แฟนของน้อง มีปัญหาส่วนตัวที่บ้านเยอะมาก จนมากระทบครอบครัวเรา เราขอไม่โอเคได้ไหมคะ?

ทั้งหมดนี้ที่จะเล่าเป็นความจริง 100% ไม่มีอคติ หรือเสริมเติมแต่งใดๆทั้งสิ้นนะคะ

คือต้องเกริ่นก่อนว่า น้องชายเรา และแฟนน้องเราก่อนหน้านี้เรียนมหาลัยไม่จบ และทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงาน มีลูกหรืออะไรกันทั้งสิ้นนะคะ เหมือนแค่คบกันมากกว่า อายุ 20 ต้นๆ เองค่ะ

ทั้งสองคนเจอกันตอนที่เรียนมหาลัยอยู่ต่างจังหวัดค่ะ แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนนะคะ เค้าทั้งสองคนเรียนไม่ผ่านเลยสักตัว ซึ่งไอปัญหานี้ที่เค้าก่อขึ้นมามันนำมาสู่ผลกระทบหลายๆอย่าง ที่ทางบ้านเรากำลังรับมืออยู่ค่ะ ซึ่งปัญหานี้มันไม่ได้มาจากแค่น้องของเราที่เป็นคนในครอบครับเราเอง แต่ดันมาจากคนอื่นที่เป็นใครก็ไม่รู้ แต่ก็ยังมาสร้างปัญหาให้บ้านเราอีกค่ะ TT ซึ่งเรา และแม่ก็หนักใจมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ

แต่เราก็ไม่ได้จะโทษฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวตามหัวข้อกระทู้นะคะ จริงๆ น้องเราเองที่เป็นคนในครอบครัวเราก็มีปัญหาด้วย แต่พอมีปัญหาจากทางผู้หญิงตามมา มันเลยแย่เข้าไปใหญ่ค่ะ 

ปัญหาของน้องชายเรา:
ตอนนี้น้องเราอายุประมาณ 22 เรียนไม่จบ ออกมาเล่นดนตรีหาเงิน ติดหนี้กยศ.หลักแสน

ตอนน้องเราเข้าเรียนมหาลัย ทางบ้านเราดีใจมากที่ติดวิศวะคอม แม่เราพร้อมช่วยเรื่องเอกสาร ค่าใช้จ่าย รวมถึงค้ำประกันกยศ.ให้เลยค่ะ แม่เราดีใจมากก เพราะน้องเราไม่ได้เรียนดีอะไรเลยค่ะ แต่ไม่รู้ไปทำยังไงให้ติดนะคะ

แต่พอน้องเราเรียนได้ 2 ปี แม่เรา และเราก็มารู้ทีหลังว่าเค้าเรียนไม่ผ่านติด F เยอะมากค่ะ เกรดต่ำกว่าเกณฑ์ จนโดนไล่ออกอย่างเป็นทางการเลยค่ะ ความรู้สึกตอนมารู้ทีหลังมันแย่มากค่ะ เพราะน้องเราพยายามปิดบังเรื่องการไปเรียน เรื่องเกรด ตลอด เพราะโทรทักแชทไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ทั้งๆ ที่แม่เราแทบจะไม่ได้ไปยุ่งกับชีวิตเค้าเลย แค่ทักถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาแม่ และแม่เราก็ส่งเงินให้เค้าเสมอ

