้
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียงดัง เราก็เย็นไว้
แล้วถามอะไรเขาต่ออีกนิดหน่อย
จากนั้นเขาก็ดูจะเย็นขึ้น เสียงเขาก็เบาลง เราไม่เข้าใจว่าคนดูแลหอเป็นอะไรของเขา หรือไปหงุดหงิดอะไรมา
จากข้อความตัวหนานี้ ผมไม่เห็นว่าจะน่าหงุดหงิด เพราะเขายังคุยกับคุณต่อ
แต่คุณเองที่ตีความเรื่องเสียงดังจนกลายเป็นความหงุดหงิดไม่พอใจใหญ่โตจนเก็บความอึดอัดใจมากโพส ผมว่าจริงๆ แล้ว
คุณเองน่าจะเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย ณ เวลานั้นมากกว่าครับ
ผมยืนยันด้วยประโยคทั้ง 5 Clause ว่า คุณบรรยายความไม่พอใจของคุณถึง 3 ใน 5 Clause เป็นการเขียนและเรียบเรียงที่น่าติดตามมาก
I. ที่มาของปัญหา
II. เหตุการณ์ปัญหา 1. << "แต่....เขากลับพูดว่า..."
III. เหตุการณ์ปัญหา 2.<< "ไม่มี ด้วยเสียงดัง"
IV. การทดสอบแก้ปัญหา และการอ้างความถูกต้องของตัวเอง << "ให้ความร่วมมือกับกฏระเบียบ ? "
V. ขอสรุป แนวทางการแก้ไข
เป็นการเขียนครบ 5 องค์ประกอบตามงานวิจัยเลย 55555
ผมยังยืนยันว่า เจ้าของหอพักไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพราะเขายังคุยกับคุณต่อ และไม่ได้ตำหนิคุณต่ออีก แต่เป็นคุณเองที่หงุดหงิดเนื่องจากกลัวคนรอบข้างจะได้ยิน("เราก็งงว่าทำไมเขาจะต้องเสียงดัง เพราะเราก็พูดเบาๆ และตรงบริเวณนั้นก็เงียบ ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง")
ลองพิจารณาวิธีระงับความเยอะ ความไม่พอใจของตัวเองดูครับ
แสดงความคิดเห็น
คนดูแลหอพักพูดจาแบบนี้กับเรา สมควรไหม
แต่ครั้งนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ช่วงค่ำๆ เราก็ไปบอกคนดูแลหอพักตามปกติว่าพ่อแม่เราจะมาค้าง แต่คนดูแลหอกลับพูดว่า "แล้วไงครับ" ด้วยท่าทีเย็นชา เราก็อึ้งสิ เพราะปกติเขาไม่เคยพูดแบบนี้กับเรา เราคิดว่าเขาไม่น่าพูดแบบนี้ เพราะระเบียบของหอพักก็บอกเองว่าถ้าจะพาคนนอกเข้าก็ต้องแจ้งก่อน แล้วเราผิดอะไรที่แจ้งตามระเบียบ
เท่านั้นไม่พอ เราก็ถามคนดูแลหอต่อ ว่าที่หอจะมีที่จอดรถว่างไหม เขาก็ตอบว่า "ไม่มี" ด้วยเสียงดัง(แต่ไม่ถึงขั้นตะโกน) เราก็งงว่าทำไมเขาจะต้องเสียงดัง เพราะเราก็พูดเบาๆ และตรงบริเวณนั้นก็เงียบ ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่มีที่จอดรถเราก็เข้าใจได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียงดัง เราก็เย็นไว้ แล้วถามอะไรเขาต่ออีกนิดหน่อย จากนั้นเขาก็ดูจะเย็นขึ้น เสียงเขาก็เบาลง เราไม่เข้าใจว่าคนดูแลหอเป็นอะไรของเขา หรือไปหงุดหงิดอะไรมา
คนๆนี้เขาดูแลหอตั้งแต่เรามาเช่าแล้ว ปกติเขาก็ดูเป็นคนดีๆ ไม่เคยพูดจาไม่ดี เราไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเขา ก็รู้สึกเฉยๆกับเขา แต่หลังจากได้คุยกันครั้งนี้ เราก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบเขา เราไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาเจอคนพูดจาแบบนี้ใส่ เราเช่าหอมาจนเขาจำหน้าเราได้แล้ว และเขาก็จำพ่อแม่เราได้ เพราะตอนเรามาเช่า พ่อแม่เราก็มาด้วย และเวลาพ่อแม่เรามาค้างก็จะแวะพูดคุยกับเขา และก็จะมีของฝากมาให้คนดูแลหอพักด้วย (คนดูแลหอจะมี 2 คน มาแล้วเจอใครก็ฝากคนนั้น ให้ไปแบ่งกัน) และเราก็เป็นผู้เช่าที่ดี ให้ความร่วมมือกับกฎระเบียบทุกอย่าง จ่ายค่าเช่าก็ตรงเวลา
เหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกอยากย้ายออก แถวนั้นมีหอพักเยอะด้วย แต่การจะเลือกหอพักที่โอเคก็ค่อนข้างยุ่งยาก และอยู่ที่นี่ก็สะดวกดี น้องเราก็เช่าห้องอยู่ที่นี่ด้วย(อยู่คนละห้อง แต่ก็ได้อยู่ใกล้กัน พึ่งพากันได้สะดวก พ่อแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงมาก) คนเฝ้าหอก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน อีกคนเป็นผู้หญิงใจดีและพูดจาดีมาก(เราจะสนิทกับคนนี้มากกว่า แต่เขาอยู่เฉพาะกลางวัน) เราจึงคิดว่าจะทนอยู่ต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาที่คิดว่าจำเป็นต้องย้าย แต่เราก็จะเล่าพฤติกรรมของคนดูแลหอที่เจอมาให้พ่อแม่รับรู้ไว้ด้วย
*** Update 5/12/66: สรุปว่าเราจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ เพราะคนดูแลหอคนนี้เหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว และตอนนี้พ่อแม่เราก็ได้มาค้างที่หอแล้ว และคนดูแลหอคนนี้กับพ่อแม่เราก็พูดคุยกันได้เป็นปกติ (แต่เราจะเลี่ยงไม่คุยกับเขามาก จะไปคุยกับคนดูแลอีกคนแทน) เราเล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟังแล้ว แต่ตอนเล่าไม่ได้ใส่อารมณ์มากเท่ากับที่เล่าในกระทู้ ปรากฎว่าพ่อแม่เราขำและบอกว่า จริงๆเราไม่ต้องแจ้งคนดูแลหอก็ได้ว่าพ่อแม่จะมา เพราะเขาจำพ่อแม่ได้แล้ว ไม่ใช่คนอื่นคนไกล