เมื่อปี 2007 คุณปู่ Charlie Munger ได้ให้คำเเนะนำด้านการลงทุนที่สำคัญ เเม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 2 ทศวรรษเเล้ว ก็ยังใช้การได้อยู่ ในบรรดาคำเเนะนำทั้งหมด คำเเนะนำที่เด่นๆมีดังต่อไปนี้
1) อย่าใช้เงินเกินตัว
ข้อแนะนำเเรกนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ปกติคนเราเวลามีรายได้มากขึ้นก็มักจะจ่ายมากขึ้น คุณปู่ได้ยกตัวอย่างเรื่อง Mozart ไว้เป็นอุทาหรณ์ เเม้ว่า Mozart จะเป็นนักประพันธ์ชื่อก้องโลก เเต่ชีวิตก็ต้องพบกับความอนาถเพราะเป็นคนใช้เงินเกินตัว
2) สร้างเช็คลิสต์
เช็คลิสต์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ นักบินต้องใช้เช็คลิสค์เพื่อตรวจสอบสิ่งที่ต้องทำก่อนนำเครื่องขึ้น หมอผ่าตัดต้องใช้เช็คลิสต์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
เวลาที่ต้องลงทุนคุณปู่ Munger มักจะใช้เช็คลิสต์ที่ยาวเป็นพิเศษเพื่อเช็คว่าบริษัทนั้นๆมีคุณสมบัติผ่านรึเปล่า บริษัทที่ดีจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีกำไรต่อทุนสูงกว่า 15% มีป้อมปราการที่เเข็งเเกร่ง ที่โดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย พลังจากเครือข่าย (network effect) อำนาจในการกำหนดราคา เเละขนาดของธุรกิจ
ถ้าครบทุกข้อ บริษัทนั้นๆก็จะผ่านสู่รอบประเมินมูลค่า ที่ประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ price earning ratio เทียบกับของคู่เเข่ง หรือการคำนวณ DCF เพื่อทำความเข้าใจศักยภาพกระเเสเงินสดของธุรกิจ
Munger บอกว่าเขาไม่ได้ใช้วิธีคิดที่ซับซ้อน ใช้เเค่ logic ธรรมดาๆกับการบวก ลบ คูณ หาร ขั้นพื้นฐานในการประเมินมูลค่าของธุรกิจ
3) ทำความเข้าใจเเนวคิดจากทั้งสองด้าน
Munger ใช้วิธีการที่เรียกว่า iron subscription เปรียบเสมือนการคิดไปคิดกลับ หาข้อโต้เเย้งให้กับความเชื่อของตัวเอง
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเรากำลังลงทุนในหุ้น Tesla (TSLA) ในปี 2019 เราอาจจะกำลังตื่นเต้นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เเนวโน้มตลาด เเละทีมบริหารที่ช่ำชองของบริษัท เเต่เราก็ควรจะอ่านรายงาน short sell จากกองทุน hedge fund ด้วย รายงานเหล่านั้นได้นำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านเกี่ยวกับปัญหาคุณภาพของรถ
กระบวนการนี้ Munger เรียกว่า การทำความเข้าใจจากสองด้าน Charle Darwin เรียกสิ่งนี้ว่า disconform evidence
4) รู้ให้ลึก
Munger เรียกตัวเองว่าเครื่องจักรเเห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เขาเชื่อว่าการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องคือกุญเเจสำคัญสู่ความสำเร็จด้านการลงทุน ถ้าคุณซื้อหุ้นในขณะที่อีกคนกำลังขาย คุณต้องมั่นใจว่าคุณรู้ลึกกว่าคนคนนั้น หรืออย่างน้อยก็ต้องมีข้อมูลเชิงลึก คุณปู่อ่านหนังสือหลายเล่มต่อสัปดาห์เเละได้พัฒนาข้อมูลเชิงลึกของตัวเอง เขาได้จับใจความประเด็นสำคัญในเเต่ละศาสตร์เเละใช้ข้อมูลเหล่านั้นสร้างเป็นกรอบการทำงานเเละการลงทุนของตัวเอง
Munger ได้เล่าเรื่อง Max Planck นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลที่ต้องเดินสายไปบรรยายเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ในเยอรมัน คนขับรถของ Max Planck ฟังเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ซ้ำเเล้วซ้ำเล่า จนสามารถเอาไปเล่าต่อได้ราวกับตัวเองเป็นนักวิทยศาสตร์ Max Planck ได้ลองทำ social experiment โดยการให้คนขับรถขึ้นไปบรรยายบนเวที เเกล้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ เเม้ว่าช่วงเเรกจะเป็นไปได้ด้วยดี เเต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคนได้ยิงคำถามเชิงลึก ก่อนที่คนขับรถจะยอมเเพ้เเล้วให้ Planck ขึ้นมาเล่าต่อ
