ผมอยากจะขอความคิดเห็นถึงเรื่องบางเรื่องจากพี่ๆ สักหน่อยครับ คือมีเพื่อนผมคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้มันก็ใช้ชีวิตอยู่กับแฟนมันตามปกติโดยที่แฟนมันมาอยู่บ้านมัน แต่แล้วไม่กี่เดือนมานี้
พ่อตามันฝากงานให้ลูกสาวของเขาเข้าทำงานที่หน่วยงานรัฐฯแห่งหนึ่งได้ ซึ่งหน่วยงานรัฐฯที่ว่านี้มันอยู่จังหวัดบ้านเกิดของเขาคือสุพรรณฯ
ดังนั้นแฟนเพื่อนผมคนนี้ก็จะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของเขา เพื่อสะดวกในการทำงาน ส่วนตัวมันเลือกที่จะอยู่ที่บ้านเมืองกาญฯ
พอสุดสัปดาห์แฟนของมันก็จะเป็นฝ่ายขับรถมาเพื่อใช้เวลาอยู่กับเพื่อนผม...
ซึ่งการเดินทางไปๆ มาๆ ในแต่ล่ะครั้งมันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แล้วไหนจะความเสี่ยงระหว่างทางที่อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นอีก
ผมจึงสงสัยเลยถามมันไปว่าแล้วทำไมมันถึงไม่ไปอยู่กับแฟนมันที่สุพรรณหล่ะ (คือบอกกันนะว่าคู่นี้เขาคบกันมานานแล้ว)
มันตอบผมกลับมาว่า มันจะไปทำไม ไปก็ต้องไปเช่าบ้านอยู่อีกไหนจะต้องผ่อนรถอีก (แล้วเหตุการณ์ต่อจากนี้แหละครับที่ทำผมคาใจ)
พอผมได้ยินมันตอบมาแบบนั้นผมก็สงสัยว่า มันจะต้องไปเช่าบ้านทำไม ทำไมไม่ไปอยู่บ้านแฟนล่ะ ไปอยู่ด้วยกันอย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องคอยเทียวไปเทียวมาหากันให้สิ้นเปลือง
(ก่อนที่ผมจะกล้าบอกกับมันไปแบบนี้เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกเขยกับพ่อตาแม่ยายมันต้องดีในระดับหนึ่งเลยล่ะเพราะเห็นมันไปเที่ยวหาทางนั้นอยู่บ่อยๆ)
แต่มันด่าผมกลับมาว่า ผมใช้อะไรคิดว่า ที่บอกให้มันเข้าไปอยู่บ้านเขา(บ้านผู้หญิงอ่ะนะ)
ผมตอบมันว่า "กูก็ใช้ประสบการณ์ชีวิตกูนี้แหละคิด"
มันด่าผมกลับมาว่า "ประสบการณ์ชีวิตของคือการไม่ให้เกรียติครอบครัวผู้หญิงใช่ไหม ที่การเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ให้เกรียติคนในครอบครัวฝ่ายหญิงว่าเขาจะถูกคนรอบข้างเขานินทาอะไรยังไง"
(แล้วตามมาด้วยคำด่าประมาณว่า "จะให้มันเข้าไปอยู่บ้านเขาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกันเหมือนกับที่ผมเคยทำมันบอกมันทำไม่ได้มันคือการไม่ให้เกรียติผู้หญิงและครอบครัวของเขา มันทำแบบนั้นไม่ได้" มันว่างี้ )
(อยู่ดีๆ ผมก็กลายเป็นผู้ชาย
ไปเฉยเลย แล้วก็ลามปามพูดไปถึงลูกผมว่าให้ลูกผมเป็นคนทำนะเอาแฟนที่ไม่ต้องแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านนะ อะไรของมันผมก็งง ผมยอมรับว่าผมสตั๊นกับประโยคนี้)
(แต่ที่สตั๊น ไม่ใช่สตั๊นเพราะคำที่มันว่าผมไม่ให้เกรียติคนในครอบครัวฝ่ายหญิง เข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงทั้งที่ยังไม่แต่งงานกันนะครับ เพราะมันไร้สาระ)
(ถ้าพี่อ่านเหตุณ์ต่างๆที่ผมได้เล่าไปข้างต้นนี้แล้ว ผมเชื่อว่าพี่จะต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ภาพในส่วนประสาทของที่ผมมองเห็นมันใกล้แค่นี้หรือไกลแค่ไหน)
(แต่ที่สตั้นก็เพราะไม่นึกว่ามันคิดอยู่แค่นี้ คนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างผัวเมีย ผมว่ามันมีอะไรที่มันสำคัญกว่าการแต่งงานกันเยอะครับ เพราะการแต่งงาน มันแต่งเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามีเงินมากพอ)
(แต่ถ้าหากต้องแยกกันอยู่คนล่ะจังหวัดแล้วจะต้องคอยไปมาหากันทุกอาทิตย์เรื่อยๆไปอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะเก็บได้มากพอเพื่อแต่งงานกันได้สักทีล่ะ ที่มันไม่อยู่กับเขาไม่ใช่เขาไม่ต้อนรับ)
(แต่มันเป็นเพราะมันเชื่อว่านี่คือชุดความคิดที่ถูกต้องที่สุดและเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องคิดแบบมัน มันจึงท้าให้ผมมาโพสถามความคิดเห็นของมนุษย์โลกในสังคมคนอื่นๆ ได้เลย ว่าจะมีกี่คนที่เขาคิดอย่างผม)
"การที่ฝ่ายชายเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน คือการไม่ให้เกรียติฝ่ายหญิงและคนในครอบครัว ?"
