ในปัจจุบันนักเตะใส่อุปกรณ์ GPS ที่เสื้อกล้ามดำตัวเล็กๆ กันทุกคนเพื่อเก็บข้อมูลอยู่แล้ว
ลูกฟุตบอลก็มี GPS แบบที่บอลโลกที่กาตาร์ และใช้การจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ SAOT (Semi-Automated Offside
Technology) ให้ AI เลือกจังหวะ freeze ภาพ แล้วตัดสินว่าล้ำหน้ามั้ย โดนแสดงกราฟฟิกรูปนักเตะให้เห็นชัดเจน แต่ระบบนี้ต้องติดกล้อง 12 ตัวบนหลังคาสนาม น่าจะแพงและใช้จริงเป็นมาตรฐานได้ยาก
ดังนั้นในเมื่อ มีระบบที่ให้ AI เลือกจังหวะ freeze ภาพ ซึ่งมันคือวินาทีที่จะให้ตัดสินว่าล้ำหน้ามั้ยแล้ว ทำไมไม่ใช้ตำแหน่งพิกัด GPS ของนักเตะที่เกี่ยวข้อง เป็นตำแหน่งเปรียบเทียบไปเลย ไม่ต้องจิ้มเข่า จิ้มจักแร้เพื่อหาจุดตีเส้น อุปกรณ์ GPS ก็ใส่อยู่ที่ด้านหลัง(หรือด้านหน้า)เสื้อกล้ามตำแหน่งเดียวกันทุกคน ถ้าจะมาบอกว่าคนนึงหันหน้า คนนึงหันหลัง ห่างกันหลาย cm ระบบล้ำหน้าของเวนเกอร์ ที่ให้ล้ำได้ทั้งตัว ยิ่งระยะห่างเข้าไปอีก
ถ้าใช้ตำแหน่งพิกัด GPS ไปเลย ก็ไม่ต้องใช้กรรมการดูด้วยซ้ำ หรือถ้าจะดู คือดูที่จังหวะ freeze ภาพ ว่าถูกจังหวะมั้ย กับดูเรื่องว่า บอลโดนฝ่ายบุกหรือฝ่ายรับก่อนมาถึงตัวยิง
ทำไมไม่ใช้ตำแหน่งพิกัด GPS ที่ติดตัวนักเตะกับในลูกบอลเพื่อตัดสินการล้ำหน้าไปเลย
ลูกฟุตบอลก็มี GPS แบบที่บอลโลกที่กาตาร์ และใช้การจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ SAOT (Semi-Automated Offside
Technology) ให้ AI เลือกจังหวะ freeze ภาพ แล้วตัดสินว่าล้ำหน้ามั้ย โดนแสดงกราฟฟิกรูปนักเตะให้เห็นชัดเจน แต่ระบบนี้ต้องติดกล้อง 12 ตัวบนหลังคาสนาม น่าจะแพงและใช้จริงเป็นมาตรฐานได้ยาก
ดังนั้นในเมื่อ มีระบบที่ให้ AI เลือกจังหวะ freeze ภาพ ซึ่งมันคือวินาทีที่จะให้ตัดสินว่าล้ำหน้ามั้ยแล้ว ทำไมไม่ใช้ตำแหน่งพิกัด GPS ของนักเตะที่เกี่ยวข้อง เป็นตำแหน่งเปรียบเทียบไปเลย ไม่ต้องจิ้มเข่า จิ้มจักแร้เพื่อหาจุดตีเส้น อุปกรณ์ GPS ก็ใส่อยู่ที่ด้านหลัง(หรือด้านหน้า)เสื้อกล้ามตำแหน่งเดียวกันทุกคน ถ้าจะมาบอกว่าคนนึงหันหน้า คนนึงหันหลัง ห่างกันหลาย cm ระบบล้ำหน้าของเวนเกอร์ ที่ให้ล้ำได้ทั้งตัว ยิ่งระยะห่างเข้าไปอีก
ถ้าใช้ตำแหน่งพิกัด GPS ไปเลย ก็ไม่ต้องใช้กรรมการดูด้วยซ้ำ หรือถ้าจะดู คือดูที่จังหวะ freeze ภาพ ว่าถูกจังหวะมั้ย กับดูเรื่องว่า บอลโดนฝ่ายบุกหรือฝ่ายรับก่อนมาถึงตัวยิง