ความรู้มีสองเเบบคือ ความรู้เเบบ Planck หมายถึง ความรู้ที่เกิดจากความถนัด เเละผู้พูดก็รู้ว่าตัวเองกำลังพูดถึงอะไรอยู่ กับ ความรู้เเบบคนขับรถ คือ ความรู้ที่เกิดจากการฟังเเละพูดไปเรื่อย
5) เลือกคบคน
Munger เชื่อว่าเราควรหลีกเลี่ยงการเสวนากับพวกที่ไม่มี logical thinking เราควรทำงานกับคนที่เรารู้สึกชื่นชมเขา ในช่วงเเรกของการทำงาน Buffet ได้เสนอจะทำงานให้ Benjamin Graham เเบบฟรีๆ เพราะเห็นว่า Graham เปรียบเสมือนบิดาเเห่งการลงทุนเน้นคุณค่า
6) ทำในสิ่งที่ชอบ
มันยากมากที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้สนใจ ดังนั้นเป้าหมายคือการทำในสิ่งที่เราสนใจ
7) จัดการกับความล้มเหลว
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เราจะต้องประสบกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่ Munger ลงทุนจะทำกำไร โดยเฉพาะในช่วงเเรกๆ Munger เชื่อว่า เราต้องระบุปัญหาให้ได้ตั้งเเต่เนิ่นๆเเละขายทิ้งถ้าเห็นว่าพื้นฐานมันเปลี่ยนไปเเล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่สงสารตัวเอง เขาเชื่อว่าเราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกสถานการณ์ ทั้งดีเเละไม่ดี
Charlie Munger เป็นนักลงทุนระดับตำนานที่ให้คำเเนะนำด้านการลงทุนเเละการใช้ชีวิต เเม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 2 ทศวรรษ เเต่คำเเนะนำของคุณปู่ก็ยังคงใช้ได้ในยุคของเรา #RIP
7 แนวคิดการลงทุนที่สำคัญของ Charlie Munger
1) อย่าใช้เงินเกินตัว
ข้อแนะนำเเรกนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ปกติคนเราเวลามีรายได้มากขึ้นก็มักจะจ่ายมากขึ้น คุณปู่ได้ยกตัวอย่างเรื่อง Mozart ไว้เป็นอุทาหรณ์ เเม้ว่า Mozart จะเป็นนักประพันธ์ชื่อก้องโลก เเต่ชีวิตก็ต้องพบกับความอนาถเพราะเป็นคนใช้เงินเกินตัว
2) สร้างเช็คลิสต์
เช็คลิสต์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ นักบินต้องใช้เช็คลิสค์เพื่อตรวจสอบสิ่งที่ต้องทำก่อนนำเครื่องขึ้น หมอผ่าตัดต้องใช้เช็คลิสต์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
เวลาที่ต้องลงทุนคุณปู่ Munger มักจะใช้เช็คลิสต์ที่ยาวเป็นพิเศษเพื่อเช็คว่าบริษัทนั้นๆมีคุณสมบัติผ่านรึเปล่า บริษัทที่ดีจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีกำไรต่อทุนสูงกว่า 15% มีป้อมปราการที่เเข็งเเกร่ง ที่โดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย พลังจากเครือข่าย (network effect) อำนาจในการกำหนดราคา เเละขนาดของธุรกิจ
ถ้าครบทุกข้อ บริษัทนั้นๆก็จะผ่านสู่รอบประเมินมูลค่า ที่ประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ price earning ratio เทียบกับของคู่เเข่ง หรือการคำนวณ DCF เพื่อทำความเข้าใจศักยภาพกระเเสเงินสดของธุรกิจ
Munger บอกว่าเขาไม่ได้ใช้วิธีคิดที่ซับซ้อน ใช้เเค่ logic ธรรมดาๆกับการบวก ลบ คูณ หาร ขั้นพื้นฐานในการประเมินมูลค่าของธุรกิจ
3) ทำความเข้าใจเเนวคิดจากทั้งสองด้าน
Munger ใช้วิธีการที่เรียกว่า iron subscription เปรียบเสมือนการคิดไปคิดกลับ หาข้อโต้เเย้งให้กับความเชื่อของตัวเอง