หลังจากนั้น เค้าก็ขอดรอปไปเรียนอีกคณะนึง ละสัญญาว่าจะทำให้ดีขึ้น แต่ก็เรียนไม่ผ่านเหมือนเดิมค่ะ เค้าให้เหตุผลว่า ทั้งคณะเก่า และคณะใหม่ที่ดรอปไปเรียน วิชามันยากเกินไป ติด F กันทั้งรุ่นเป็นเรื่องปกติ อาจารย์สอนไม่ดี ต้องเล่นดนตรีกับวงเลยไม่มีเวลาเรียน และต้องไปเล่นดนตรีหาเงินเพิ่ม เพราะเงินที่ให้ใช้กินจากทางบ้านนั้นไม่พอใช้ (ประมาณ 4,000+ ไม่รวมเงินค่ากินที่ได้จากกยศ.อีกทีนึงอีกประมาณ 3,000 / เดือน) ซึ่งจริงๆแล้วตอนนั้นทางเรามองว่ามันต้องพอใช้สิ ถ้าใช้คนเดียว ถ้าไม่พอก็มาขอเพิ่มได้มั้ย ละแม่เราก็มีให้เค้าได้ไม่เยอะค่ะ พอเราทักไปถามอะไรก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ไม่รับสายแม่เราด้วยค่ะ (เวลาเรา และแม่เราถามน้อง เราถามดีๆ มีเหตุผลตลอดค่ะ)

ตอนนั้นเรางงมากๆ และตั้งคำถามกับตัวเค้ามากๆเลยค่ะว่า:
1. เรียนยาก แต่การที่จะไม่ผ่านจนโดนไทร์จากมหาลัย มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
(แล้วทำไมคนอื่นไม่โดนไทร์?)

2. ติด F ทั้งรุ่น แล้วเราจำเป็นต้องติด F ด้วยเหรอ? มันเป็นเรื่องปกติจริงๆ เหรอ?
(เราเคยผ่านการเรียนยากๆ ทั้งที่อาจารย์สอนไม่ดีมาเหมือนกันค่ะ แต่เราเรียนผ่านหมดเลย เพราะเราพยายาม ในขณะที่คนอื่นๆ เรียนไม่ผ่านเยอะ)

3. ถ้ารู้ตัวว่าเรียนไม่ทัน ทำไมไม่ตั้งใจเรียนทั้งๆที่รู้ว่ากู้เรียนอยู่เป็นแสน และไปทำกิจกรรมเล่นดนตรีให้มหาลัยทำไม? เราเล่นให้เค้าแล้วเราเรียนจบมั้ย? วงมหาลัยเค้ามารับผิดชอบเรื่องที่เราเรียนไม่จบหรือเปล่า?
(จริงๆไม่ห้ามนะคะ แต่นี่เค้าเรียนไม่ไหว แต่ก็ยังไปทำ ทั้งๆ ที่เตือนแล้ว แต่เค้าก็ยังมาให้เหตุผลว่าก็ต้องไปช่วยวง วงเค้าขาดตำแหน่งนี้ เราเข้าใจนะคะว่าการทำเพื่อส่วนรวมมันดีค่ะ แต่ทำไมเค้าไม่สงสารตัวเค้า และแม่บ้างเลยที่ต้องเสียค่าเทอมให้เค้าฟรีๆ ทุกคนคิดว่าไงคะ?)

4. เงินที่ให้ไป ถ้ารวมกับเงินกยศ. ใช้กินอย่างเดียว คนเดียว ไม่พอใช้ได้ยังไง? น่าสงสัยมากๆ

5. ถ้าใช้ไม่พอจริงๆ ทำไมไม่บอกตรงๆ ทำไมต้องไปเล่นดนตรีหาเงินให้มันกระทบกับเรื่องเรียนเพิ่มเติม
(ส่วนตัวเราคิดว่าเค้าอ้างค่ะ เพราะเค้าเป็นคนไม่กล้าปฏิเสธคน แค่มีคนมาชมว่าเล่นเก่ง มาเล่นวงนี้ที่ร้านนี้ด้วยกันไหม เค้าก็รีบไปแล้ว โดยที่ไม่สนใจตัวเอง หรือคนรอบข้าง เช่น แม่ ที่ได้รับผลกระทบเลยค่ะ)

อันนี้เป็นคำถามที่เราตั้งขึ้นมาถามเค้าเพราะ เรางงโลจิคน้องเรามาก ว่าทำไมความคิดเค้าเป็นแบบนี้ จะคิดอะไร ทำอะไร ไม่สงสารแม่เราบ้างเลย เห็นใจแต่คนอื่น
 
