4 KINGS 2
" ทุกแรงกระทำ มีผลลัพธ์เสมอ "
กำกับโดย พุฒิพงศ์ นาคทอง
เข้าเดือนธันวาคมแล้ว ปีนี้นับว่าเป็นปีทองของหนังไทยจริง ๆ นับตั้งแต่ครึ่งปีหลังมา มีหนังไทยมากมายที่สร้างสีสันให้กับวงการภาพยนตร์ไทย ไม่ว่าจะเรื่อง
"มนต์รักนักพากย์" , "14 อีกครั้ง", "สัปเหร่อ", "ธี่หยด"
มาถึงเรื่องล่าสุดที่ทุกคนรอคอย
"4 KINGS 2" ภาคต่อของ
"4KINGS อาชีวะ ยุค 90's" หนังไทยที่สร้างปรากฏการณ์ในสังคม ทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความฮือฮา
ในวันนี้ จึงอยากจะมารีวิวภาคถัดมา เผื่อว่าท่านใดสนใจรับชมนะครับ
4 Kings 2 | Official Trailer
ความรู้สึกหลังชม
- เกริ่นนำสั้น ๆ ก่อนว่า
4 KINGS คือหนังที่ว่า ด้วยเรื่องของการห้ำหั่นกันของกลุ่มนักเรียนช่างจาก 4 สถาบัน ได้แก่
โรงเรียนกนกอาชีวศึกษา, โรงเรียนอินทรอาชีวศึกษา, โรงเรียนเทคโนโลยีประชาชื่น, โรงเรียนเทคนิคบุรณพนธ์ (เดิมชื่อ โรงเรียนช่างกลบุรณพนธ์)
นักเรียนจากทั้ง 4 สถาบัน ล้วนมีความแค้นฝังใจจากการแก้แค้นกันไปมา เป็นวังวนไม่รู้จักจบสิ้น
ในภาคนี้หนังต่อยอดเรื่องราวจากภาคแรกโดยโฟกัสไปที่
"บ่าง" (แหลม - สมพล รุ่งพาณิชย์) หัวหน้าแก๊งค์จากกนกอาชีวศึกษา และ
"ยาท เด็กบ้าน" (บิ้ก ดี เจอร์ราร์ด) ตัวละครจากภาคที่แล้วที่มีประวัติเคยติดคุกเด็กมา
ทั้งสองเป็นตัวละครที่เคยมีชีวิตเกี่ยวข้องกันในสมัยเด็ก และเชื่อมโยงกันผ่าน
"บุ้ง" (ทราย เจริญปุระ) พี่สาวของบ่าง เมื่อโตขึ้น บ่างและยาทต่างมีชีวิตที่หันเหออกจากกัน
ด้วยปมประเด็นบางอย่างที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ทั้งสองได้กลับมากระทบกระทั่งกันอีกครั้ง พร้อมทั้งพัวพันกับการตีกันของโรงเรียน 4 สถาบัน
(จริง ๆ พล็อตก็แอบมีความนิยายกำลังภายในอยู่นะ)
- สำหรับ 4 KINGS 2 หนังขยายเรื่องราวได้เป็นผู้ใหญ่กว่าภาคที่แล้ว ด้วยโทน
"ทริลเลอร์แก๊งสเตอร์" ผสมกับ
"Coming of age"
หนังมีพาร์ทดราม่าที่หนักขึ้น และเพิ่มความโหดดิบที่เดือดกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ก็เติมมิติของตัวละครให้ผู้ชมได้เห็นทุกมุม ซึ่งตรงนี้น่าชื่นชม เพราะ เราได้เห็นความเป็นเหตุเป็นผลในตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น ถึงสาเหตุว่าทำไมชีวิตของเขาถึงเป็นแบบนี้
