ผมกับแฟนคบกันได้เกือบ 2 ปีแล้ว
แรกๆทุกอย่างก็ไปกันได้ดี แต่ตอนนี้มีปัญหากัน ทะเลาะกันบ่อยมาก
ผมขอย้อนเรื่องราวกลับไปเมื่อ 12 ปี ก่อน
ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนึง เขาทำให้ผมคิดว่ารักครั้งนี้จะเป็นรักสุดท้ายของผม เขาสอนให้ผมรู้จักการโอบกอด แสดงความรักต่อกัน ดูแล ใส่ใจ ผมทุกอย่าง รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มีเขาอยู่ด้วย อยู่ด้วยแล้วสามารถเป็นตัวเองโดยไม่อึดอัด สอนให้ผมใช้เหตุผลมากกว่าอารมย์ เวลามีปัญหาให้พูดตรงๆ
จากที่ผมเป็นคนเย็นชา ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ใช้ชีวิตเครียดมาตลอด ได้เปลี่ยนโลกไปอีกแบบเลย เขาทำให้ผมรักและวางแผนว่าจะแต่งงานด้วย(เป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตเลยที่ผมคิดจะสร้างอนาคตด้วย)
แต่แล้วทุกอย่างก็พังทะลาย เพราะเขากลับไปคบกับแฟนเก่า ผมแทบใช้ชีวิตต่อไม่ได้ ไม่มีสมาธิทำงาน ในหัวคิดแต่เรื่องเขา แต่ละวันต้องเมาเพื่อให้หลับไป แต่หลังจากที่เลิกกันไป เขาก็พยายามติดต่อผมตลอด ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในเมื่อเลือกกลับไปหาแฟนเก่าทำไมไม่ตัดผมไปสักที
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ตัดสินใจมีแฟนใหม่ หวังว่าจะเข้ามาแทนเขาได้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นไม่เคยมีใครมาแทนที่เขาได้เลย ผมกลับมาเป็นคนเย็นชา รักใครอีกไม่ได้ เหมือนคบกับอีกคนเพื่อแก้เหงา ตลอดเวลา 12 ปี ไม่ว่าผมจะมีแฟนใหม่ จะมีคนคุย ผมก็ตัดใจจากเขาไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่เคยตัดผมเช่นกัน ทักมาคุยกับผม นัดเจอกัน แอบมันความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน คอยให้คำปรึกษา ช่วยเหลือกันมาตลอดเขาบอกผมว่าสักวันนึงจะกลับมาหาผม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคำพูดนี้ ที่ทำให้ผมรอเขา
ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง เขาเลิกกับแฟน ตอนนั้นผมเองก็โสดเช่นกัน จึงได้กลับมาคบกัน ทุกอย่างเหมือนมันจะดี ผมน่าจะสมหวัง มีความสุข แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด
เรื่องแรก เขามาบอกผมว่าเขายังต้องคุยกับแฟนเก่าอยู่นะ เพราะเขาเลี้ยงแมว หมา ไว้ด้วยกัน 4 ตัว เขายังทำใจทำใจเรื่องนี้ไม่ได้(ข้อนี้ผมเองเข้าใจได้ เพราะผมก็เลี้ยงหมาเหมือนลูก ) ย่อมมีความผูกพันธ์กัน เวลาที่เขาคุยเรื่องลูกก็มาบอกว่าคุยอะไร เหมือนไม่มีอะไรปิดบัง
เรื่องที่ 2 คือเขาซื้อบ้านร่วมกัน ชื่ออยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน ไม่มีการย้ายออก บอกผมว่าขอเวลาเคลียร์เรื่องนี้ก่อน ผมก็ยอม
เรื่องที่ 3 เขาทำธุรกิจร่วมกัน ยังต้องมีการพูดคุย โอนเงินเข้าบัญชีกันและกัน ขอเวลาเคลียร ผมก็ยอมให้
เรื่องที่ 4 จะไม่สามรถเปิดตัวในโซเชียลได้ว่าคบกัน เพราะถ้าแฟนเก่าเขารู้ว่าคบกับผม อาจจะกระทบกับเรื่องธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน กระทบกับเรื่องลูกที่เขาเลี้ยงมาด้วยกัน ซึ่งเขาขอเวลาเคลียรเรื่องนี้ก่อน
