เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเราได้ตั้งกระทู้ตามหาบ้านให้ลูกนกตกจากรัง เราได้ไปขอคำปรึกษาจากเพจที่ชื่อว่า นกหล่นบอกด้วย และได้คำแนะนำเรื่องการดูแลลูกนกต่างๆ และนอกจากโพสต์ใน pantip แล้ว เราก็ได้ไปโพสต์ใน Facebook อีก แต่ดูท่าว่าจะไร้วี่แววคนจะรับเลี้ยงลูกนกตัวนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กระทู้ตามหาบ้าน https://ppantip.com/topic/42364176
การดูแลลูกนกวัยลูกป้อน มันน่ารักก็จริง แต่ก็ทำให้หน้าหงิกได้เมื่อเจอกับค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์นกต่างๆ แถมค่าพาไปรักษาที่คลินิกสัตว์ exotic อีก ราคาไม่น่ารักสักนิด(ที่เสียเยอะ น่าจะเพราะตัวเองนี่ล่ะ)
คลินิกสัตว์ exotic ไกล...จากคอนโดเรา แถวๆคอนโดเราคือมีแต่คลินิกหมาแมว รู้ซึ้งถึงข้อเสียของการเป็นคนที่ไม่มีรถส่วนตัวขับทันที การที่เราจะพานกเล็กๆขนาดนี้ไปคลินิกได้ เราเลือกเรียก Grabtaxi ไป โดนไปเกือบ 400 บาท ไป-กลับ ค่ารักษาขนาดหมอไม่ได้ตรวจและไม่ได้ให้ยาอะไรเนื่องจากมันยังเล็กเกินไป ค่ารักษาตกที่ 440 บาท ค่าอาหารนกแบบซีลีแลค(เรียกถูกไหม ไม่รู้) 120 บาท ตะกร้าใส่นก 80 บาท ไฟกก+โคม 160 บาท
และอย่างที่ เราบอกในกระทู้หาบ้านให้นก ว่าเราจะมีเวลาดูแลลูกนกเต็มที่แค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น พอมาถึงช่วงเย็นของวันอาทิตย์คือเมื่อวาน ไร้วี่แววจริงๆ ไม่น่ามีใครมารับเลี้ยงเจ้าลูกนกแน่นอนเริ่มจิตตกว่าจะต้องปล่อยลูกนกอยู่ห้องตัวเดียวโดยไม่ได้ป้อน มันจะทนหิวได้ไหมถ้าเราป้อนช่วงเช้า 7 โมงและออกไปทำงาน กว่าจะกลับมาป้อนได้ก็ 2 ทุ่ม ตอนที่เราไปคลินิกเราได้มีลองแจงให้คุณหมอฟังไป คุณหมอบอกว่าก็พอได้ แล้วแต่ตัวนก ว่ามันจะทนได้ไหม เรากลัวว่ามันจะทรมานมากแต่เราก็ต้องไปทำงานอยู่ดี
คิดๆๆไปว่าจะทำไงดี ไม่มีหน่วยงานอะไรช่วยเหลือได้เลยเหรอ? จู่ๆก็ฉุกคิดได้ตอน 3 ทุ่ม หน่วยงานไง! ค้นหาจึงพบว่า ให้แจ้งไปยังศูนย์สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ได้
เลยลองโทรทันที จากที่ทางเพจนกหล่นบอก ลูกนกที่เจอเป็นลูกนกกระติ๊ดขี้หมู เหมือนจะเคยอ่านเจอว่ามันถือเป็น
สัตว์คุ้มครองบัญชีรายชื่อ ปี 2546 ลำดับที่ 62 ผู้ใดค้าหรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 มาตรา 19, 20 เเละ 47 ที่สำคัญมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อโทรไปแล้ว เจ้าหน้าที่รับสาย เราเข้าประเด็นทันทีว่าเราพบลูกนกตกจากรัง และตอนนี้เราดูแลอยู่ มันเป็นนกกระติ๊ดลูกป้อน เราดูแลได้แค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น ทางกรมฯจะพอรับส่งต่อลูกนกไปได้ไหม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตอบรับ และให้เรานำลูกนกมาส่งกับเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง
ในตอนเช้าเราเลยจัดการลางานช่วงเช้า นำลูกนกไปส่งทางคลินิกสัตว์ป่า ของกรมป่าไม้ทันที ขึ้น Grabtaxi อีกแล้ว รอบนี้รถติดเสียด้วย ด้วยระยะทางจากคอนโดไปคลินิกสัตว์ป่า โดนไปอีก 520 บาท