ชีวิตที่เลวร้ายอาจเกิดจากสภาพจิตใจของเขาที่ไม่ทนทานต่อสังคมเอง อย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความไม่สมบูรณ์ในตัวเด็ก ก็อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมในชีวิตที่เติมเต็มสิ่งดี ๆ ให้เขาไม่ได้
ครั้นเมื่อจะโตมาเป็นคนบิดเบี้ยว กว่าสำนึกได้ ก็มักเป็นเวลาที่สายหรือสูญเสียบางอย่างไปแล้ว
ดังนั้น หนังจึงพยายามสะท้อนให้เห็นถึง "ผลลัพธ์" ของ "แรงกระทำ" ของเด็กกลุ่มนี้ที่ไม่เคยเป็นผลดีกับทุกคน ซ้ำร้ายรังแต่ทำให้ชีวิตตกต่ำกว่าเดิม
- ส่วนถัดมา รู้สึกประทับใจในอารมณ์ทริลเลอร์ที่บีบสมองเราได้เสมอ หลายซีนแค่ตัวละครจ้องตากัน ก็เดือดระอุแล้ว ส่วนบางซีนก็ตลกร้ายดี
- ส่วนตัวขอยกให้บท
"ยาท เด็กบ้าน" เป็นตัวละครที่มีมิติมากที่สุดในเรื่อง
ในภาคแรก หนังแสดงให้เห็นว่า คนบ้าและเลวโดยสันดานอย่างแท้จริงมีคาแรคเตอร์เป็นอย่างไร ขณะที่ในภาคนี้ หนังให้พื้นที่กับแบ็คกราวน์เบื้องหลังชีวิต
นั่นก็ทำให้ผู้ชมเห็นว่า
"ยาท" มีชะตากรรมที่น่าสงสารจับใจ และเป็นหนึ่งในตัวละครที่มี Conflict ในตัวเองมากที่สุด
ส่วนพาร์ทตัวละครอื่น ๆ ก็ชอบเช่นกัน โดยเฉพาะบท
"บ่าง", "บุ้ง", "ตาของยาท" ทุกคนระเบิดอารมณ์ได้เยี่ยมจนน่ากวาดรางวัลใหญ่ ๆ ในไทย
- ในภาคนี้มีเพลงเพราะ ๆ ประกอบอย่างเพลง "บุษบา" ของ Moderndog และ "บางสิ่ง" โดยพี่แหลม สมพล
Moderndog - บุษบา
แหลม สมพล - บางสิ่ง Official MV
ส่วนใครสนใจ Playlist รวมฟังได้ที่นี่
4Kings 2 (Playlist)
- ถ้าเทียบกับภาคแรก
"รู้สึกชอบภาคแรกมากกว่า" ในแง่ความสดใหม่ และอารมณ์ที่หลากหลาย
ส่วนภาคนี้ เน้นดราม่าเป็นหลัก แต่เนื้อเรื่องโดยรวม เราไม่ได้เห็นเส้นเรื่องชัดเจนว่า หนังจะไปจบที่ตรงไหน ทำให้หนังมีความรู้สึกคลุมเครือ ขณะที่หลายฉากก็จำเจไปบ้าง ซึ่งเราว้าวมาจากภาคแรกไปแล้ว (เช่น ฉากจะตีกันที่ออกมาถี่ไปนิดหนึ่ง)
อีกอย่างคือ
"รู้สึกว่าหนังบีบคนดูตลอดเวลาจนเหนื่อย"
บางทีถ้าลดฉากเค้นอารมณ์ / ฉากทริลเลอร์ลง แต่เน้นให้มาแต่ละครั้ง แล้วเดือดทะลุปรอทไปเลย อาจให้ผลลัพธ์กับผู้ชมได้ดีกว่า ซึ่งเวลาที่เหลือก็เอาไปเพิ่มเนื้อหาพาร์ทอื่น ๆ ก็จะทำให้ภาพรวมหนังสมบูรณ์ขึ้น
-
ถ้าไม่เคยดูภาคแรกเลยเป็นอะไรไหม? : ผมมองว่า ถ้าดูมาก่อนก็ดี จะได้เข้าใจโทนเรื่องว่าเป็นหนังแนวยังไง แต่ถ้าไม่เคยดูก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะพอจะเข้าใจเรื่องราวจากบริบทรวมหนังได้อยู่แล้ว