** ซึ่งเราก็ได้ถามน้องชายเราไปแล้วจริงๆ เพราะเราสนิทกับน้องเรามากๆ แต่เค้าตอบเราไม่ได้เลยค่ะ **
สิ่งที่เค้าตอบคือ
ข้อ 1 เค้าให้เหตุผลว่า เค้าเล่นดนตรีให้วงมหาลัยจนไม่มีเวลาไปทบทวนเรื่องเรียน + ติดเกมส์ 
ข้อ 2 เค้าให้เหตุผลว่า เค้ายืนยันว่า การติด F ทั้งรุ่นมันปกติ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร
ข้อ 3 เค้าให้เหตุผลว่า ก็วงมหาลัยมันขาดตำแหน่งนี้ เค้ามาขอให้ไปเล่น เค้าต้องไปเล่น เพราะคนในวงให้คำปรึกษาชีวิต และเรื่องเรียน (จริงๆ เราและแม่ให้ได้นะคะ คำปรึกษา แต่เค้ามองข้ามคนในครอบครัวจริงๆ ค่ะ ทั้งๆที่คนในครอบครัวดีกับเค้า)
ข้อ 4 เค้าตอบไม่ค่อยได้ เหมือนปิดบังอะไรอยู่ไม่รู้
ข้อ 5 ให้เหตุผลว่าเงินไม่พอใช้ อยากเล่น 

เราก็ดุด่าอะไรไปแล้วว่าทำไมไม่เรียงลำดับความสำคัญในชีวิตดีๆ ถ้าคิดให้ไกลกว่านี้ นึกถึงตัวเอง และคนรอบข้างมากกว่านี้ มันคงไม่เป็นแบบนี้ อาจจะได้เป็นว่าที่วิศวะเงินเดือนครึ่งแสนไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้แม่เราก็ผิดหวัง เศร้า เครียดไม่รู้จะจ่ายหนี้กยศ.ให้เค้าไหวมั้ย เพราะน้องเราก็ดูไม่ได้แคร์ที่จะมาช่วยเลยค่ะ

แต่หลังจากนั้นบ้านเราก็ Move on กันได้ค่ะ เพราะ เค้าเลือกที่จะไปเล่นดนตรีหาเงินวันละ 800 - 1,000 ได้เลย ซึ่งเราก็มองว่าเป็นรายได้ที่ดีนะ แม้เค้าจะเรียนไม่จบก็เถอะ

แต่มันไม่จบแค่นั้นน่ะสิคะ

ชีวิตน้อง และบ้านเรามันไม่ Move on แค่ตรงนั้น เพราะ เรา และแม่เรามารู้ทีหลังว่า น้องเรากำลังทำงานหาเงินเล่นดนตรีเพื่อเลี้ยงแฟน “ที่เรียนไม่จบ” อยู่เหมือนกันอยู่ค่ะ TT

จริงๆ ตอนนั้นเราและแม่ไม่ยุ่งเลยนะคะ เพราะคิดว่า เค้ารักกัน หาเลี้ยงครอบครัว มันก็เรื่องปกติ แต่เราก็ดั้นนนนึกไปถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่ชีวิตน้องเราเหลวแหลกเนี่ยเป็นเพราะน้องผู้หญิงคนนี้ด้วยหรือเปล่า 

เพราะอย่างที่บอกก่อนหน้านี้คือ น้องเราได้เงินจากแม่เรา และได้เงินค่ากินจากกยศ. มันก็เพียงพอแล้ว แล้วทำไมเค้าถึงไม่พอใช้ล่ะ เค้าเอาเงินไปให้ใครเหรอ ทำไมเค้าต้องร้อนเงินขนาดที่ต้องไปเล่นดนตรีกลางคืนเพื่อหารายได้เพิ่มจนต้องดรอปเรียนออกมา 

เราสงสัยอยู่พักนึงเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แต่ก็เป็นห่วงนะคะ แทนที่ชีวิตจะไปได้ดี แต่กลับต้องมาติดขัด ถ้าน้องผู้หญิงคนนั้นเอาดีด้านเรียนสักหน่อย มันก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยคะ แต่นี่เค้าเล่นเรียนไม่ผ่านจนมหาลัยไล่ออกเหมือนกัน เราว่ามันพากันแย่ไปแล้วอะค่ะ 

