"ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง เป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่"

ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครที่ไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง 
 ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง หรือ self esteem เป็นความรู้สึกจากภายในตัวของเราเอง โดยเริ่มพัฒนามาตั้งแต่วัยเด็ก เริ่มจากการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมที่เอื้อมให้เราเห็นจุดดี จุดเด่นของตัวเราเอง ผ่านการชม ผ่านการได้ทำอะไรด้วยตัวเอง จนรู้สึกว่าเราทำได้ และได้รับการยืนยันจากคนอื่นว่าเราทำได้จริงๆ มีคนเห็นความสำคัญ หรือคุณค่าที่เราได้ทำ หากเด็กได้ผ่านช่วงเวลาที่มีคนชมแบบจริงใจ ไม่เว่อร์จนเกินไป และเด็กก็เห็นพ้องต้องกันว่า ฉันทำได้จริงๆ ก็จะเป็นตัวหล่อหลอมความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง 
 
ในทางกลับกัน หากเด็กคนนั้นเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่คำติ มีแต่การจับผิด อันนี้ก็อย่า อันนั้นก็ห้าม ทำดีไม่ได้ดี เด็กก็จะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะถึงแม้ตัวเองจะได้ทำอะไรดีๆ ไปแล้ว แต่สิ่งแวดล้อมหรือกระจกที่สะท้อนมายังบอกว่า "มันยังไม่ดี" 
หลายครอบครัวเข้าใจผิดว่า การชมจะทำให้เด็กเหลิง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนคิดแบบนี้เป็นคนแรก ทำไมถึงได้แพร่กระจายความคิดนี้มาได้อย่างยาวนานจริงๆ แต่ไม่ว่าจะชมหรือจะติ สิ่งที่เป็นพื้นฐานเลยก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ หากความสัมพันธ์ดี ไม่ว่าจะชมหรือจะติ เด็กจะสัมผัสได้ถึงเจตนาที่แท้จริงของเรา แต่หากไม่สนิทกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การชมนั้นก็อาจจะกลายเป็นการประชดไปได้ หรือการติ เพียงหนึ่งอาจจะทวีความเป็นร้อยเป็นพันไปเลยก็ได้

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นคุณค่าในตัวเอง เราจะลดการเปรียบเทียบ เข้าใจศักยภาพของตนเองอย่างตรงไปตรงมา เราจะมองตัวเองได้ตรงตามความเป็นจริง ไม่ได้พยายามบิดเบี้ยวตัวเองไปในทางดีหรือไม่ดีจนเกินไป ดังนั้นเราจะเห็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง โดยจุดแข็งเราก็จะยอมรับและชื่นชมตัวเองได้ ในขณะเดียวกัน เราก็จะเห็นจุดอ่อน จุดด้อยของเรา และจะเห็นช่องทางของการพัฒนา เป็นความรู้สึกที่อยากทำอะไรเพื่อตัวเองไปอยู่ในอีกจุดๆหนึ่งที่ดีกว่า หรือบางคนอาจจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Passion 

ลองจินตนาการดูนะคะว่าหากเรามี passion หรือแรงอยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่เราเห็นคนไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง อยากทำอะไรก็จะมีแรงต้านอีกฝั่งมาว่า เราทำไม่ได้หรอก ทำได้ไม่ดีหรอก แรงที่อยากทำก็จะลดลงเรื่อยๆ จนไม่ทำในที่สุด ในขณะที่หากเรามองตัวเองตามความเป็นจริง เห็นคุณค่าในตัวเอง เราก็จะยอมรับได้ว่า เราก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน สิ่งที่เรากำลังจะทำก็เพราะเราอยากพัฒนา อยากศึกษา อยากค้นคว้า เพื่อตัวเราเอง ไม่ได้ทำเพื่ออยากได้รับคำชมจากใคร หรือไม่ได้อยากทำให้ใครเห็นว่าเราดีอย่างไร
เริ่มเห็นพลังที่มาจากความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองกันบ้างรึยังคะ หากยังไม่เห็น ก็ลองมองตัวเองแบบตามความเป็นจริง ไม่ใช่ความเชื่อแบบเดิมๆที่มีใครต่อใครบอกเราว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ลองมองตัวเองแบบเมตตาตัวเอง อย่างเป็นกลางที่สุดว่า เรามีอะไรดี  เรามีอะไรที่เราต้องแก้ไข การที่มีสิ่งที่ต้องแก้ไขก็ไม่ได้หมายความว่าเราดีหรือไม่ดี แต่เราคนนี้กำลังพร้อมจะพัฒนา 
เป็นกำลังใจให้ทุกคนหาขุมพลังในตัวเองให้เจอนะคะ

บทความโดย Psychiartist
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่