- หนังเรต R หรือผู้ชมควรอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีฉากโหด ๆ (เช่น ฉากอวัยวะกระจาย) ดังนั้นควรระมัดระวังในการรับชม
(แต่ก็สงสัยว่า รอบที่ผมดู เหมือนจะเห็นเด็กต่ำกว่า 18 เข้าไปดูเหมือนกัน อยากให้โรงหนังเคร่งในกฏมากกว่านี้ตามที่เรตหนังที่กำหนด)
สรุป
เป็นหนังไทยที่ชอบในปีนี้ และอยากให้ได้ดูกัน
แม้จะไม่สมบูรณ์ไปทุกอย่าง แต่หนังก็ทำให้เราเห็นว่า หนังไทยที่ตั้งใจทำเพื่อคนดู ก็ทำได้สนุกเข้มข้น น่าติดตามไม่แพ้หนังต่างประเทศ ทั้งยังมีข้อคิดให้เรากลับไปหลังดูจบ เรียกว่า มีศักยภาพที่น่าต่อยอดอีกมากมาย
ใครสนใจดูได้ในโรง ส่วนใครที่รอบนสตรีมมิ่ง น่าจะมีเข้าใน Netflix เหมือนภาคแรก !
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
IG: benjireview
4 KINGS 2 (2023) - ทุกแรงกระทำ มีผลลัพธ์เสมอ
เข้าเดือนธันวาคมแล้ว ปีนี้นับว่าเป็นปีทองของหนังไทยจริง ๆ นับตั้งแต่ครึ่งปีหลังมา มีหนังไทยมากมายที่สร้างสีสันให้กับวงการภาพยนตร์ไทย ไม่ว่าจะเรื่อง "มนต์รักนักพากย์" , "14 อีกครั้ง", "สัปเหร่อ", "ธี่หยด"
มาถึงเรื่องล่าสุดที่ทุกคนรอคอย "4 KINGS 2" ภาคต่อของ "4KINGS อาชีวะ ยุค 90's" หนังไทยที่สร้างปรากฏการณ์ในสังคม ทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความฮือฮา
ในวันนี้ จึงอยากจะมารีวิวภาคถัดมา เผื่อว่าท่านใดสนใจรับชมนะครับ
นักเรียนจากทั้ง 4 สถาบัน ล้วนมีความแค้นฝังใจจากการแก้แค้นกันไปมา เป็นวังวนไม่รู้จักจบสิ้น
ในภาคนี้หนังต่อยอดเรื่องราวจากภาคแรกโดยโฟกัสไปที่ "บ่าง" (แหลม - สมพล รุ่งพาณิชย์) หัวหน้าแก๊งค์จากกนกอาชีวศึกษา และ "ยาท เด็กบ้าน" (บิ้ก ดี เจอร์ราร์ด) ตัวละครจากภาคที่แล้วที่มีประวัติเคยติดคุกเด็กมา
ทั้งสองเป็นตัวละครที่เคยมีชีวิตเกี่ยวข้องกันในสมัยเด็ก และเชื่อมโยงกันผ่าน "บุ้ง" (ทราย เจริญปุระ) พี่สาวของบ่าง เมื่อโตขึ้น บ่างและยาทต่างมีชีวิตที่หันเหออกจากกัน
ด้วยปมประเด็นบางอย่างที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ทั้งสองได้กลับมากระทบกระทั่งกันอีกครั้ง พร้อมทั้งพัวพันกับการตีกันของโรงเรียน 4 สถาบัน
(จริง ๆ พล็อตก็แอบมีความนิยายกำลังภายในอยู่นะ)
