สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ถามมาปีกว่า ถามเรื่องเดิมเลย คนอื่นจะให้คำตอบถึงความเป็นจริงของโลกยังไงให้เหตุผลอะไรก็ตามก็ไม่มีอะไรทะลุทะลวงเข้าไปยังโลกที่คุณอยู่อาศัยอยู่ได้สินะ ( โลกที่คุณอยู่ในโลกใบนั้นคนเดียว ) หมกมุ่นวุ่นวายวึ่นวือ เป็นอีกวิธีเรียกร้องความสนใจ เพราะในสมองคิดอะไรหาอะไรทำอย่างอื่นได้ หยุดไปได้แป๊บนึง ถ้าไม่มีใครสนใจ ถ้าใช้เรื่องอื่นแล้วไม่เวริ์ค ก็จะกลับมาทำเรื่องที่พอจะได้รับความสนใจ ต่อให้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ถูกคนอื่นด่าคนอื่นแสดงความรังเกียจก็ยังดี
คือขอให้ได้มีการปฏิสัมพันธ์หรือได้รับอะไรจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นในทางใดเพื่อที่จะรู้สึกว่ามีคนสนใจขึ้นมาอ่ะเนอะ
Self checking นะ คิดว่า การทำแบบนี้คิดว่าได้รับความสนใจจริงและคิดว่าหายเหงาจริงหรือเปล่า?
ปีกว่านี่ เป็นได้แค่นี้จริงหรอ?
เดี๋ยวลองคนอื่นไม่สนใจก็จะตั้งกระทู้ที่อื่นวนไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมาอยู่ดีถ้ายังไม่เป็นอะไรไปนี่ ใช่มั้ย? คิดว่าคงจะได้เห็นกันอีกนานมาก ถ้าหากยังไม่ยอมบอกผู้ปกครองและแก้ไขในสิ่งที่มันเกิดขึ้นว่าจะทำยังไงที่จะเติมเต็มรูโหว่ซึ่งมันขยายใหญ่ขึ้นทุกวันนั่น
จะบอกว่าเป็นอาการโอซีดีก็ไม่ใช่ เพราะอาการโอซีดีนี่ ไม่ใช่ว่าต้องการความสนใจ หรือเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเสมอไปแต่จะหมกมุ่นกับตัวเองมากกว่า
ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่โรคด้วยซ้ำนะ แต่มันเป็นอาการของการขาดความอบอุ่น จึงเกิดการเรียกร้องความสนใจเพราะอยากให้คนอื่นสนใจเนื่องจากอยู่คนเดียวเยอะเกินไปจนรู้สึกว่ารอบข้างไม่มีใครให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญ
มันมักจะมาร่วมกับอาการปีเตอร์แพนซินโดรม ไม่อยากอยู่ในโลกความเป็นจริง ไม่ยอมรับความจริง ไม่อยากมีภาระหรือรับผิดชอบอะไร ไม่เรียนรู้ที่จะเติบโตและเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมข้างนอกกับคนอื่นจนไม่อยากมีสังคม
ก็อยากจะเป็นเด็กแบบนี้ไปเรื่อยเรื่อยและขังตัวเองไว้ในวัยที่ตัวเองต้องการว่าช่วงชีวิตไหนที่มีความสุขที่สุดก็จะวนเวียนเป็นอยู่แบบนั้นไม่ยอมโตขึ้น
ต้องคุยกับแพทย์และเป็นจิตแพทย์เท่านั้นนะเพราะนี่มันไม่ใช่ความเจ็บป่วยทางร่างกาย
โลกข้างนอกมันยังมีอะไรอีกหลากหลายที่ทำให้มีความสุขได้ เช่นการพบปะกับผู้คนอื่นการเรียนรู้ที่จะมีเพื่อนเรียนรู้ที่จะเติบโตและรับผิดชอบชีวิตมากกว่าการนั่งอยู่หลังแป้นพิมพ์เรียกร้องความสนใจต่อไปแบบนี้นะ
นี่ไม่รู้จักกันด้วยและพูดไม่ได้ว่าหวังดีด้วย เพราะความไม่รู้จักกันนี่แหละ แต่สิ่งหนึ่งที่มีให้คือความปรารถนาดี นี่คือเมตตา คือ อยากไห้มีความสุขสักทีที่ไม่ใช่มีความสุขจอมปลอมจากการเรียกร้องความสนใจให้คนอื่นมาด่าไปวันวันน่ะ รู้ไว้นะ
“อเมริกาเค้าจะให้วีซ่าฟรีหรือเปล่าคุณจะไม่มีวันรู้สึกพอใจหรือมีความสุขขึ้น มันไม่ใช่บัตรผ่านในการเข้าไปในลาลาแลนด์ของคุณหรือสนองความคิดที่ว่าอเมริกาเป็นมหาอำนาจเป็นที่ที่คุณอยากไปอยู่หรือเป็นประเทศที่คุณเข้าไปได้แค่ในจินตนาการ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าได้ชนะอะไรซักอย่างที่คุณรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ในชีวิตคุณ”
ออกจากอเมริกาแล้วหยุดคิดว่าอายุเก้าขวบและบินได้มีเพื่อนสนิทเป็นตัวแฟรี่แล้วลองออกมาใช้ชีวิตจริงจริงนอกลาลาแลนด์สักทีนะ
ถามมาปีกว่า ถามเรื่องเดิมเลย คนอื่นจะให้คำตอบถึงความเป็นจริงของโลกยังไงให้เหตุผลอะไรก็ตามก็ไม่มีอะไรทะลุทะลวงเข้าไปยังโลกที่คุณอยู่อาศัยอยู่ได้สินะ ( โลกที่คุณอยู่ในโลกใบนั้นคนเดียว ) หมกมุ่นวุ่นวายวึ่นวือ เป็นอีกวิธีเรียกร้องความสนใจ เพราะในสมองคิดอะไรหาอะไรทำอย่างอื่นได้ หยุดไปได้แป๊บนึง ถ้าไม่มีใครสนใจ ถ้าใช้เรื่องอื่นแล้วไม่เวริ์ค ก็จะกลับมาทำเรื่องที่พอจะได้รับความสนใจ ต่อให้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ถูกคนอื่นด่าคนอื่นแสดงความรังเกียจก็ยังดี
คือขอให้ได้มีการปฏิสัมพันธ์หรือได้รับอะไรจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นในทางใดเพื่อที่จะรู้สึกว่ามีคนสนใจขึ้นมาอ่ะเนอะ
Self checking นะ คิดว่า การทำแบบนี้คิดว่าได้รับความสนใจจริงและคิดว่าหายเหงาจริงหรือเปล่า?
