คุณเชื่อเรื่องลี้ลับมั้ย

เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ ย้อนไปเมื่อประมาณปีพศ.2550 เราอาศัยอยู่กับป้า อาหญิง อาเขย แล้วก็หลาน 2 คน ชีวิตประจำวันเด็กต่างจังหวัดอย่างเราก็ทำไร่ทำนา เลียงวัว เราเรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนเราเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่6 หลังจากงานปัจฉิมนิเทศ ก็นัดกับเพื่อนๆหลายสิบคนไปเลี้ยงฉลองเรียนจบกันตามประสาเด็กต่างจังหวัดแบบ Exclusive ◕‿◕ ไปที่ไหนหนะหรอ พวกเราไปกินเลี้ยงกันริมแม่น้ำมูล จัดเตรียมของสำหรับกินเลี้ยง ใส่รถหรูประจำหมู่บ้าน (รถไถนา พ่วงสาลี่) 2 คัน เพื่อนบางคนก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ตามกันไป กีต้าร์โปร่งพร้อม อุปกรณ์จับปลาพร้อม เสื่อพร้อม เครื่องครัว เครื่องดื่มพร้อม ก็เตรียมแล้วออกเดินทางกัน ร้องเพลงไปบนรถ แข่งกับเสียงเครื่องรถไถที่ดัง แต๊กๆๆๆๆ ٩(。•́‿•̀。)۶ บอกได้เลยว่าช่วงเวลานั้น มีความสุขมากๆเลย เป็นมิตรภาพที่ไม่มีขายที่ไหน  พอมาถึงที่หมาย ก็จัดแจงหามุมริมแม่น้ำ ปูเสื่อ เตรียมที่ก่อไฟย่างปลา เพื่อนผู้ชายก็พากันไปเตรียมหาปลา บางส่วนก็ไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ส่วนเรากับเพื่อนอีก2-3คน ก็รับบทแม่ครัวประจำกลุ่มเนตรนารีหมู่นกกระแต๊แว๊ด เตรียมเครื่องปรุงวัตถุดิบ ทำอาหารรสเลิศประจำถิ่น นั้นก็คือ แทน แท่น แท๊นนนนน ส้มตำปูปลาร้านัวๆนั้นเองヽ(´▽`)ノ

     เล่ามาซะเยอะเลย จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้อยู่ตรงนี้ เรามีเพื่อนผู้ชายที่สนิทมากอยู่คนนึงชื่อว่า "ไผ่" เราแอบชอบไผ่มานานมากแล้ว แต่ไผ่ คิดกับเราแค่เพื่อน วันนั้นไผ่พาผู้หญิงคนนึงมาด้วย พอเราเห็น ก็งอนเค้า ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเค้าสักหน่อย ยิ่งเห็นเค้าหยอกล้อกัน ความน้อยใจที่มีก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น จนไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนั้น เราก็เลยลงมาเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แล้วก็แยกตัวออกมานั่งแช่น้ำที่ริมตลิ่ง ซึ่งตรงที่เรานั่ง จะเป็นลักษณะโพรงเข้าไปริมฝั่งเหมือนเก้าอี้ นั่งแช่น้ำครึ่งตัว พิงดินริมตลิ่งที่เย็นๆ มองดูเพื่อนๆเล่นน้ำ พอหันไปเห็นไผ่ หยอกล้อกับผู้หญิงที่พามาด้วย น้ำตาก็ไหลเฉยเลย นั่งคิดอะไรเพลินๆ จนเผลอหลับไป z z Z Z 
     