เมื่อไกล้จะถึงคลินิกเกิดใจหายขึ้นมา ตัวเองคิดดีแล้วไหม? นกจะเป็นยังไง? กลับเลยดีไหมไม่ส่งนกให้กรมฯแล้ว? เกิดความคิดแบบเห็นแก่ตัวว่า เราดูแลมา 2 วันเวลาอาจน้อยแต่มันก็มากพอจะทำให้เกิดความผูกพันได้ ถ้าต้องจากกันเราน่าจะคิดถึงมันมากแน่ๆ
แต่ก็ไม่หยุดเดิน
และแล้วก็เดินไปจนถึงคลินิกสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่นำเอกสารส่งมอบสัตว์ให้กรอก ถ่ายรูปส่งมอบ ตะกร้าที่เราใช้ใส่ลูกนกมาเขาคืนให้เอาแต่ตัวลูกนก ทางเจ้าหน้าที่มีกรงสำหรับนกอยู่แล้ว เป็นกรงขนาดสำหรับลูกนก ปูพื้นกรงด้วยพรมหญ้าเทียม ซีลีแลคเรานำมาให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเก็บไว้ก็มีแต่จะบูดเสียเปล่า ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในไม่กี่นาที เดินออกมามึนๆ มานึกอีกทียังไม่ได้บ๊ายบายลูกนกเลย
ขากลับขึ้นBTS ถือตะกร้าที่ข้างในยังมีเศษทิชชู่ที่ฉีกรองตะกร้าอยู่ เจ้าหน้าที่เอาไปแค่ตัวลูกนกจริงๆ เจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระบน BTS เรียกดูทันที ก็ตอบไปว่าตัวที่อยู่ในตะกร้าไม่อยู่แล้วค่ะ เราทิ้ง เอ๊ย ปล่อย เอ๊ย ส่งมอบให้คนอื่นที่พร้อมกว่าไปแล้ว ไม่เชื่อลองแหวกตะกร้าดูก็ได้นะคะ(ประโยคนี้เราว่าเราใส่อารมณ์ ขอโทษค่ะ คุณเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระ ทั้งที่คุณก็แค่ทำตามหน้าที่ของคุณแท้ๆ
มันไปจี้ใจที่คิดว่าเคยมีตัวอะไรเล็กๆ ร้องจิ๊บๆๆๆ อยู่ในนั้นจนกระทั่งเมื่อกี้นี้)
เป็น 3 วัน 2 คืน ที่จ่ายไปกว่า 2,000 บาท ซึ่งแพงโอเว่อร์มากกกกกกกก คนอื่นคงไม่เสียเท่าเราแน่นอน
🐥🐥🐥 ในตอนนี้คิดถึงเจ้าลูกนกมากๆ 🐥🐥🐥
<แชร์+บ่นตัวเองให้คนอื่นอ่าน> ประสบการณ์เงินรั่ว กับลูกนกตกจากรัง 3 วัน 2 คืน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การดูแลลูกนกวัยลูกป้อน มันน่ารักก็จริง แต่ก็ทำให้หน้าหงิกได้เมื่อเจอกับค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์นกต่างๆ แถมค่าพาไปรักษาที่คลินิกสัตว์ exotic อีก ราคาไม่น่ารักสักนิด(ที่เสียเยอะ น่าจะเพราะตัวเองนี่ล่ะ)
คลินิกสัตว์ exotic ไกล...จากคอนโดเรา แถวๆคอนโดเราคือมีแต่คลินิกหมาแมว รู้ซึ้งถึงข้อเสียของการเป็นคนที่ไม่มีรถส่วนตัวขับทันที การที่เราจะพานกเล็กๆขนาดนี้ไปคลินิกได้ เราเลือกเรียก Grabtaxi ไป โดนไปเกือบ 400 บาท ไป-กลับ ค่ารักษาขนาดหมอไม่ได้ตรวจและไม่ได้ให้ยาอะไรเนื่องจากมันยังเล็กเกินไป ค่ารักษาตกที่ 440 บาท ค่าอาหารนกแบบซีลีแลค(เรียกถูกไหม ไม่รู้) 120 บาท ตะกร้าใส่นก 80 บาท ไฟกก+โคม 160 บาท
และอย่างที่ เราบอกในกระทู้หาบ้านให้นก ว่าเราจะมีเวลาดูแลลูกนกเต็มที่แค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น พอมาถึงช่วงเย็นของวันอาทิตย์คือเมื่อวาน ไร้วี่แววจริงๆ ไม่น่ามีใครมารับเลี้ยงเจ้าลูกนกแน่นอนเริ่มจิตตกว่าจะต้องปล่อยลูกนกอยู่ห้องตัวเดียวโดยไม่ได้ป้อน มันจะทนหิวได้ไหมถ้าเราป้อนช่วงเช้า 7 โมงและออกไปทำงาน กว่าจะกลับมาป้อนได้ก็ 2 ทุ่ม ตอนที่เราไปคลินิกเราได้มีลองแจงให้คุณหมอฟังไป คุณหมอบอกว่าก็พอได้ แล้วแต่ตัวนก ว่ามันจะทนได้ไหม เรากลัวว่ามันจะทรมานมากแต่เราก็ต้องไปทำงานอยู่ดี