ผมกับเขาย้ายมาอยู่ด้วยกัน ผมเริ่มทำธุรกิจร่วมกัน แต่มันไม่ประสบความความสำเร็จ เงินเก็บก็เริ่มหมด ผมตัดสินใจกลับไปทำงานประจำอีกครั้ง และให้เขาอยู่บ้าน ผมทำงานเงินเดือน 70000 บาท ซึ่งมันก็อาจจะไม่ได้มากมาย ถ้าเทียบกับที่ตัวเขาเองเคยทำธุรกิจกับแฟนเก่า เขาเคยหาได้เองหลักหลายแสนต่อเดือน ใช้จ่ายได้ตามใจ มีบ้านหลังใหญ่ มีรถขับ ได้ไปเที่ยวที่อยากไป(เขาเคยมาเล่าให้ผมฟังว่าตอนที่เขามีทุกอย่าง เขากลับไม่มีความสุขเลย แฟนเขาไม่สนใจเขา เขาคิดถึงผม เขาบอกว่าตอนเคยคบกันเขามีความสุขมาก) ตอนนี้พอเขาเลิกกับแฟน บ้าน รถ ก็เป้นของแฟนหมด เขามีทุนติดตัวมาไม่เยอะ ซึ่งเราก็ได้เอาไปลงทุนร่วมกันแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ (จึงต้องพักเรื่องทำธุรกิจไว้ก่อน)
เงินเดือนผมทุกๆเดือนจะโอนให้เขาหมด เขาจะแบ่งไว้ให้ผมใช้เดือนละ 5000 บาท ไว้เป็นค่าน้ำมันรถไปทำงาน กับค่ากาแฟอาหารเช้า ผมไม่มีปัญหากับการให้ผมใช้เงินแค่นั้น เพราะเงินส่วนที่เหลือตั้งใจจะเก็บไว้ลงทุนทำธุรกิจใหม่
ทุกวันเขาจะตื่นมาทำกับข้าว เพื่อให้ผมไปกินที่ทำงาน มื้อเย็นก็จะทำกับข้าวไว้รอ ผมอยากินอะไรพิเศษก็บอกเขาได้เลย เขาดูแลใส่ใจผมทุกอย่าง ซักผ้า รีดผ้า ไว้ให้ ผมกลับบ้านไปก็ได้พักผ่อนเต็มที่
ตื่นเช้ามายิ้มให้กัน กอด หอมกันก่อนไปทำงานทุกวัน ระหว่างวันช่วงไหนผมพอมีเวลาว่างก็จะทักไปหาเขาตลอด กลัวเขาเหงาที่ต้องอยุ่บ้านคนเดียว
เลิกงานผมก็รีบกลับบ้าน ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด บางวันเราก็จะนอนดูหลัง เล่นเกมส์ด้วยกัน วันหยุดมีไปกินข้าวนอกบ้าน พักผ่อนกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ในวันที่ผมเครียดจากงาน มีปัญหาเขาก็จะเป็นที่ปรึกษาคอยอยู่ข้างๆกัน ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ผมกลับมาเป็นคนที่ยิ้ม หัวเราะง่าย มีความสุขอีกครั้ง
ผ่านไปปีกว่าๆ เงินเก็บเราเริ่มมีมากขึ้น ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ ตั้งใจกันว่าครบ 2 ปี เราจะให้เขาเอาเงินไปทำธุรกิจของเขาอีกครั้ง ส่วนผมจะทำงานประจำไปก่อน จนกว่ารายได้จากธุรกิจจะมีมากพอ ผมจึงจะลาออกไปช่วยเขา มันดูเป็นชีวิตที่ลงตัว แต่เขาเองเริ่มเปลี่ยนไป
เขาติดโทรศัพท์ ในแต่ละวันเราเริ่มไม่มีบทสนทนาให้กัน ผมกลับบ้านไปเขาก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่เตรียมข้าวเย็นให้ ไม่เคยถามว่าผมเป้นยังไง เป็นฝ่ายผมที่ต้องคอยบอกตลอดว่าให้ออกไปอะไรกินกัน ซึ่งบางวันเขาก็ไม่ไปเพราะเขากินไปก่อนแล้ว ผมก็ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว (เราตกลงกันก่อนคบกันแล้วว่า ถ้ามีแฟน ผมจะไม่ชอบไปไหนคนเดียว ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว เขารับปากไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยผมทำอะไรคนเดียว) บางวันกลับมาผมก็ต้องซักผ้า รีดผ้าเอง เราเริ่มไม่มีกิจกรรมทำร่วมกัน เหมือนต่างคนต่างอยู่ ผมก็ยังไปกอด หอมเขาทุกวัน เขาไม่เคยทำตอบเลยเหมือนผมอยู่กับความว่างเปล่า ผมเหงามากเหมือนอยู่ตัวคนเดียว หลังๆมาคือเขาเป้นหนักมาก เขาจะหงุดหงิดทุกครั้งที่ผมไปอยู่ใกล้ๆ เวลาเดินด้วยกันผมจะจับมือเขาจะพยายามเดินหนี เข้าไปนั่งใกล้ก็ลุกหนี ทุกอย่างมันเห็นได้ชัดมาก ที่สำคัญเรื่องที่เขาบอกว่าจะเคลียรให้ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งเรื่องบ้านที่ซื้อกับแฟนเก่า ธุรกิจที่ยังทำด้วยกันยังมีการช่วยเหลือกันอยู่ตลอด เรื่องลูกเขาก็แอบคุยกันไม่มีมาเล่าให้ฟังเหมือนเดิม
ผมตัดสินใจไปคุยกับเขา เพื่อหวังว่าจะให้ทุกอย่างดีขึ้น คำตอบที่ได้คือ ตอนนี้เขาเครียดมีอะไรหลายอย่างต้องคิด อย่าเอาอะไรไร้สาระไปใส่หัวเขาเลย ถ้าวันนึงเขากลับมามีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างเหมือนเดิม เขาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง
แต่ในมุมมองของผม การแสดงความรัก ความใส่ใจ บางครั้งก็ใช้เงินซื้อไม่ได้นะ ปัจจุบันชีวิตที่เป็นอยู่ก้ไม่ได้ลำบาก แค่มีไม่เท่าเดิม ซึ่งเขาบอกเองว่าเขารอได้ เขาสร้างทุกอย่างกลับมาได้ แค่รอเวลาที่เหมาะสม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันสวนทางกันเหลือเกิน
ผมควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี รอเวลาให้เขากลับมามีทุกอย่าง หรือควรจบทุกอย่างแล้วถอยออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะผมเรียกกร้องมากเกินไปหรือเขาเองที่ไม่เหมือนเดิม
ผมควรไปต่อหรือพอแค่นี้
แรกๆทุกอย่างก็ไปกันได้ดี แต่ตอนนี้มีปัญหากัน ทะเลาะกันบ่อยมาก
ผมขอย้อนเรื่องราวกลับไปเมื่อ 12 ปี ก่อน
ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนึง เขาทำให้ผมคิดว่ารักครั้งนี้จะเป็นรักสุดท้ายของผม เขาสอนให้ผมรู้จักการโอบกอด แสดงความรักต่อกัน ดูแล ใส่ใจ ผมทุกอย่าง รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มีเขาอยู่ด้วย อยู่ด้วยแล้วสามารถเป็นตัวเองโดยไม่อึดอัด สอนให้ผมใช้เหตุผลมากกว่าอารมย์ เวลามีปัญหาให้พูดตรงๆ
จากที่ผมเป็นคนเย็นชา ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ใช้ชีวิตเครียดมาตลอด ได้เปลี่ยนโลกไปอีกแบบเลย เขาทำให้ผมรักและวางแผนว่าจะแต่งงานด้วย(เป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตเลยที่ผมคิดจะสร้างอนาคตด้วย)
แต่แล้วทุกอย่างก็พังทะลาย เพราะเขากลับไปคบกับแฟนเก่า ผมแทบใช้ชีวิตต่อไม่ได้ ไม่มีสมาธิทำงาน ในหัวคิดแต่เรื่องเขา แต่ละวันต้องเมาเพื่อให้หลับไป แต่หลังจากที่เลิกกันไป เขาก็พยายามติดต่อผมตลอด ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในเมื่อเลือกกลับไปหาแฟนเก่าทำไมไม่ตัดผมไปสักที