ปีกว่านี่ เป็นได้แค่นี้จริงหรอ?
เดี๋ยวลองคนอื่นไม่สนใจก็จะตั้งกระทู้ที่อื่นวนไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมาอยู่ดีถ้ายังไม่เป็นอะไรไปนี่ ใช่มั้ย? คิดว่าคงจะได้เห็นกันอีกนานมาก ถ้าหากยังไม่ยอมบอกผู้ปกครองและแก้ไขในสิ่งที่มันเกิดขึ้นว่าจะทำยังไงที่จะเติมเต็มรูโหว่ซึ่งมันขยายใหญ่ขึ้นทุกวันนั่น
จะบอกว่าเป็นอาการโอซีดีก็ไม่ใช่ เพราะอาการโอซีดีนี่ ไม่ใช่ว่าต้องการความสนใจ หรือเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเสมอไปแต่จะหมกมุ่นกับตัวเองมากกว่า
ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่โรคด้วยซ้ำนะ แต่มันเป็นอาการของการขาดความอบอุ่น จึงเกิดการเรียกร้องความสนใจเพราะอยากให้คนอื่นสนใจเนื่องจากอยู่คนเดียวเยอะเกินไปจนรู้สึกว่ารอบข้างไม่มีใครให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญ
มันมักจะมาร่วมกับอาการปีเตอร์แพนซินโดรม ไม่อยากอยู่ในโลกความเป็นจริง ไม่ยอมรับความจริง ไม่อยากมีภาระหรือรับผิดชอบอะไร ไม่เรียนรู้ที่จะเติบโตและเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมข้างนอกกับคนอื่นจนไม่อยากมีสังคม
ก็อยากจะเป็นเด็กแบบนี้ไปเรื่อยเรื่อยและขังตัวเองไว้ในวัยที่ตัวเองต้องการว่าช่วงชีวิตไหนที่มีความสุขที่สุดก็จะวนเวียนเป็นอยู่แบบนั้นไม่ยอมโตขึ้น
ต้องคุยกับแพทย์และเป็นจิตแพทย์เท่านั้นนะเพราะนี่มันไม่ใช่ความเจ็บป่วยทางร่างกาย
โลกข้างนอกมันยังมีอะไรอีกหลากหลายที่ทำให้มีความสุขได้ เช่นการพบปะกับผู้คนอื่นการเรียนรู้ที่จะมีเพื่อนเรียนรู้ที่จะเติบโตและรับผิดชอบชีวิตมากกว่าการนั่งอยู่หลังแป้นพิมพ์เรียกร้องความสนใจต่อไปแบบนี้นะ
นี่ไม่รู้จักกันด้วยและพูดไม่ได้ว่าหวังดีด้วย เพราะความไม่รู้จักกันนี่แหละ แต่สิ่งหนึ่งที่มีให้คือความปรารถนาดี นี่คือเมตตา คือ อยากไห้มีความสุขสักทีที่ไม่ใช่มีความสุขจอมปลอมจากการเรียกร้องความสนใจให้คนอื่นมาด่าไปวันวันน่ะ รู้ไว้นะ
“อเมริกาเค้าจะให้วีซ่าฟรีหรือเปล่าคุณจะไม่มีวันรู้สึกพอใจหรือมีความสุขขึ้น มันไม่ใช่บัตรผ่านในการเข้าไปในลาลาแลนด์ของคุณหรือสนองความคิดที่ว่าอเมริกาเป็นมหาอำนาจเป็นที่ที่คุณอยากไปอยู่หรือเป็นประเทศที่คุณเข้าไปได้แค่ในจินตนาการ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าได้ชนะอะไรซักอย่างที่คุณรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ในชีวิตคุณ”
ออกจากอเมริกาแล้วหยุดคิดว่าอายุเก้าขวบและบินได้มีเพื่อนสนิทเป็นตัวแฟรี่แล้วลองออกมาใช้ชีวิตจริงจริงนอกลาลาแลนด์สักทีนะ
แสดงความคิดเห็น
อเมริกาควรจะให้วีซ่าคนไทยง่ายๆ
ปล.ผมเคยไปแค่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้ให้ฟรีวีซ่ากับคนไทยอยู่แล้ว ผมไม่เคยขอวีซ่าจากประเทศไหนเลย