สวัสดีค่ะวันนี้ป้าแวะมารีวิว ทริปการเดินทางไปแก้บนที่ฮ่องกงเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ครั้งนี้ป้ามีเรื่องลี้ลับบางอย่างมาเล่าให้ฟังด้วยค่ะ
ทริปนี้เกิดจากการที่ป้าป่วยหนักต้องเข้าไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หนักขนาดที่ฝันไปว่ามีคนรู้จักที่เสียชีวิตไปแล้วมาชวนไปรับประทานข้าวต้มด้วย (ตามความเชื่อสมัยก่อน ฝันลักษณะนี้ก็เหมือนกับการที่คนตายมาชวนเราไปอยู่ด้วยน่ะค่ะ)
ที่สำคัญช่วงที่ป้าอาการหนักๆ ป้าได้รับบริการเสริมระดับพรีเมี่ยมเป็นคุณพยาบาลท่านหนึ่ง ที่จะเข้ามานั่งเฝ้าพร้อมทั้งลูบศีรษะของป้าในเวลากลางคืน
บริการเสริมที่ว่าก็ฟังดูดีใช่ไหมคะ ถ้าไม่ใช่ว่า….........
1 โรงพยาบาลที่ป้าอยู่เป็นโรงพยาลเอกชนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ค่าใช้จ่ายสูง ป้าอยู่โรงพยาบาลโดยไม่มีใครนอนเฝ้า และไม่ได้เสียเงินจ้างพยาบาลพิเศษ ดังนั้นบริการเสริมที่ว่าจึงไม่น่าที่จะเกิดขึ้น
2 ป้าสังเกตุว่า ที่วอร์ดที่ป้านอนรักษาตัว คุณพยาบาลจะแต่งกายด้วยชุดเสื้อ กางเกงแบบ Casual อย่างที่เราเห็นในเรื่องในชีรีย์ฝรั่ง แต่คุณพยาบาลที่เข้ามาให้บริการเสริมพิเศษเกือบทุกคืนนั้น เธอแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม ชุดเสื้อกระโปรงพร้อมทั้งหมวกครบเซ็ต ซึ่งเรื่องนี้ป้าได้ถามคุณพยาบาลในช่วงกะกลางวันได้ความว่าตั้งแต่โควิทเป็นต้นมาก็ไม่มีใครใส่ชุดยูนิฟอร์ม แบบเก่ากันอีกแล้วค่ะ
3. ป้าเป็นคนสวยที่มีช่วงคอที่ค่อนข้างสั้น จึงนอนหมอนสูงๆของโรงพยาบาลไม่สบาย ซึ่งคุณพยาบาลคนที่ว่า เขาก็เหมือนมองตาแล้วจะรู้ใจ ตกกลางคืนเข้ามาลูบหัวป้าไป ก็ช่วยดึงหมอนออกจากศีรษะออกให้ด้วยโดยที่ป้าไม่ได้ร้องขอ (ตอนนั้นมือทั้งสองข้างของป้าขยับไม่ถนัด เพราะคุณหมอปักเข็มคาเอาไว้ทั้งสองข้าง)
รุ่งเช้าคุณพยาบาลช่วงกะกลางวันที่เข้ามาเช็ดตัวให้ป้าก็ต้องมาตามหาหมอนที่หายไป สุดท้ายก็จะพบว่ามันถูกวางอยู่ใต้เตียงของป้า
4 พี่ๆ น้องๆ มาเยี่ยมป้าถึงโรงพยาบาลพร้อมทั้งของเยี่ยมที่ป้าชื่นชอบเป็นอันมากซึ่งก็คือล๊อตเตอรี่กันคนละใบ แต่ในขณะนั้นเองน้องอีฟฟี่ก็พูดขึ้นว่า "ได้กลิ่นธูป" ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาบอกกับป้าว่าให้หายไวไว แล้วทั้งหมดก็เดินจากไป
สุดท้าย ป้าอึดอัดใจจนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้กับคนใกล้ชิด ซึ่งคนผู้นั้นก็ถึงขั้นยกมือขึ้นทาบอก พร้อมทั้งปลอบโยนป้าว่า
“อีแอน แกตายแน่!”
