แม่ ๆ หลายคนที่กำลังท้องอยู่ บางคนก้อาจจะท้องที่สอง ท้องที่สามกันแล้ว
อาจจะผ่านประสบการณ์ การนับลูกดิ้นมาแล้ว
แต่แม่ ๆ บางคน ที่เป็นท้องแรก อาจจะยังไม่ทราบว่าการนับลูกดิ้น ต้องทำแบบไหน
เราลองมาอ่านกันดูนะคะ ว่าเราควรนับลูกดิ้นแบบไหนกัน
https://happybabys.co/count-the-babys-movements-in-the-womb/
ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย คุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องรู้ เป็นเรื่องปกติมากที่เหล่าแม่ ๆ จะกังวลว่าลูกน้อยในท้อง เป็นยังไงตลอดระยะเวลา 9 เดือน จะกินอิ่มนอนหลับดีหรือไม่ ซึ่งมันก็รวมไปถึงเรื่องของการดิ้นที่บ่งบอกว่า เจ้าตัวน้อยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือไม่ เช่น การตอบสนองเมื่อได้ยินเสียงของพ่อแม่ หรือ เสียงดนตรี โดยอาจจะมีการขยับแขนขาเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า กำลังฟังอยู่อะไรประมาณนี้ และ ใช่ว่าการดิ้นแบบปกติ จะสามารถบ่งบอกพัฒนาการได้แล้ว มันก็ยังสามารถบ่งบอกความผิดปกติได้อีกด้วย ดังนั้น เราจะมาดูกันว่า ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย เพื่อที่พ่อแม่จะได้สังเกตหาความผิดปกติแล้ว นำไปปรับใช้เพื่อเด็กในท้อง จะได้เกิดมาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีความผิดปกติใด ๆ
ความรู้สึกเมื่อลูกดิ้น ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย
เวลาที่ลูกเริ่มดิ้น แม่จะรู้สึกว่าภายในท้องมีการเคลื่อนไหว โดยตัวของลูกจะเริ่มมีการยืดแขนยืดขา สังเกตได้ว่าถ้ามองไปที่บริเวณท้อง ก็จะมีการปูด ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งแม่ก็อาจจะรู้สึกเจ็บได้อยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นช่วงระยะแรก ๆ ก็อาจจะยังไม่ค่อยรู้ว่าเป็นการดิ้น หรือ ว่าเป็นอาการจุกเสียดกันแน่ แต่โดยทั่วไปแล้วเด็กในท้องจะมีการเคลื่อนไหวในช่วง 16 – 25 สัปดาห์ ซึ่งแม่ก็จะรู้สึกได้ในเวลาที่อยู่เฉย ๆ ไม่ว่าจะนั่ง หรือนอน แต่ถ้าแม่เคลื่อนไหวด้วย ก็อาจจะยังไม่รู้สึกเท่าไหร่
การติดตามนับจำนวนลูกดิ้น
การติดตามนับจำนวน ลูกดิ้น เป็นสิ่งที่แพทย์ มักจะขอให้แม่เริ่มทำการนับการดิ้นของลูกในท้อง ตั้งแต่ 28 – 32 สัปดาห์ไปจนถึงช่วงใกล้คลอดแล้วจดบันทึก เพื่อนำไปแจ้งกับแพทย์ในการนัดครั้งต่อไปเพื่อติดตามว่า เด็กในท้องมีพัฒนาการที่ดีตามวัยหรือไม่ ซึ่งข้อดีของการนับจะทำให้แม่รู้ว่าวันไหนลูกดิ้นมาก ดิ้นน้อย หรือ ไม่มีการดิ้นเลย หากวันไหนที่รู้สึกว่าผิดปกติ จะได้ไปพบแพทย์ได้ทัน
วิธีจดบันทึกการนับลูกดิ้น
นับลูกดิ้นตามสมุดสีชมพู เป็นการนับตามตารางที่ได้จากการฝากครรภ์ ซึ่งง่ายต่อการจดบันทึก
Application ช่วยให้การนับกับการจดบันทึกสะดวกมากขึ้น
ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย
ความสมบูรณ์แข็งแรงของลูก ถือเป็นความภูมิใจของพ่อแม่ ดังนั้น การที่ ลูกดิ้น ในเกณฑ์ตามที่กำหนด จึงเป็นเรื่องดี เพราะฉะนั้นการดิ้นที่ผิดปกติ ก็เป็นความกังวลใจเหมือนกัน ซึ่งความอันตรายที่ว่าก็คือ
1. ลูกดิ้นมากเกินไป การที่ลูกดิ้นเป็นเรื่องปกติ เพราะพัฒนาการในช่วงวัยนั้น ก็สามารถขยับแขนขาได้บ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการดิ้นมาก ๆ แล้วก็หยุดดิ้นไปเลยแบบนี้ ให้พ่อแม่สงสัยไว้ก่อนเลยว่า น่าจะเกิดความผิดปกติอะไรบางอย่างกับลูกในท้อง ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้ามีการดิ้นต่อก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องอันตราย