พ่อตามันฝากงานให้ลูกสาวของเขาเข้าทำงานที่หน่วยงานรัฐฯแห่งหนึ่งได้ ซึ่งหน่วยงานรัฐฯที่ว่านี้มันอยู่จังหวัดบ้านเกิดของเขาคือสุพรรณฯ
ดังนั้นแฟนเพื่อนผมคนนี้ก็จะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของเขา เพื่อสะดวกในการทำงาน ส่วนตัวมันเลือกที่จะอยู่ที่บ้านเมืองกาญฯ
พอสุดสัปดาห์แฟนของมันก็จะเป็นฝ่ายขับรถมาเพื่อใช้เวลาอยู่กับเพื่อนผม...
ซึ่งการเดินทางไปๆ มาๆ ในแต่ล่ะครั้งมันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แล้วไหนจะความเสี่ยงระหว่างทางที่อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นอีก
ผมจึงสงสัยเลยถามมันไปว่าแล้วทำไมมันถึงไม่ไปอยู่กับแฟนมันที่สุพรรณหล่ะ (คือบอกกันนะว่าคู่นี้เขาคบกันมานานแล้ว)
มันตอบผมกลับมาว่า มันจะไปทำไม ไปก็ต้องไปเช่าบ้านอยู่อีกไหนจะต้องผ่อนรถอีก (แล้วเหตุการณ์ต่อจากนี้แหละครับที่ทำผมคาใจ)
พอผมได้ยินมันตอบมาแบบนั้นผมก็สงสัยว่า มันจะต้องไปเช่าบ้านทำไม ทำไมไม่ไปอยู่บ้านแฟนล่ะ ไปอยู่ด้วยกันอย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องคอยเทียวไปเทียวมาหากันให้สิ้นเปลือง
(ก่อนที่ผมจะกล้าบอกกับมันไปแบบนี้เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกเขยกับพ่อตาแม่ยายมันต้องดีในระดับหนึ่งเลยล่ะเพราะเห็นมันไปเที่ยวหาทางนั้นอยู่บ่อยๆ)
แต่มันด่าผมกลับมาว่า ผมใช้อะไรคิดว่า ที่บอกให้มันเข้าไปอยู่บ้านเขา(บ้านผู้หญิงอ่ะนะ)
ผมตอบมันว่า "กูก็ใช้ประสบการณ์ชีวิตกูนี้แหละคิด"
มันด่าผมกลับมาว่า "ประสบการณ์ชีวิตของคือการไม่ให้เกรียติครอบครัวผู้หญิงใช่ไหม ที่การเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ให้เกรียติคนในครอบครัวฝ่ายหญิงว่าเขาจะถูกคนรอบข้างเขานินทาอะไรยังไง"
(แล้วตามมาด้วยคำด่าประมาณว่า "จะให้มันเข้าไปอยู่บ้านเขาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกันเหมือนกับที่ผมเคยทำมันบอกมันทำไม่ได้มันคือการไม่ให้เกรียติผู้หญิงและครอบครัวของเขา มันทำแบบนั้นไม่ได้" มันว่างี้ )
(อยู่ดีๆ ผมก็กลายเป็นผู้ชายไปเฉยเลย แล้วก็ลามปามพูดไปถึงลูกผมว่าให้ลูกผมเป็นคนทำนะเอาแฟนที่ไม่ต้องแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านนะ อะไรของมันผมก็งง ผมยอมรับว่าผมสตั๊นกับประโยคนี้)
(แต่ที่สตั๊น ไม่ใช่สตั๊นเพราะคำที่มันว่าผมไม่ให้เกรียติคนในครอบครัวฝ่ายหญิง เข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงทั้งที่ยังไม่แต่งงานกันนะครับ เพราะมันไร้สาระ)
(ถ้าพี่อ่านเหตุณ์ต่างๆที่ผมได้เล่าไปข้างต้นนี้แล้ว ผมเชื่อว่าพี่จะต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ภาพในส่วนประสาทของที่ผมมองเห็นมันใกล้แค่นี้หรือไกลแค่ไหน)
(แต่ที่สตั้นก็เพราะไม่นึกว่ามันคิดอยู่แค่นี้ คนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างผัวเมีย ผมว่ามันมีอะไรที่มันสำคัญกว่าการแต่งงานกันเยอะครับ เพราะการแต่งงาน มันแต่งเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามีเงินมากพอ)
(แต่ถ้าหากต้องแยกกันอยู่คนล่ะจังหวัดแล้วจะต้องคอยไปมาหากันทุกอาทิตย์เรื่อยๆไปอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะเก็บได้มากพอเพื่อแต่งงานกันได้สักทีล่ะ ที่มันไม่อยู่กับเขาไม่ใช่เขาไม่ต้อนรับ)
(แต่มันเป็นเพราะมันเชื่อว่านี่คือชุดความคิดที่ถูกต้องที่สุดและเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องคิดแบบมัน มันจึงท้าให้ผมมาโพสถามความคิดเห็นของมนุษย์โลกในสังคมคนอื่นๆ ได้เลย ว่าจะมีกี่คนที่เขาคิดอย่างผม)