** แต่ย้ำอีกทีนะคะ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ยุ่งค่ะ แค่รับรู้ และสงสัย**

จนกระทั่งวันนึง เราไปรู้มาว่ามหาลัยนึงมีทุนเรียนฟรี 100% โดยออกค่าเทอมให้เลย 100% ยกเว้นค่ากินนะคะ เป็นทุนที่ต้องใช้ความสามารถด้านดนตรีออดิชั่นเข้าไป เราเห็นทุนนี้ก็นึกถึงน้องเราเลยค่ะ เพราะเราเองก็อยากให้น้องเรามีการศึกษามากขึ้น เราเลยส่งให้น้องเราดูเลยค่ะ แต่ตอนนั้นน้องเราเหมือนจะไม่สนใจนะคะ เพราะเค้าเป็นประเภทขี้เกียจอ่าน ขี้เกียจดูนั่น ดูนี่ แบบที่เคยเป็นอะค่ะ เราเลยทักไปถามทุกวันๆ ว่า ดูหรือยัง สนใจไหม เป็นเชิงถามอะค่ะ เราแค่อยากได้คำตอบ ว่าสนใจ หรือ ไม่ แค่นี้จริงๆ ค่ะ 

จริงๆ เค้าจะไม่ชอบตอบข้อความคนในครอบครัว เค้าจะชอบเอาใจคนอื่นคนไกล ทั้งๆ ที่คนในครอบครัวดีกับเค้าค่ะ ต้องดักไว้ตรงนี้เลย

พอถามจี้ๆๆ จนเค้ายอมอ่าน ยอมศึกษารายละเอียด ก็มารู้ว่าเค้าสนใจ 
เราเลยรีบเคลียร์เรื่องชีวิตกับเค้าเลยค่ะว่า

1. ถ้ารับทุนและมาเรียนที่มหาลัยนี่ ต้องห้ามเล่นดนตรีกลางคืนแล้ว ไม่งั้นน้องเราจะมีเหตุผลนี้มาอ้างตอนเค้าเรียนไม่ผ่านอีก
2. เรื่องค่าใช้จ่ายจะให้ไปเลยเดือนละ 10,000 แต่ต้องใช้คนเดียว ไม่งั้นมันจะไม่พอ จนต้องวนกลับไปทำงาน และเรียนไม่ผ่านอีก
3. เรื่องแฟน ไปเคลียร์ให้ชัดเจนว่าจะเอายังไง เพราะน้องเราจะไม่ได้ทำงานแล้ว แปลว่าเค้าจะมาใช้เงินน้องเราไม่ได้แล้ว จะไปทำงาน หรือ จะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ หรือ จะมาขอทุนด้วยเหมือนกัน แต่ต้องมีเงินจากทางบ้านส่งมา
4. ก่อนเปิดเรียน มาติวด้วยกันก่อน เราจะติวให้ ไม่งั้นเค้าเรียนไม่ไหวอีก เดี๋ยวจะกลับมาลูปเดิม

ตอนแรกน้องเราก็ดูอ้ำๆ อึ้งๆ นะคะ เพราะเค้าสารภาพมาแล้วว่าเค้าทำงานหาเงินเลี้ยงผู้หญิงคนนี้ที่เรียนไม่จบ 

และเราก็ได้รู้จักแฟนน้องเราจริงๆ ให้นามสมมุติว่า “จี้” นะคะ ว่าสถานการณ์เค้าเป็นยังไง