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเรากำลังลงทุนในหุ้น Tesla (TSLA) ในปี 2019 เราอาจจะกำลังตื่นเต้นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เเนวโน้มตลาด เเละทีมบริหารที่ช่ำชองของบริษัท เเต่เราก็ควรจะอ่านรายงาน short sell จากกองทุน hedge fund ด้วย รายงานเหล่านั้นได้นำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านเกี่ยวกับปัญหาคุณภาพของรถ
กระบวนการนี้ Munger เรียกว่า การทำความเข้าใจจากสองด้าน Charle Darwin เรียกสิ่งนี้ว่า disconform evidence
4) รู้ให้ลึก
Munger เรียกตัวเองว่าเครื่องจักรเเห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เขาเชื่อว่าการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องคือกุญเเจสำคัญสู่ความสำเร็จด้านการลงทุน ถ้าคุณซื้อหุ้นในขณะที่อีกคนกำลังขาย คุณต้องมั่นใจว่าคุณรู้ลึกกว่าคนคนนั้น หรืออย่างน้อยก็ต้องมีข้อมูลเชิงลึก คุณปู่อ่านหนังสือหลายเล่มต่อสัปดาห์เเละได้พัฒนาข้อมูลเชิงลึกของตัวเอง เขาได้จับใจความประเด็นสำคัญในเเต่ละศาสตร์เเละใช้ข้อมูลเหล่านั้นสร้างเป็นกรอบการทำงานเเละการลงทุนของตัวเอง
Munger ได้เล่าเรื่อง Max Planck นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลที่ต้องเดินสายไปบรรยายเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ในเยอรมัน คนขับรถของ Max Planck ฟังเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ซ้ำเเล้วซ้ำเล่า จนสามารถเอาไปเล่าต่อได้ราวกับตัวเองเป็นนักวิทยศาสตร์ Max Planck ได้ลองทำ social experiment โดยการให้คนขับรถขึ้นไปบรรยายบนเวที เเกล้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ เเม้ว่าช่วงเเรกจะเป็นไปได้ด้วยดี เเต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคนได้ยิงคำถามเชิงลึก ก่อนที่คนขับรถจะยอมเเพ้เเล้วให้ Planck ขึ้นมาเล่าต่อ
ความรู้มีสองเเบบคือ ความรู้เเบบ Planck หมายถึง ความรู้ที่เกิดจากความถนัด เเละผู้พูดก็รู้ว่าตัวเองกำลังพูดถึงอะไรอยู่ กับ ความรู้เเบบคนขับรถ คือ ความรู้ที่เกิดจากการฟังเเละพูดไปเรื่อย
5) เลือกคบคน
Munger เชื่อว่าเราควรหลีกเลี่ยงการเสวนากับพวกที่ไม่มี logical thinking เราควรทำงานกับคนที่เรารู้สึกชื่นชมเขา ในช่วงเเรกของการทำงาน Buffet ได้เสนอจะทำงานให้ Benjamin Graham เเบบฟรีๆ เพราะเห็นว่า Graham เปรียบเสมือนบิดาเเห่งการลงทุนเน้นคุณค่า
6) ทำในสิ่งที่ชอบ
มันยากมากที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้สนใจ ดังนั้นเป้าหมายคือการทำในสิ่งที่เราสนใจ
7) จัดการกับความล้มเหลว
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เราจะต้องประสบกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่ Munger ลงทุนจะทำกำไร โดยเฉพาะในช่วงเเรกๆ Munger เชื่อว่า เราต้องระบุปัญหาให้ได้ตั้งเเต่เนิ่นๆเเละขายทิ้งถ้าเห็นว่าพื้นฐานมันเปลี่ยนไปเเล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่สงสารตัวเอง เขาเชื่อว่าเราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกสถานการณ์ ทั้งดีเเละไม่ดี
Charlie Munger เป็นนักลงทุนระดับตำนานที่ให้คำเเนะนำด้านการลงทุนเเละการใช้ชีวิต เเม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 2 ทศวรรษ เเต่คำเเนะนำของคุณปู่ก็ยังคงใช้ได้ในยุคของเรา #RIP