(ชื่อเดิมของป้าคือแอนค่ะ แต่พอได้มีโอกาสไปร่ำไปเรียนในต่างแดน ป้าก็จัดการชุบตัวเปลี่ยนชื่อตนเองจากแอนแบบบ้านๆ มาเป็น แอนน์ ก่อนจะไต่เลเวลมาเป็นแองจี้ในปัจจุบัน คนใกล้ชิดป้าก็เข้าใจและพยายามเรียกชื่อใหม่ป้าเสมอมา และหากเมื่อไหร่ที่เขาเผลอเรียกชื่อป้าว่าแอนแบบบ้านๆ นั่นแปลว่าเขาตกใจมากๆ ค่ะ )
ป้าได้ยินดังนั้นก็สั่นระริกไปทั้งตัว เพราะป้าเพิ่งจะอายุย่างเข้าเลข 5 เอง ยังถือว่าสาวสะพรั่ง (อ่านว่าสะพรั่งนะคะ ไม่ใช่สะพรึง) อยู่มาก ๆ จะมาตายแบบนี้มันไม่ได้!
ระหว่างที่รอผลตรวจชิ้นเนื้อที่ตัดออกไป ป้าจึงหาทางรอดด้วยการตั้งจิจอธิษฐานบนบานต่อท่านแชกง ว่าขอให้มีชีวิตยืนยาวสัก 90 + ในสภาพที่สามารถเต้น cover เพลง Money ของหลานลิซ่าได้ (ป้าอยากมีชีวิตยืนยาว ด้วยร่างกายที่แข็งแรง)
ส่วนสาเหตุที่เลือกบนกับท่านแชกง เพราะป้าคิดเอาเองว่า ยามที่เราเจ็บป่วยแบบสาหัส เราควรบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนห่างไกล เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่เพียงแต่ดลบันดาลให้เรารอดชีวิตออกไปได้ แต่จะยังให้เราออกไปในสภาพที่แข็งแรงแบบมากๆด้วย ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่สามารถเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปแก้บนกับท่านได้ค่ะ ...........ป้าฉลาดไหมคะ?
และนี่คือที่มาของทริปแก้บนที่ฮ่องกงของป้าในครั้งนี้ค่ะ
[CR] ป้าสูงวัยเที่ยวคนเดียว รีวิวไปแก้บนที่ฮ่องกงกับประสบการณ์เจอสิ่งลี้ลับ
ทริปนี้เกิดจากการที่ป้าป่วยหนักต้องเข้าไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หนักขนาดที่ฝันไปว่ามีคนรู้จักที่เสียชีวิตไปแล้วมาชวนไปรับประทานข้าวต้มด้วย (ตามความเชื่อสมัยก่อน ฝันลักษณะนี้ก็เหมือนกับการที่คนตายมาชวนเราไปอยู่ด้วยน่ะค่ะ)
ที่สำคัญช่วงที่ป้าอาการหนักๆ ป้าได้รับบริการเสริมระดับพรีเมี่ยมเป็นคุณพยาบาลท่านหนึ่ง ที่จะเข้ามานั่งเฝ้าพร้อมทั้งลูบศีรษะของป้าในเวลากลางคืน
บริการเสริมที่ว่าก็ฟังดูดีใช่ไหมคะ ถ้าไม่ใช่ว่า….........