2. ลูกดิ้นน้อยเกินไป โดยปกติแล้วเด็กในท้อง จะต้องมีการดิ้นไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง / ชั่วโมง หรือมีการดิ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง / 12 ชั่วโมง ถ้าเด็กดิ้นน้อยกว่าที่กล่าวมา จะต้องไปพบแพทย์ทันที เช่นเดียวกับกรณีที่ดิ้นมากเกินไป เพราะนั่นหมายความว่าเด็กกำลังมีความผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน
ส่วน ลูกไม่ดิ้น แปลได้ทั้งสองความหมายว่า เป็นไปได้ทั้งปกติ และ ผิดปกติ ซึ่งหลายคนคงจะงง ว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่ เพราะการที่ลูกดิ้น หรือ ไม่ดิ้นนั้น ผิดปกติ หรือ ไม่ผิดปกติ โดยในกรณีนี้ขอแบ่งออกเป็น 2 ข้อ คือ เนื่องจากเด็กที่มี อายุครรภ์ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ ขึ้นไป จะมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นทำให้ เคลื่อนไหวได้น้อยลง เพราะพื้นที่ในท้องแม่ก็น้อยลงเช่นกัน หรือ บางครั้งก็อาจจะกำลังนอนหลับอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไม่มีการเคลื่อนไหว หรือ ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นให้ดิ้น แต่ถ้าหากมีการดิ้นอยู่บ้างก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องเป็นกังวล แต่ถ้าแม่มีการกระตุ้นด้วยเสียงพูดคุย หรือ เสียงเพลง การเขย่าท้อง การใช้ไฟฉายส่อง แล้ว ลูกยังไม่ดิ้นให้เห็น ไม่มีการตอบสนองต้องสิ่งที่แม่ทำใด ๆ หรือ ให้แม่รู้สึกได้ถึงการดิ้น ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ควรที่จะรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ ว่าทำไมลูกในท้องถึงไม่ดิ้น ถึงไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่แม่ทำ เพื่อดูว่าอาจจะมีอะไรที่ผิดปกติได้ เพราะฉะนั้นแล้วพ่อแม่ไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ ควรสังเกตอยู่บ่อยครั้ง เมื่อถึงอายุครรภ์ที่ความสังเกตุว่าลูกดิ้นไหม เนื่องจากมันสื่ออะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการตามวัยของเด็กในท้อง หรือ จำนวนการดิ้นที่บ่งบอก ถึงความผิดปกติ ซึ่งถ้า พ่อแม่ให้ความใส่ใจ และ รู้เร็วก็จะช่วยปกป้องลูกได้ทันท่วงที และ รักษาได้ไว
ดั้งนั้น การนับลูกดิ้นและสังเกตุอาการ เมื่อถึงอายุครรภ์ที่ควรนับลูกดิ้น ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ อีกอย่างหนึ่ง คุณแม่ที่เป็นคนท้อง จะต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก ๆ ไม่ควรปล่อยเลยตามเลย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้
ลูกในท้อง ดิ้นแบบไหนอันตราย เรามาดูวิธีนับลูกดิ้นกัน แม่ ๆ
ความรู้สึกเมื่อลูกดิ้น ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย
เวลาที่ลูกเริ่มดิ้น แม่จะรู้สึกว่าภายในท้องมีการเคลื่อนไหว โดยตัวของลูกจะเริ่มมีการยืดแขนยืดขา สังเกตได้ว่าถ้ามองไปที่บริเวณท้อง ก็จะมีการปูด ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งแม่ก็อาจจะรู้สึกเจ็บได้อยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นช่วงระยะแรก ๆ ก็อาจจะยังไม่ค่อยรู้ว่าเป็นการดิ้น หรือ ว่าเป็นอาการจุกเสียดกันแน่ แต่โดยทั่วไปแล้วเด็กในท้องจะมีการเคลื่อนไหวในช่วง 16 – 25 สัปดาห์ ซึ่งแม่ก็จะรู้สึกได้ในเวลาที่อยู่เฉย ๆ ไม่ว่าจะนั่ง หรือนอน แต่ถ้าแม่เคลื่อนไหวด้วย ก็อาจจะยังไม่รู้สึกเท่าไหร่
การติดตามนับจำนวนลูกดิ้น