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ตัดสินใจมีแฟนใหม่ หวังว่าจะเข้ามาแทนเขาได้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นไม่เคยมีใครมาแทนที่เขาได้เลย ผมกลับมาเป็นคนเย็นชา รักใครอีกไม่ได้ เหมือนคบกับอีกคนเพื่อแก้เหงา ตลอดเวลา 12 ปี ไม่ว่าผมจะมีแฟนใหม่ จะมีคนคุย ผมก็ตัดใจจากเขาไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่เคยตัดผมเช่นกัน ทักมาคุยกับผม นัดเจอกัน แอบมันความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน คอยให้คำปรึกษา ช่วยเหลือกันมาตลอดเขาบอกผมว่าสักวันนึงจะกลับมาหาผม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคำพูดนี้ ที่ทำให้ผมรอเขา
ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง เขาเลิกกับแฟน ตอนนั้นผมเองก็โสดเช่นกัน จึงได้กลับมาคบกัน ทุกอย่างเหมือนมันจะดี ผมน่าจะสมหวัง มีความสุข แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด
เรื่องแรก เขามาบอกผมว่าเขายังต้องคุยกับแฟนเก่าอยู่นะ เพราะเขาเลี้ยงแมว หมา ไว้ด้วยกัน 4 ตัว เขายังทำใจทำใจเรื่องนี้ไม่ได้(ข้อนี้ผมเองเข้าใจได้ เพราะผมก็เลี้ยงหมาเหมือนลูก ) ย่อมมีความผูกพันธ์กัน เวลาที่เขาคุยเรื่องลูกก็มาบอกว่าคุยอะไร เหมือนไม่มีอะไรปิดบัง
เรื่องที่ 2 คือเขาซื้อบ้านร่วมกัน ชื่ออยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน ไม่มีการย้ายออก บอกผมว่าขอเวลาเคลียร์เรื่องนี้ก่อน ผมก็ยอม
เรื่องที่ 3 เขาทำธุรกิจร่วมกัน ยังต้องมีการพูดคุย โอนเงินเข้าบัญชีกันและกัน ขอเวลาเคลียร ผมก็ยอมให้
เรื่องที่ 4 จะไม่สามรถเปิดตัวในโซเชียลได้ว่าคบกัน เพราะถ้าแฟนเก่าเขารู้ว่าคบกับผม อาจจะกระทบกับเรื่องธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน กระทบกับเรื่องลูกที่เขาเลี้ยงมาด้วยกัน ซึ่งเขาขอเวลาเคลียรเรื่องนี้ก่อน
ผมกับเขาย้ายมาอยู่ด้วยกัน ผมเริ่มทำธุรกิจร่วมกัน แต่มันไม่ประสบความความสำเร็จ เงินเก็บก็เริ่มหมด ผมตัดสินใจกลับไปทำงานประจำอีกครั้ง และให้เขาอยู่บ้าน ผมทำงานเงินเดือน 70000 บาท ซึ่งมันก็อาจจะไม่ได้มากมาย ถ้าเทียบกับที่ตัวเขาเองเคยทำธุรกิจกับแฟนเก่า เขาเคยหาได้เองหลักหลายแสนต่อเดือน ใช้จ่ายได้ตามใจ มีบ้านหลังใหญ่ มีรถขับ ได้ไปเที่ยวที่อยากไป(เขาเคยมาเล่าให้ผมฟังว่าตอนที่เขามีทุกอย่าง เขากลับไม่มีความสุขเลย แฟนเขาไม่สนใจเขา เขาคิดถึงผม เขาบอกว่าตอนเคยคบกันเขามีความสุขมาก) ตอนนี้พอเขาเลิกกับแฟน บ้าน รถ ก็เป้นของแฟนหมด เขามีทุนติดตัวมาไม่เยอะ ซึ่งเราก็ได้เอาไปลงทุนร่วมกันแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ (จึงต้องพักเรื่องทำธุรกิจไว้ก่อน)
เงินเดือนผมทุกๆเดือนจะโอนให้เขาหมด เขาจะแบ่งไว้ให้ผมใช้เดือนละ 5000 บาท ไว้เป็นค่าน้ำมันรถไปทำงาน กับค่ากาแฟอาหารเช้า ผมไม่มีปัญหากับการให้ผมใช้เงินแค่นั้น เพราะเงินส่วนที่เหลือตั้งใจจะเก็บไว้ลงทุนทำธุรกิจใหม่
ทุกวันเขาจะตื่นมาทำกับข้าว เพื่อให้ผมไปกินที่ทำงาน มื้อเย็นก็จะทำกับข้าวไว้รอ ผมอยากินอะไรพิเศษก็บอกเขาได้เลย เขาดูแลใส่ใจผมทุกอย่าง ซักผ้า รีดผ้า ไว้ให้ ผมกลับบ้านไปก็ได้พักผ่อนเต็มที่
ตื่นเช้ามายิ้มให้กัน กอด หอมกันก่อนไปทำงานทุกวัน ระหว่างวันช่วงไหนผมพอมีเวลาว่างก็จะทักไปหาเขาตลอด กลัวเขาเหงาที่ต้องอยุ่บ้านคนเดียว
