เอาตรง ๆ ก็คือ เราน่าจะเป็นโรคจิตชอบโชว์นั่นแหละ คือเราจะมีอารมณ์มาก ถ้าได้โป๊ให้คนอื่นเห็น
เรารู้ว่าเป็นอย่างนี้ครั้งแรก ตอนประมาณ ม.ต้น โดยบังเอิญ คือวันนึงเราไปตลาดกับพี่ แล้วใส่เสื้อยืดเก่า ๆ ไปแบบไม่ดู ปรากฎว่าพอถูกแดด เสื้อมันบางจนเห็นบรา ทั้งสีทั้งลายแบบชัดเลย เหมือนใส่เสื้อซีทรู ตอนนั้นพี่เรากระซิบว่ามีคนมอง พอได้รู้แบบนั้น เราก็รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว เดินตลาดต่อไปแบบไม่มีสมาธิเลย ระหว่างทางก็จินตนาการไปด้วย ว่าเรากำลังโดนคนเห็นเสื้อใน วันนั้นกลับบ้านไป สิ่งแรกที่เราทำ คือช่วยตัวเองในห้องนอน ตอนนั้นเราช่วยตัวเองเป็นแล้ว แต่ก็รู้เลยว่า มันเสียวมากกว่าที่เคยมาก ๆ
จากนั้นเราก็เริ่มเสพติดที่จะใส่เสื้อให้คนเห็นเสื้อใน ใส่เสื้อขาวผ้าบาง ๆ ย้วย ๆ โดยไม่ใส่เสื้อทับ ใส่เสื้อสีอ่อนไปเล่นน้ำตกหรือสงกรานต์ พอ ม.ปลาย เราก็เขยิบไป เป็นการโป๊ด้านล่าง เช่น ใส่กางเกงผ้าบาง ๆ ให้คนเห็นกางเกงในบ้าง หรือใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาบาน แล้วแกล้งนั่งไม่ระวัง แบบใครมองมาก็เห็นกางเกงในแน่ ๆ คือคนเห็นจริงไม่จริงเราไม่รู้นะ แต่เราตื่นเต้นมาก ๆ
เราเคยเล่นพิเรนมาก ๆ เช่น ไปตรวจร่างกายเข้าเรียน เขาบอกว่า ไม่ให้ใส่เสื้อชั้นในมีโครงไป เราก็ไม่ใส่บราไปเลย แต่มีเสื้อซับในบาง ๆ ข้างใน คือถ้าใครสังเกตก็จะเห็นหัวนมได้ หรือเคยทำกิจกรรมเข้าค่ายต่างจังหวัด เราก็แกล้งทำเป็นว่าเรารีบ ก็ถอดเสื้อเปลี่ยนทั้ง ๆ ที่ยังมีผู้ชายอยู่ แล้วหันหลังให้ บอกว่า อย่ามองนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอยากให้มอง ใจเต้นตึกตัก
บอกก่อนว่า เราเป็นคนไม่สวย คือหน้าตาไม่สวยจริง ๆ ทั้งมีสิว ตาตี่ ปากหนา ใส่แว่น แต่เราว่าหุ่นเราดีมาตรฐาน ไม่อ้วนไม่ผอนไป แล้วเราพยายามรักษารูปร่างให้ดีด้วย
เรามาปลดล็อกขั้นต่อไปอีกครั้งคือตอนอายุ 35 ต้องไปตรวจภายในและเมมโมแกรม คือที่ผ่านมาเราอาจจะโชว์แบบให้เห็นชั้นในหรือเนื้อหนังนิดหน่อย แต่ตอนนั้นเราได้ทั้งเปลือยอกและท่อนล่าง ยิ่งครั้งแรกหมอผู้ชายตรวจภายใน เราเกือบหัวใจวายเพราะความตื่นเต้น แฉะออกมาจนหมอเขิน และนั่นคือการปลดล็อกครั้งใหญ่ของเรา คือจากนั้นไป เราก็หาเรื่องไปตรวจร่างกายที่มันต้องถอดเสื้อผ้าหรือตรวจภายใน จริง ๆ พอมาช่วยตัวเองเสร็จก็รู้สึกผิดที่เหมือนให้คุณหมอที่เจตนาดีรักษาคนไข้มาสนองความหื่นส่วนตัวของเรา แต่พอผ่านไปสักระยะ ความต้องการมันก็เรียกร้อง แล้วเราก็ทำอีก
ปัญหาคือ นอกจากเปลืองเงิน (มาก) และรู้สึกไม่ดีแล้ว เราก็กลัวว่าต่อไปเราจะก้าวไปสู่จุดไหนอีก คือตอนนี้เราไม่กล้าถึงขนาดโชว์ให้คนแปลกหน้าเห็น แต่ก็เคยมีที่ตากผ้าไว้ที่ระเบียงห้องพัก แล้วก็ใส่แต่ชุดชั้นในออกมาเก็บผ้าหรือตากผ้า แบบไม่สนใจว่าตึกตรงข้ามมองมาจะเห็นไหม
รู้ว่านิสัยแบบนี้มันอันตราย อยากรู้ว่าถ้าจะรักษา ต้องไปติดต่อหาหมอจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา แล้วเวลานัดหมอ ต้องบอกอาการเขาหรือเปล่าคะ
