คลังยุคเศรษฐากระตุ้นจับจ่ายก่อนแจก 10,000 บาท ด้วยโครงการ “e-Refund” ช้อปดีมีคืนภาษี 50,000 บาท เอ็กซ์ตร้าเพิ่มรายการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว “ตั๋วเครื่องบิน-ค่าโรงแรม-ค่าไกด์-ค่ารถนำเที่ยว” ได้สิทธิด้วย ชง ครม.วันที่ 28 พ.ย. 66 ไฟเขียวเริ่มใช้จ่ายได้ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 67 รวม 46 วัน เผยยอดใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและบริการได้ทุกรายการ ที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ยกเว้น “Negative List” 7 ประเภท “เติมน้ำมัน” ไม่ได้ โบรกฯประเมินปลุกเงินสะพัด 2 แสนล้าน-มากกว่า “ช้อปดีมีคืน”
แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อนจะมีการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในช่วงกลางปี 2567 จะเริ่มต้นด้วยมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและประชาชน โดยออกมาตรการคืนภาษีบุคคลธรรมดาให้กับการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งในครั้งนี้รายการใช้จ่ายและวงเงินจะแตกต่างจากมาตรการเก่าที่เรียกว่า “ช้อปดีมีคืน”
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบมาตรการ “e-Refund” โดยประชาชนจะได้รับภาษีคืนจากการจับจ่ายสินค้าและบริการมูลค่ารวมไม่เกิน 50,000 บาท
จากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี เฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งจะกำหนดระยะเวลาดำเนินมาตรการไว้รวมทั้งสิ้น 46 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี
ยกเว้น 7 ประเภทสินค้า/บริการ
ทั้งนี้ มาตรการคืนภาษี หรือ e-Refund จะยกเว้นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ (negative list) รวม 7 รายการ ได้แก่ 1.ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ 2.ค่าซื้อยาสูบ 3.ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 4.ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ 5.ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 6.ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย และ 7.ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาที่กำหนด อาทิ ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าสมาชิกฟิตเนส เป็นต้น
รายการใหม่ท่องเที่ยวได้สิทธิ
มาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน-ประชาชนครั้งนี้มีรายการใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่เคยทำในปีที่ผ่านมา คือมีการเสนอให้เพิ่มรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไม่เกิน 50,000 บาท มาคืนภาษีได้ด้วย อาทิ ค่าโรงแรม ที่พัก รถนำเที่ยว ค่าไกด์นำเที่ยว ค่าแพ็กเกจทัวร์ ค่าตั๋วเครื่องบิน หากใช้จ่ายในช่วงเวลามาตรการ และจ่ายให้กับผู้ประกอบการที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ ก็สามารถใช้สิทธิได้ทั้งหมด
“สินค้าและบริการอื่น ๆ ถ้าไม่ใช่ตามที่อยู่ใน negative list ก็ได้หมด แต่จะต้องซื้อจากร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่สามารถออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ หรืออยู่ในระบบ e-Tax invoice & e-Receipt ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,400 รายแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
เพิ่มเติมจากมาตรการคืนภาษีบุคคลธรรมดา หรือ “ช้อปดีมีคืน” จากสินค้าที่เข้าเกณฑ์การลดหย่อนในปีภาษี 2566 ที่ใช้ได้กับสินค้า 3 กล่ม อาทิ
1.สินค้า หรือบริการ ที่ผู้ประกอบการได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะต้องเป็นสินค้าหรือบริการภายในประเทศเท่านั้น เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าสินค้ากลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ค่าซ่อมรถ ค่ายารักษาโรคและอาหารเสริม
กลุ่มที่ 2.สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) จากผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว 5 ประเภท คือ อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ และเครื่องประดับตกแต่ง ตลอดจนสมุนไพรที่ไม่ใช่ยาและอาหาร
และกลุ่มที่ 3.หนังสือ หรือ e-Book แต่ไม่รวมถึงนิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
https://www.prachachat.net/finance/news-1446280
ปลุกช้อปดีมีคืนภาษี 5 หมื่น ไฟเขียวท่องเที่ยวโรงแรม-ตั๋วบิน
แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อนจะมีการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในช่วงกลางปี 2567 จะเริ่มต้นด้วยมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและประชาชน โดยออกมาตรการคืนภาษีบุคคลธรรมดาให้กับการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งในครั้งนี้รายการใช้จ่ายและวงเงินจะแตกต่างจากมาตรการเก่าที่เรียกว่า “ช้อปดีมีคืน”
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบมาตรการ “e-Refund” โดยประชาชนจะได้รับภาษีคืนจากการจับจ่ายสินค้าและบริการมูลค่ารวมไม่เกิน 50,000 บาท
จากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี เฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งจะกำหนดระยะเวลาดำเนินมาตรการไว้รวมทั้งสิ้น 46 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี
ยกเว้น 7 ประเภทสินค้า/บริการ
ทั้งนี้ มาตรการคืนภาษี หรือ e-Refund จะยกเว้นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ (negative list) รวม 7 รายการ ได้แก่ 1.ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ 2.ค่าซื้อยาสูบ 3.ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 4.ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ 5.ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 6.ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย และ 7.ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาที่กำหนด อาทิ ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าสมาชิกฟิตเนส เป็นต้น
รายการใหม่ท่องเที่ยวได้สิทธิ
มาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน-ประชาชนครั้งนี้มีรายการใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่เคยทำในปีที่ผ่านมา คือมีการเสนอให้เพิ่มรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไม่เกิน 50,000 บาท มาคืนภาษีได้ด้วย อาทิ ค่าโรงแรม ที่พัก รถนำเที่ยว ค่าไกด์นำเที่ยว ค่าแพ็กเกจทัวร์ ค่าตั๋วเครื่องบิน หากใช้จ่ายในช่วงเวลามาตรการ และจ่ายให้กับผู้ประกอบการที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ ก็สามารถใช้สิทธิได้ทั้งหมด
“สินค้าและบริการอื่น ๆ ถ้าไม่ใช่ตามที่อยู่ใน negative list ก็ได้หมด แต่จะต้องซื้อจากร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่สามารถออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ หรืออยู่ในระบบ e-Tax invoice & e-Receipt ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,400 รายแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
เพิ่มเติมจากมาตรการคืนภาษีบุคคลธรรมดา หรือ “ช้อปดีมีคืน” จากสินค้าที่เข้าเกณฑ์การลดหย่อนในปีภาษี 2566 ที่ใช้ได้กับสินค้า 3 กล่ม อาทิ
1.สินค้า หรือบริการ ที่ผู้ประกอบการได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะต้องเป็นสินค้าหรือบริการภายในประเทศเท่านั้น เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าสินค้ากลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ค่าซ่อมรถ ค่ายารักษาโรคและอาหารเสริม
กลุ่มที่ 2.สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) จากผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว 5 ประเภท คือ อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ และเครื่องประดับตกแต่ง ตลอดจนสมุนไพรที่ไม่ใช่ยาและอาหาร
และกลุ่มที่ 3.หนังสือ หรือ e-Book แต่ไม่รวมถึงนิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
https://www.prachachat.net/finance/news-1446280