เลิกงานผมก็รีบกลับบ้าน ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด บางวันเราก็จะนอนดูหลัง เล่นเกมส์ด้วยกัน วันหยุดมีไปกินข้าวนอกบ้าน พักผ่อนกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ในวันที่ผมเครียดจากงาน มีปัญหาเขาก็จะเป็นที่ปรึกษาคอยอยู่ข้างๆกัน ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ผมกลับมาเป็นคนที่ยิ้ม หัวเราะง่าย มีความสุขอีกครั้ง
ผ่านไปปีกว่าๆ เงินเก็บเราเริ่มมีมากขึ้น ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ ตั้งใจกันว่าครบ 2 ปี เราจะให้เขาเอาเงินไปทำธุรกิจของเขาอีกครั้ง ส่วนผมจะทำงานประจำไปก่อน จนกว่ารายได้จากธุรกิจจะมีมากพอ ผมจึงจะลาออกไปช่วยเขา มันดูเป็นชีวิตที่ลงตัว แต่เขาเองเริ่มเปลี่ยนไป
เขาติดโทรศัพท์ ในแต่ละวันเราเริ่มไม่มีบทสนทนาให้กัน ผมกลับบ้านไปเขาก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่เตรียมข้าวเย็นให้ ไม่เคยถามว่าผมเป้นยังไง เป็นฝ่ายผมที่ต้องคอยบอกตลอดว่าให้ออกไปอะไรกินกัน ซึ่งบางวันเขาก็ไม่ไปเพราะเขากินไปก่อนแล้ว ผมก็ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว (เราตกลงกันก่อนคบกันแล้วว่า ถ้ามีแฟน ผมจะไม่ชอบไปไหนคนเดียว ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว เขารับปากไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยผมทำอะไรคนเดียว) บางวันกลับมาผมก็ต้องซักผ้า รีดผ้าเอง เราเริ่มไม่มีกิจกรรมทำร่วมกัน เหมือนต่างคนต่างอยู่ ผมก็ยังไปกอด หอมเขาทุกวัน เขาไม่เคยทำตอบเลยเหมือนผมอยู่กับความว่างเปล่า ผมเหงามากเหมือนอยู่ตัวคนเดียว หลังๆมาคือเขาเป้นหนักมาก เขาจะหงุดหงิดทุกครั้งที่ผมไปอยู่ใกล้ๆ เวลาเดินด้วยกันผมจะจับมือเขาจะพยายามเดินหนี เข้าไปนั่งใกล้ก็ลุกหนี ทุกอย่างมันเห็นได้ชัดมาก ที่สำคัญเรื่องที่เขาบอกว่าจะเคลียรให้ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งเรื่องบ้านที่ซื้อกับแฟนเก่า ธุรกิจที่ยังทำด้วยกันยังมีการช่วยเหลือกันอยู่ตลอด เรื่องลูกเขาก็แอบคุยกันไม่มีมาเล่าให้ฟังเหมือนเดิม
ผมตัดสินใจไปคุยกับเขา เพื่อหวังว่าจะให้ทุกอย่างดีขึ้น คำตอบที่ได้คือ ตอนนี้เขาเครียดมีอะไรหลายอย่างต้องคิด อย่าเอาอะไรไร้สาระไปใส่หัวเขาเลย ถ้าวันนึงเขากลับมามีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างเหมือนเดิม เขาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง
แต่ในมุมมองของผม การแสดงความรัก ความใส่ใจ บางครั้งก็ใช้เงินซื้อไม่ได้นะ ปัจจุบันชีวิตที่เป็นอยู่ก้ไม่ได้ลำบาก แค่มีไม่เท่าเดิม ซึ่งเขาบอกเองว่าเขารอได้ เขาสร้างทุกอย่างกลับมาได้ แค่รอเวลาที่เหมาะสม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันสวนทางกันเหลือเกิน
ผมควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี รอเวลาให้เขากลับมามีทุกอย่าง หรือควรจบทุกอย่างแล้วถอยออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะผมเรียกกร้องมากเกินไปหรือเขาเองที่ไม่เหมือนเดิม