     เราฝันว่า มีใครคนนึงมานั่งข้างๆ ถามว่าเป็นอะไร แล้วก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เรา ชวนเราคุย เราก็คุยกับเค้าไปเรื่อย ในฝันเราก็มองว่าเค้าเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย พยายามมองหน้าเค้าว่าเค้าเป็นใคร แต่มองยังไงก็เบลอ มองไม่ชัด ไม่รู้ว่าใคร แต่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เค้าบอกว่าเราคุยสนุก ถามเราว่าอยู่คุยเป็นเพื่อนเค้าแบบนี้ได้มั้ย เราตอบไปว่าไม่ได้ เราต้องกลับบ้าน ป้าจะดุ เค้าก็มีท่าทีไม่พอใจ ถามว่าเราจะมาหาเค้าอีกมั้ย เราบอกที่นี้ไม่ใช่ที่ๆเราจะมาประจำ เค้าเลยบอกว่า งั้นเค้าไปหาเราได้มั้ย เราก็ปากไว ตอบไปว่าถ้าไปถูกก็เชิญจ้า แล้วเราก็หัวเราะ ^-^  อยู่ๆเราก็รู้สึกเหมือนตัวมันสั่นๆ ได้ยินเสียงของ "นรี" เพื่อนสาวคนสนิทดังอยู่ไกลๆ แล้วเราก็รู้สึกตัวตื่น นรีนั่งเขย่าตัวเรา สีหน้างุนงง ตอนที่เราตื่นยังหัวเราะค้างอยู่เลย นรีถามว่าเราเป็นอะไร เราก็ งง ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย นรีบอกว่า ได้ยินเสียงเราหัวเราะ เลยเดินมาดู เห็นเรานั่งหลับตาพูดอยู่คนเดียว แล้วก็หัวเราะ นรีพยายามปลุกเรา เราเลยเล่าเรื่องความฝันของเราให้ฟัง นรีบอกว่าแถวนี้เป็นโคก เป็นป่า ทำไมเราไปตอบแบบนั้นว่าให้ไปหาได้ เราบอกนรีมันเป็นแค่ความฝันอย่าคิดมาก แล้วนรีชวนเราไปหาเพื่อนๆ พวกเราเล่นน้ำ กินข้าว ร้องเพลงกัน มิตรภาพที่อยู่ด้วยกันมา 6 ปี ต่างคนก็ต่างจะไปมีทางเดินของตัวเองแล้ว ช่วงเวลามัธยมนี้ เป็นความสนุก ความสุข และ ความทรงจำดีๆจริงๆ
   
      หลังจากกลับจากฉลองเรียนจบกับเพื่อนๆ มาถึงก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว ที่ต่างจังหวัด 1ทุ่มนี้เหมือน ตี 1 ตี 2 เลย ป้าเห็นหน้าเรากลับมานี้หน้าบึ้งตึงเชียว เราเดินไปหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วก็ไปอาบน้ำขึ้นห้องนอน คืนนั้น เราฝันถึงเหตุกาณ์เมื่อบ่ายนี้อีกครั้ง ที่นั่งเดิม ผู้ชายคนเดิม มานั่งเล่นกับเรา คุยกันเหมือนรู้จักกันมานานมาก แล้วก็ชวนเราไปเที่ยว เราบอกไปไม่ได้หรอก (ป้าไม่เคยให้ไปไหนตอนกลางคืน นอกจากไปดูหมอลำกับป้านั้นแหละ) ถ้าจะชวนไป ไปขอป้าให้สิ เค้าก็บอกว่าได้ จะไปรับเราที่บ้านไปรับแล้วต้องไปเที่ยวกับเค้านะ เราก็ตกลง หลังจากนั้น เราเข้านอนเวลาเดิมทุกวัน คือ 6 โมงเย็น แล้วก็ฝันถึงผู้ชายคนเดิมแบบนี้ติดกันหลายๆวัน ฝันว่าเค้ามาหาที่บ้านแต่ไม่เคยเข้ามาในรั้วบ้าน ยืนเรียกอยู่นอกรั้วบ้าน มารับไปเที่ยวหลายที่เลย เราไม่เคยถามชื่อเค้า เรียกเค้าว่าพี่ เรารู้สึกสนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้คิดเลยว่า คนๆนั้นเป็นใคร แล้วทำไมถึงฝันแบบนี้ทุกวัน มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปแล้ว
     