ปัญหาของแฟนน้องเรา:
น้องเรา และ จี้ มาคุยกับเรา และเล่าปัญหาว่า จี้ มีฐานะยากจนมากๆค่ะ คือขนาดบ้านเราว่าจนแล้ว จี้ยากจนกว่าอีกค่ะ ประมาณว่าพ่อแม่แฟนน้องอายุเยอะ ไม่ทำงาน ขายน้ำพริกหน้าบ้าน พ่อขาไม่ดี เงินค่าเรียนก็ส่งให้ไม่ได้ จบแค่ป.สี่ น่าสงสาร พอมาเรียนก็กู้กยศ. ต้องทำงานกลางคืนเชียร์เบียร์ ไม่มีเวลาตั้งใจเรียน อาจารย์สอนไม่ดี จนต้องติด F จนโดนไทร์ ตอนนี้ก็ให้น้องเราเล่นดนตรีกลางคืน และ ‘ใช้เงินด้วยกัน’ เวลา จี้ เล่าอะไรแบบนี้เค้าก็ชอบร้องไห้ไปด้วยเล่าไปด้วยนะคะ ขนาดแม่เราเองฟังยังสงสารจับใจเลยค่ะ 
แต่เราเองก็ฟังหูไว้หูนะคะ ไม่ได้คล้อยไปตามอารมณ์ของใครมากขนาดนั้น

เพราะเรารู้สึกว่า จี้ เป็นคนที่รู้ทั้งรู้ว่าที่บ้านไม่พร้อม และยังกู้เรียนอยู่ มีค่าครองชีพจากกยศ. ทุกเดือน แต่ก็ยังทำตัวเองให้เรียนไม่จบ เป็นหนี้ และยังมาดึงน้องเราลงไปด้วยให้มันแย่ลงไปกว่าเดิมอีก 

เวลาที่เราได้คุยกับ จี้ ถามไถ่ถึงปัญหา และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างจี้ และน้องเรา เพื่อเอามาวิเคราะห์ 

จี้จะชอบโทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองจริงๆค่ะ เค้าจะโทษที่บ้าน โทษฐานะ โทษทุกอย่างจริงๆ แต่เค้าไม่โทษตัวเองเลย เค้าเป็นคนไม่ขยัน ไม่ฝักใฝ่อะไรเลย ยิ่งเรารู้จัก จี้ เราก็ยิ่งรู้สึกเวทนา จี้ และสงสารน้องเรามากอะค่ะ เราไม่ได้เป็นคนมีอคติกับใครนะคะ แต่ยิ่งเราฟังแต่ละประโยคที่ จี้ พูด เราก็ยิ่งไม่ค่อยอยากสนับสนุนเค้าเลยค่ะ เรารู้สึกไม่อยากช่วยเรื่องเงิน เรื่องการเรียน เรื่องงานอะไรเค้าเลย เพราะทัศนคติเค้าแย่มาก แต่เค้าจะพูดทุกอย่างให้ตัวเค้าดูดี ไม่ผิดอะไร เค้าจะเน้นแค่ว่าเค้าจน เค้าน่าสงสาร แค่นี้เลยค่ะ แต่เค้าไม่พูดเลยนะคะว่าเค้าไม่ตั้งใจเรียน ขี้เกียจ พอคนขี้เกียจแบบน้องเรา อยู่กับ คนขี้เกียจแบบจี้มาอยู่ด้วยกัน มันก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ มันเลยแย่ยิ่งกว่าเดิมไงคะ 

เพราะแบบนี้เราถึงรู้สึกว่า จี้ ไม่น่ารักเลย ไม่น่าสนับสนุนจริงๆ คนของเราแย่ ใช่ อันนี้รู้มาตลอดค่ะ แต่ถ้าคนของเราไปเจอคนที่แย่กว่า แบบนี้เราก็ไม่โอเคมั้ยคะ 

แต่ตอนนั้น เราก็ยังไม่ได้ยุ่งอะไรมากนะคะ แค่คิดให้มันผ่านๆไปค่ะ แค่หวังให้แค่ว่าน้องเราจะตาสว่าง หรือปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จนแบกรับจี้ได้มากขึ้นแบบที่เค้าหวังกัน หรือ ไม่ก็ หวังให้ จี้เอง จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ จะได้พากันดีขึ้น 



จนกระทั่ง มันถึงช่วงพีค ช่วงที่เราแนะนำทุนเรียนฟรี 100% ให้น้องเรานี่แหละค่ะ

ต่อ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่