คิดๆๆไปว่าจะทำไงดี ไม่มีหน่วยงานอะไรช่วยเหลือได้เลยเหรอ? จู่ๆก็ฉุกคิดได้ตอน 3 ทุ่ม หน่วยงานไง! ค้นหาจึงพบว่า ให้แจ้งไปยังศูนย์สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ได้
เลยลองโทรทันที จากที่ทางเพจนกหล่นบอก ลูกนกที่เจอเป็นลูกนกกระติ๊ดขี้หมู เหมือนจะเคยอ่านเจอว่ามันถือเป็นสัตว์คุ้มครองบัญชีรายชื่อ ปี 2546 ลำดับที่ 62 ผู้ใดค้าหรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 มาตรา 19, 20 เเละ 47 ที่สำคัญมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อโทรไปแล้ว เจ้าหน้าที่รับสาย เราเข้าประเด็นทันทีว่าเราพบลูกนกตกจากรัง และตอนนี้เราดูแลอยู่ มันเป็นนกกระติ๊ดลูกป้อน เราดูแลได้แค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น ทางกรมฯจะพอรับส่งต่อลูกนกไปได้ไหม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตอบรับ และให้เรานำลูกนกมาส่งกับเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง
ในตอนเช้าเราเลยจัดการลางานช่วงเช้า นำลูกนกไปส่งทางคลินิกสัตว์ป่า ของกรมป่าไม้ทันที ขึ้น Grabtaxi อีกแล้ว รอบนี้รถติดเสียด้วย ด้วยระยะทางจากคอนโดไปคลินิกสัตว์ป่า โดนไปอีก 520 บาท
เมื่อไกล้จะถึงคลินิกเกิดใจหายขึ้นมา ตัวเองคิดดีแล้วไหม? นกจะเป็นยังไง? กลับเลยดีไหมไม่ส่งนกให้กรมฯแล้ว? เกิดความคิดแบบเห็นแก่ตัวว่า เราดูแลมา 2 วันเวลาอาจน้อยแต่มันก็มากพอจะทำให้เกิดความผูกพันได้ ถ้าต้องจากกันเราน่าจะคิดถึงมันมากแน่ๆ
แต่ก็ไม่หยุดเดิน
และแล้วก็เดินไปจนถึงคลินิกสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่นำเอกสารส่งมอบสัตว์ให้กรอก ถ่ายรูปส่งมอบ ตะกร้าที่เราใช้ใส่ลูกนกมาเขาคืนให้เอาแต่ตัวลูกนก ทางเจ้าหน้าที่มีกรงสำหรับนกอยู่แล้ว เป็นกรงขนาดสำหรับลูกนก ปูพื้นกรงด้วยพรมหญ้าเทียม ซีลีแลคเรานำมาให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเก็บไว้ก็มีแต่จะบูดเสียเปล่า ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในไม่กี่นาที เดินออกมามึนๆ มานึกอีกทียังไม่ได้บ๊ายบายลูกนกเลย
ขากลับขึ้นBTS ถือตะกร้าที่ข้างในยังมีเศษทิชชู่ที่ฉีกรองตะกร้าอยู่ เจ้าหน้าที่เอาไปแค่ตัวลูกนกจริงๆ เจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระบน BTS เรียกดูทันที ก็ตอบไปว่าตัวที่อยู่ในตะกร้าไม่อยู่แล้วค่ะ เราทิ้ง เอ๊ย ปล่อย เอ๊ย ส่งมอบให้คนอื่นที่พร้อมกว่าไปแล้ว ไม่เชื่อลองแหวกตะกร้าดูก็ได้นะคะ(ประโยคนี้เราว่าเราใส่อารมณ์ ขอโทษค่ะ คุณเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระ ทั้งที่คุณก็แค่ทำตามหน้าที่ของคุณแท้ๆ
มันไปจี้ใจที่คิดว่าเคยมีตัวอะไรเล็กๆ ร้องจิ๊บๆๆๆ อยู่ในนั้นจนกระทั่งเมื่อกี้นี้)
เป็น 3 วัน 2 คืน ที่จ่ายไปกว่า 2,000 บาท ซึ่งแพงโอเว่อร์มากกกกกกกก คนอื่นคงไม่เสียเท่าเราแน่นอน
🐥🐥🐥 ในตอนนี้คิดถึงเจ้าลูกนกมากๆ 🐥🐥🐥