1 โรงพยาบาลที่ป้าอยู่เป็นโรงพยาลเอกชนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ค่าใช้จ่ายสูง ป้าอยู่โรงพยาบาลโดยไม่มีใครนอนเฝ้า และไม่ได้เสียเงินจ้างพยาบาลพิเศษ ดังนั้นบริการเสริมที่ว่าจึงไม่น่าที่จะเกิดขึ้น
2 ป้าสังเกตุว่า ที่วอร์ดที่ป้านอนรักษาตัว คุณพยาบาลจะแต่งกายด้วยชุดเสื้อ กางเกงแบบ Casual อย่างที่เราเห็นในเรื่องในชีรีย์ฝรั่ง แต่คุณพยาบาลที่เข้ามาให้บริการเสริมพิเศษเกือบทุกคืนนั้น เธอแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม ชุดเสื้อกระโปรงพร้อมทั้งหมวกครบเซ็ต ซึ่งเรื่องนี้ป้าได้ถามคุณพยาบาลในช่วงกะกลางวันได้ความว่าตั้งแต่โควิทเป็นต้นมาก็ไม่มีใครใส่ชุดยูนิฟอร์ม แบบเก่ากันอีกแล้วค่ะ
3. ป้าเป็นคนสวยที่มีช่วงคอที่ค่อนข้างสั้น จึงนอนหมอนสูงๆของโรงพยาบาลไม่สบาย ซึ่งคุณพยาบาลคนที่ว่า เขาก็เหมือนมองตาแล้วจะรู้ใจ ตกกลางคืนเข้ามาลูบหัวป้าไป ก็ช่วยดึงหมอนออกจากศีรษะออกให้ด้วยโดยที่ป้าไม่ได้ร้องขอ (ตอนนั้นมือทั้งสองข้างของป้าขยับไม่ถนัด เพราะคุณหมอปักเข็มคาเอาไว้ทั้งสองข้าง)
รุ่งเช้าคุณพยาบาลช่วงกะกลางวันที่เข้ามาเช็ดตัวให้ป้าก็ต้องมาตามหาหมอนที่หายไป สุดท้ายก็จะพบว่ามันถูกวางอยู่ใต้เตียงของป้า
4 พี่ๆ น้องๆ มาเยี่ยมป้าถึงโรงพยาบาลพร้อมทั้งของเยี่ยมที่ป้าชื่นชอบเป็นอันมากซึ่งก็คือล๊อตเตอรี่กันคนละใบ แต่ในขณะนั้นเองน้องอีฟฟี่ก็พูดขึ้นว่า "ได้กลิ่นธูป" ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาบอกกับป้าว่าให้หายไวไว แล้วทั้งหมดก็เดินจากไป
สุดท้าย ป้าอึดอัดใจจนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้กับคนใกล้ชิด ซึ่งคนผู้นั้นก็ถึงขั้นยกมือขึ้นทาบอก พร้อมทั้งปลอบโยนป้าว่า
“อีแอน แกตายแน่!”
(ชื่อเดิมของป้าคือแอนค่ะ แต่พอได้มีโอกาสไปร่ำไปเรียนในต่างแดน ป้าก็จัดการชุบตัวเปลี่ยนชื่อตนเองจากแอนแบบบ้านๆ มาเป็น แอนน์ ก่อนจะไต่เลเวลมาเป็นแองจี้ในปัจจุบัน คนใกล้ชิดป้าก็เข้าใจและพยายามเรียกชื่อใหม่ป้าเสมอมา และหากเมื่อไหร่ที่เขาเผลอเรียกชื่อป้าว่าแอนแบบบ้านๆ นั่นแปลว่าเขาตกใจมากๆ ค่ะ )
ป้าได้ยินดังนั้นก็สั่นระริกไปทั้งตัว เพราะป้าเพิ่งจะอายุย่างเข้าเลข 5 เอง ยังถือว่าสาวสะพรั่ง (อ่านว่าสะพรั่งนะคะ ไม่ใช่สะพรึง) อยู่มาก ๆ จะมาตายแบบนี้มันไม่ได้!
ระหว่างที่รอผลตรวจชิ้นเนื้อที่ตัดออกไป ป้าจึงหาทางรอดด้วยการตั้งจิจอธิษฐานบนบานต่อท่านแชกง ว่าขอให้มีชีวิตยืนยาวสัก 90 + ในสภาพที่สามารถเต้น cover เพลง Money ของหลานลิซ่าได้ (ป้าอยากมีชีวิตยืนยาว ด้วยร่างกายที่แข็งแรง)
ส่วนสาเหตุที่เลือกบนกับท่านแชกง เพราะป้าคิดเอาเองว่า ยามที่เราเจ็บป่วยแบบสาหัส เราควรบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนห่างไกล เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่เพียงแต่ดลบันดาลให้เรารอดชีวิตออกไปได้ แต่จะยังให้เราออกไปในสภาพที่แข็งแรงแบบมากๆด้วย ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่สามารถเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปแก้บนกับท่านได้ค่ะ ...........ป้าฉลาดไหมคะ?
และนี่คือที่มาของทริปแก้บนที่ฮ่องกงของป้าในครั้งนี้ค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้