หนังมีพาร์ทดราม่าที่หนักขึ้น และเพิ่มความโหดดิบที่เดือดกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ก็เติมมิติของตัวละครให้ผู้ชมได้เห็นทุกมุม ซึ่งตรงนี้น่าชื่นชม เพราะ เราได้เห็นความเป็นเหตุเป็นผลในตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น ถึงสาเหตุว่าทำไมชีวิตของเขาถึงเป็นแบบนี้
ชีวิตที่เลวร้ายอาจเกิดจากสภาพจิตใจของเขาที่ไม่ทนทานต่อสังคมเอง อย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความไม่สมบูรณ์ในตัวเด็ก ก็อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมในชีวิตที่เติมเต็มสิ่งดี ๆ ให้เขาไม่ได้
ครั้นเมื่อจะโตมาเป็นคนบิดเบี้ยว กว่าสำนึกได้ ก็มักเป็นเวลาที่สายหรือสูญเสียบางอย่างไปแล้ว
ดังนั้น หนังจึงพยายามสะท้อนให้เห็นถึง "ผลลัพธ์" ของ "แรงกระทำ" ของเด็กกลุ่มนี้ที่ไม่เคยเป็นผลดีกับทุกคน ซ้ำร้ายรังแต่ทำให้ชีวิตตกต่ำกว่าเดิม
- ส่วนตัวขอยกให้บท "ยาท เด็กบ้าน" เป็นตัวละครที่มีมิติมากที่สุดในเรื่อง
ในภาคแรก หนังแสดงให้เห็นว่า คนบ้าและเลวโดยสันดานอย่างแท้จริงมีคาแรคเตอร์เป็นอย่างไร ขณะที่ในภาคนี้ หนังให้พื้นที่กับแบ็คกราวน์เบื้องหลังชีวิต
นั่นก็ทำให้ผู้ชมเห็นว่า "ยาท" มีชะตากรรมที่น่าสงสารจับใจ และเป็นหนึ่งในตัวละครที่มี Conflict ในตัวเองมากที่สุด
ส่วนพาร์ทตัวละครอื่น ๆ ก็ชอบเช่นกัน โดยเฉพาะบท "บ่าง", "บุ้ง", "ตาของยาท" ทุกคนระเบิดอารมณ์ได้เยี่ยมจนน่ากวาดรางวัลใหญ่ ๆ ในไทย
ส่วนภาคนี้ เน้นดราม่าเป็นหลัก แต่เนื้อเรื่องโดยรวม เราไม่ได้เห็นเส้นเรื่องชัดเจนว่า หนังจะไปจบที่ตรงไหน ทำให้หนังมีความรู้สึกคลุมเครือ ขณะที่หลายฉากก็จำเจไปบ้าง ซึ่งเราว้าวมาจากภาคแรกไปแล้ว (เช่น ฉากจะตีกันที่ออกมาถี่ไปนิดหนึ่ง)
อีกอย่างคือ "รู้สึกว่าหนังบีบคนดูตลอดเวลาจนเหนื่อย"
บางทีถ้าลดฉากเค้นอารมณ์ / ฉากทริลเลอร์ลง แต่เน้นให้มาแต่ละครั้ง แล้วเดือดทะลุปรอทไปเลย อาจให้ผลลัพธ์กับผู้ชมได้ดีกว่า ซึ่งเวลาที่เหลือก็เอาไปเพิ่มเนื้อหาพาร์ทอื่น ๆ ก็จะทำให้ภาพรวมหนังสมบูรณ์ขึ้น
(แต่ก็สงสัยว่า รอบที่ผมดู เหมือนจะเห็นเด็กต่ำกว่า 18 เข้าไปดูเหมือนกัน อยากให้โรงหนังเคร่งในกฏมากกว่านี้ตามที่เรตหนังที่กำหนด)
แม้จะไม่สมบูรณ์ไปทุกอย่าง แต่หนังก็ทำให้เราเห็นว่า หนังไทยที่ตั้งใจทำเพื่อคนดู ก็ทำได้สนุกเข้มข้น น่าติดตามไม่แพ้หนังต่างประเทศ ทั้งยังมีข้อคิดให้เรากลับไปหลังดูจบ เรียกว่า มีศักยภาพที่น่าต่อยอดอีกมากมาย
ใครสนใจดูได้ในโรง ส่วนใครที่รอบนสตรีมมิ่ง น่าจะมีเข้าใน Netflix เหมือนภาคแรก !