     อยู่มาวันหนึง เราไม่สบายมากเป็นไข้หวัดตัวร้อน เราเข้านอนตามปกติ แล้วก็ได้ยินเสียงเค้ามาเรียกเหมือนทุกวัน แต่ครั้งนี้ เราลุกไม่ไหว ตอบเค้ายังไม่ไหว น้ำเสียงที่เราได้ยิน จากนุ่มนวล อบอุ่น มันเริ่มกลายเป็นเสียงดังคล้ายคนโกรธ เสียงโวยวาย แล้วก็เสียงร้องอย่างเจ็บปวด เสียงนั้นทำให้เราทั้งรู้สึกกลัว และอยากรู้อยากเห็น เราพยายามดันตัวเองขึ้นมาคุกเข่ามองที่หน้าต่าง สิ่งที่เราเห็นคือ พี่คนนั้นพยายามจะเข้ามาในบ้าน แต่มีคนแก่ 2 คน ขวางที่ประตูไม่ให้เค้าเข้ามา เรามองดูคิดว่าป้า แต่ไม่ใช่ เป็นคุณตากับคุณยาย ใส่ชุดย้อนยุก ตะโกนไล่ให้พี่คนนั้นกลับไปในที่ ที่ควรอยู่ ไม่ให้มายุ่งวุ่นวายกับคนในบ้านนี้ จังหวะนั้น พี่คนนั้นมองมาที่หน้าต่างห้องเรา สบตากับเราพอดีตะโกนเรียกเราให้ออกมา สายตาพี่เค้าน่ากลัวมาก มากๆจริงๆ แล้วเราก็ไม่รู้สึกตัวเลย
   
      เราตื่นมาอีกทีสายของอีกวัน เห็นป้านั่งอยู่ข้างๆ มีขันน้ำ มีสายสิญจน์ ผูกแขนเรา ป้าเล่าให้ฟังว่า จะขึ้นมาดูเราแล้วเห็นเรานอนอยู่ที่หน้าต่าง ป้าให้อาเขยอุ้มเราลงมาข้างล่าง ป้าบอกว่า เราเอาแต่พูดว่า ไม่ไป จะอยู่บ้านไม่ไปไหนทั้งนั้น เรียกให้ป้าช่วย เพ้อว่าอย่ามายุ่งกับหนู ป้าเลยเอาน้ำมนต์มาพรมให้ ผูกสายสิญจน์ เรียกขวัญให้ เราก็เลยเล่าทุกอย่างตั้งแต่วันที่เราไปริมน้ำมูลให้ป้าฟัง ป้ายกมือไหว้ไปทางศาลพระภูมิเจ้าที่ ที่ดูแลปกป้องรักษาลูกหลาน ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายหรือพาไปที่ไหน
   
      ตามความเชื่อของคนในหมู่บ้านเรา ป้าพาเราไปหาหมอดูที่นับถือในหมู่บ้าน ให้ช่วยดูดวงชะตา หมอดูบอกว่า พี่ผู้ชายคนนั้น เค้าอยู่ที่นั้น ตรงที่เราไปนั่งร้องไห้ เค้าเห็นเรานั่งร้องไห้แล้วสงสารเรา ตอนแรกก็มาปลอบใจเรา แล้วคุยถูกคอเลยเกิดเป็นความถูกตาต้องใจ เลยตามเรามา สุดท้ายเค้าอยากได้เราไปอยู่เป็นด้วย วันนั้นเค้ากะว่าจะพาเราไปอยู่ด้วยเลย ไม่พากลับมาส่งเหมือนทุกครั้ง แต่ดีที่เราไม่ลุกไป(อาจจะเพราะป่วยลุกไม่ไหว) แล้วเค้าเข้าบ้านไม่ได้เพราะท่านเจ้าที่เจ้าทางปกปักรักษา หมอดูบอกว่าอย่าให้เราไปที่นั้นอีกแล้วก็ทำพิธีเรียกขวัญตามความเชื่อของท้องถิ่น หลังจากนั้นมา เราก็ไม่เข้านอนตอน 6โมงเย็น ไม่ฝันถึงพี่เค้าอีกเลย เรื่องราวมันอาจจะไม่ได้น่ากลัวสำหรับบางคน แต่สำหรับเรา ไม่อยากจะคิดว่า ถ้าวันนั้นไม่ป่วยจนลุกไม่ไหว วันนี้ จะได้มานั่งเขียนเรื่องราวเล่านี้ ให้ทุกคนได้อ่านมั้ย ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่