เสพติดการโป๊ให้คนอื่นเห็น จนเริ่มมีปัญหากับชีวิต 18+ (ยาวนะคะ)
เรารู้ว่าเป็นอย่างนี้ครั้งแรก ตอนประมาณ ม.ต้น โดยบังเอิญ คือวันนึงเราไปตลาดกับพี่ แล้วใส่เสื้อยืดเก่า ๆ ไปแบบไม่ดู ปรากฎว่าพอถูกแดด เสื้อมันบางจนเห็นบรา ทั้งสีทั้งลายแบบชัดเลย เหมือนใส่เสื้อซีทรู ตอนนั้นพี่เรากระซิบว่ามีคนมอง พอได้รู้แบบนั้น เราก็รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว เดินตลาดต่อไปแบบไม่มีสมาธิเลย ระหว่างทางก็จินตนาการไปด้วย ว่าเรากำลังโดนคนเห็นเสื้อใน วันนั้นกลับบ้านไป สิ่งแรกที่เราทำ คือช่วยตัวเองในห้องนอน ตอนนั้นเราช่วยตัวเองเป็นแล้ว แต่ก็รู้เลยว่า มันเสียวมากกว่าที่เคยมาก ๆ
จากนั้นเราก็เริ่มเสพติดที่จะใส่เสื้อให้คนเห็นเสื้อใน ใส่เสื้อขาวผ้าบาง ๆ ย้วย ๆ โดยไม่ใส่เสื้อทับ ใส่เสื้อสีอ่อนไปเล่นน้ำตกหรือสงกรานต์ พอ ม.ปลาย เราก็เขยิบไป เป็นการโป๊ด้านล่าง เช่น ใส่กางเกงผ้าบาง ๆ ให้คนเห็นกางเกงในบ้าง หรือใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาบาน แล้วแกล้งนั่งไม่ระวัง แบบใครมองมาก็เห็นกางเกงในแน่ ๆ คือคนเห็นจริงไม่จริงเราไม่รู้นะ แต่เราตื่นเต้นมาก ๆ
เราเคยเล่นพิเรนมาก ๆ เช่น ไปตรวจร่างกายเข้าเรียน เขาบอกว่า ไม่ให้ใส่เสื้อชั้นในมีโครงไป เราก็ไม่ใส่บราไปเลย แต่มีเสื้อซับในบาง ๆ ข้างใน คือถ้าใครสังเกตก็จะเห็นหัวนมได้ หรือเคยทำกิจกรรมเข้าค่ายต่างจังหวัด เราก็แกล้งทำเป็นว่าเรารีบ ก็ถอดเสื้อเปลี่ยนทั้ง ๆ ที่ยังมีผู้ชายอยู่ แล้วหันหลังให้ บอกว่า อย่ามองนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอยากให้มอง ใจเต้นตึกตัก
บอกก่อนว่า เราเป็นคนไม่สวย คือหน้าตาไม่สวยจริง ๆ ทั้งมีสิว ตาตี่ ปากหนา ใส่แว่น แต่เราว่าหุ่นเราดีมาตรฐาน ไม่อ้วนไม่ผอนไป แล้วเราพยายามรักษารูปร่างให้ดีด้วย
เรามาปลดล็อกขั้นต่อไปอีกครั้งคือตอนอายุ 35 ต้องไปตรวจภายในและเมมโมแกรม คือที่ผ่านมาเราอาจจะโชว์แบบให้เห็นชั้นในหรือเนื้อหนังนิดหน่อย แต่ตอนนั้นเราได้ทั้งเปลือยอกและท่อนล่าง ยิ่งครั้งแรกหมอผู้ชายตรวจภายใน เราเกือบหัวใจวายเพราะความตื่นเต้น แฉะออกมาจนหมอเขิน และนั่นคือการปลดล็อกครั้งใหญ่ของเรา คือจากนั้นไป เราก็หาเรื่องไปตรวจร่างกายที่มันต้องถอดเสื้อผ้าหรือตรวจภายใน จริง ๆ พอมาช่วยตัวเองเสร็จก็รู้สึกผิดที่เหมือนให้คุณหมอที่เจตนาดีรักษาคนไข้มาสนองความหื่นส่วนตัวของเรา แต่พอผ่านไปสักระยะ ความต้องการมันก็เรียกร้อง แล้วเราก็ทำอีก
ปัญหาคือ นอกจากเปลืองเงิน (มาก) และรู้สึกไม่ดีแล้ว เราก็กลัวว่าต่อไปเราจะก้าวไปสู่จุดไหนอีก คือตอนนี้เราไม่กล้าถึงขนาดโชว์ให้คนแปลกหน้าเห็น แต่ก็เคยมีที่ตากผ้าไว้ที่ระเบียงห้องพัก แล้วก็ใส่แต่ชุดชั้นในออกมาเก็บผ้าหรือตากผ้า แบบไม่สนใจว่าตึกตรงข้ามมองมาจะเห็นไหม
รู้ว่านิสัยแบบนี้มันอันตราย อยากรู้ว่าถ้าจะรักษา ต้องไปติดต่อหาหมอจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา แล้วเวลานัดหมอ ต้องบอกอาการเขาหรือเปล่าคะ