การติดตามนับจำนวน ลูกดิ้น เป็นสิ่งที่แพทย์ มักจะขอให้แม่เริ่มทำการนับการดิ้นของลูกในท้อง ตั้งแต่ 28 – 32 สัปดาห์ไปจนถึงช่วงใกล้คลอดแล้วจดบันทึก เพื่อนำไปแจ้งกับแพทย์ในการนัดครั้งต่อไปเพื่อติดตามว่า เด็กในท้องมีพัฒนาการที่ดีตามวัยหรือไม่ ซึ่งข้อดีของการนับจะทำให้แม่รู้ว่าวันไหนลูกดิ้นมาก ดิ้นน้อย หรือ ไม่มีการดิ้นเลย หากวันไหนที่รู้สึกว่าผิดปกติ จะได้ไปพบแพทย์ได้ทัน
นับลูกดิ้นตามสมุดสีชมพู เป็นการนับตามตารางที่ได้จากการฝากครรภ์ ซึ่งง่ายต่อการจดบันทึก
Application ช่วยให้การนับกับการจดบันทึกสะดวกมากขึ้น
ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย
ความสมบูรณ์แข็งแรงของลูก ถือเป็นความภูมิใจของพ่อแม่ ดังนั้น การที่ ลูกดิ้น ในเกณฑ์ตามที่กำหนด จึงเป็นเรื่องดี เพราะฉะนั้นการดิ้นที่ผิดปกติ ก็เป็นความกังวลใจเหมือนกัน ซึ่งความอันตรายที่ว่าก็คือ
1. ลูกดิ้นมากเกินไป การที่ลูกดิ้นเป็นเรื่องปกติ เพราะพัฒนาการในช่วงวัยนั้น ก็สามารถขยับแขนขาได้บ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการดิ้นมาก ๆ แล้วก็หยุดดิ้นไปเลยแบบนี้ ให้พ่อแม่สงสัยไว้ก่อนเลยว่า น่าจะเกิดความผิดปกติอะไรบางอย่างกับลูกในท้อง ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้ามีการดิ้นต่อก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องอันตราย
2. ลูกดิ้นน้อยเกินไป โดยปกติแล้วเด็กในท้อง จะต้องมีการดิ้นไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง / ชั่วโมง หรือมีการดิ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง / 12 ชั่วโมง ถ้าเด็กดิ้นน้อยกว่าที่กล่าวมา จะต้องไปพบแพทย์ทันที เช่นเดียวกับกรณีที่ดิ้นมากเกินไป เพราะนั่นหมายความว่าเด็กกำลังมีความผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน
ส่วน ลูกไม่ดิ้น แปลได้ทั้งสองความหมายว่า เป็นไปได้ทั้งปกติ และ ผิดปกติ ซึ่งหลายคนคงจะงง ว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่ เพราะการที่ลูกดิ้น หรือ ไม่ดิ้นนั้น ผิดปกติ หรือ ไม่ผิดปกติ โดยในกรณีนี้ขอแบ่งออกเป็น 2 ข้อ คือ เนื่องจากเด็กที่มี อายุครรภ์ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ ขึ้นไป จะมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นทำให้ เคลื่อนไหวได้น้อยลง เพราะพื้นที่ในท้องแม่ก็น้อยลงเช่นกัน หรือ บางครั้งก็อาจจะกำลังนอนหลับอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไม่มีการเคลื่อนไหว หรือ ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นให้ดิ้น แต่ถ้าหากมีการดิ้นอยู่บ้างก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องเป็นกังวล แต่ถ้าแม่มีการกระตุ้นด้วยเสียงพูดคุย หรือ เสียงเพลง การเขย่าท้อง การใช้ไฟฉายส่อง แล้ว ลูกยังไม่ดิ้นให้เห็น ไม่มีการตอบสนองต้องสิ่งที่แม่ทำใด ๆ หรือ ให้แม่รู้สึกได้ถึงการดิ้น ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ควรที่จะรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ ว่าทำไมลูกในท้องถึงไม่ดิ้น ถึงไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่แม่ทำ เพื่อดูว่าอาจจะมีอะไรที่ผิดปกติได้ เพราะฉะนั้นแล้วพ่อแม่ไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ ควรสังเกตอยู่บ่อยครั้ง เมื่อถึงอายุครรภ์ที่ความสังเกตุว่าลูกดิ้นไหม เนื่องจากมันสื่ออะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการตามวัยของเด็กในท้อง หรือ จำนวนการดิ้นที่บ่งบอก ถึงความผิดปกติ ซึ่งถ้า พ่อแม่ให้ความใส่ใจ และ รู้เร็วก็จะช่วยปกป้องลูกได้ทันท่วงที และ รักษาได้ไว