เจอปัญหาครอบครัวแบบนี้ ถ้าเป็นคุณจะทำยังไง

ครอบครัวหนึ่งมีลูก 2 คน เป็นลูกชายทั้งคู่อายุไล่เลี่ยกัน ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัว

พี่ชายมีครอบครัวแต่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ในบ้านของพ่อกับแม่ รายได้พี่ชายกับสะใภ้รวมกัน 2 คนตกเดือนละประมาณ 30,000 บาท มีหลาน 1 คน

น้องชายมีครอบครัวแต่แยกบ้านไป น้องชายทำธุรกิจส่วนตัวรายได้ปีละประมาณ 10 ล้าน มีหลาน 1 คน

โดยปกติแล้วใน 1 สัปดาห์จะมีการออกไปกินอาหารร่วมกัน 1 มื้อ ซึ่งสลับกันเลี้ยงระหว่างพี่ชายกับน้องชาย โดยในมื้อที่พี่ชายเลี้ยงก็จะเป็นอาหารในห้างร้านครอบครัวทั่วๆไป ตกครั้งหนึ่ง 3-4,000 บาท แต่ในมื้อที่น้องชายเลี้ยงจะเป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างหรูกว่าก็ประมาณครั้งละ 5-6,000 บาท ซึ่งในการเลือกร้านอาหารแต่ละครั้งคนที่เลี้ยงจะเป็นคนเลือก ซึ่งพ่อแม่ไม่ได้มีร้านที่อยากไปกินเป็นพิเศษ

ประเด็นแรก
น้องชายชอบบ่นว่าพี่ชายเลี้ยงของถูก เขาไม่เคยได้กินดีๆในมื้อที่พี่เลี้ยง ส่วนพี่ชายก็ให้เหตุผลว่าเลี้ยงแพงกว่านี้เขาก็จะไม่เหลือเงินเก็บแล้ว พ่อแม่มองว่าเอาที่ลูก 2 คนไม่ลำบากไม่จำเป็นต้องเลี้ยงทุกอาทิตย์ก็ได้

ในการแก้ไขครั้งแรกพี่ชายตัดสินใจเลี้ยงมื้อแพงๆ เดือนละ 1 ครั้งแทนเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งทำให้น้องชายต้องพาพ่อแม่ไปเลี้ยง 3 ครั้งต่อเดือน น้องชายมองว่าตัวเองเสียเปรียบ พ่อแม่จึงตัดสินใจว่างั้นลดการไปกินข้าวด้วยกันลงเหลือเดือนละแค่ 2 ครั้งพี่น้องก็เลี้ยงสลับกันไป ปัญหาจึงคลี่คลาย

ประเด็นที่ 2
ในครั้งที่น้องชายพาไปเลี้ยง ถ้าเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์จะนั่งแยกโต๊ะ โดยโต๊ะของตัวเองและครอบครัวจะเป็นราคาที่แพงสุด และโต๊ะของพ่อแม่และพี่ชายจะเป็นเซตที่ราคาถูกที่สุด ในส่วนของพี่ชายไม่ได้คิดอะไร แต่พ่อแม่รู้สึก เพราะบางอย่างพ่อแม่ก็อยากกิน อยากพูดแต่ไม่สามารถพูดได้ พี่ชายรู้เพราะพ่อแม่เดินมาสะกิดถามว่าทำไม โต๊ะของพ่อแม่ไม่มีเมนูแบบโต๊ะน้องชาย จึงได้รู้ว่าสั่งคนละราคาไม่เหมือนกัน

ประเด็นที่ 3
น้องชายซื้อบ้านให้ครอบครัวของสะใภ้เป็นบ้านเดี่ยว 1 หลังทาวน์เฮ้าส์ 1 หลัง และรถยนต์ป้ายแดง 1 คัน ราคารวมรวมกันทั้งหมดประมาณ 4-5 ล้าน ซึ่งพ่อแม่ก็รู้สึกในประเด็นนี้ เพราะน้องชายไม่เคยซื้อสินค้าราคาแพงอะไรให้พ่อแม่เลย

ประเด็นที่ 4
สะใภ้ฝ่ายน้องชายพยายามทำดีกับพ่อแม่สามี โดยซื้อสินค้าแบรนด์เนมให้ทั้งคู่ แต่เป็นเงินของน้องชายเพราะสะใภ้ไม่ได้ทำงาน แต่พ่อแม่ไม่ได้เป็นคนติดแบรนด์และเกษียณแล้ว จึงทำให้ไม่ค่อยได้ใช้สินค้าแบรนด์เนมที่สะใภ้ซื้อให้ น้องชายมาต่อว่าพ่อแม่ว่ารังเกียจสะใภ้

ประเด็นที่ 5
เงินเกษียณของพ่อแม่ก้อนสุดท้าย พ่อแม่วางใจฝากให้น้องชายเป็นคนลงทุน แต่ปรากฏว่าการลงทุนไม่เป็นไปตามที่หวัง จึงทำให้เงินก้อนสุดท้ายของพ่อแม่เหลือไม่ถึง 1 ใน 3 และน้องชายไม่ยอมคืนเงินก้อนนั้นให้กับพ่อแม่ โดยให้เหตุผลว่ากลัวเงินก้อนสุดท้ายจะหมด และกลัวว่าพ่อกับแม่จะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ค่าใช้จ่ายในบ้านทุกวันนี้จึงเป็นเงินที่มาจากพี่ชายและสะใภ้

ประเด็นที่ 6
น้องชายจ่ายเงินรายเดือน เป็นค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวของสะใภ้เดือนละ 50,000 บาท ไม่รวมกับเงินเดือนของสะใภ้ที่ได้อีกต่างหาก แต่ไม่เคยให้พ่อแม่ของตัวเอง หากในเดือนไหนพ่อแม่มีเงินไม่พอใช้จ่ายในบ้านก็จำเป็นจะต้องโทรหาน้องชาย ซึ่งน้องชายก็จะโอนมาให้ทีละ 5,000-6,000 บาท โดยเป็นการตัดเงินเกษียณของพ่อแม่ที่อยู่กับน้องชาย

ประเด็นที่ 7
ก่อนที่ทั้งพี่ชายและน้องชายจะแต่งงาน ได้มีการตกลงและคุยกันไว้เรียบร้อยแล้วว่าแม่จะไปอยู่กับน้องชาย และพ่อจะอยู่กับพี่ชาย เพื่อแบ่งการเลี้ยงดู แต่พอประเด็นนี้ถูกเอ่ยขึ้นทีไรน้องชายจะเบี่ยงประเด็นไม่คุยทุกที

ประเด็นที่ 8
น้องชายอยากให้พ่อแม่ขายบ้านที่อยู่ปัจจุบันกับพี่ชาย โดยเงินที่ได้จะหารครึ่งเป็นมรดกของพี่ชายกับน้องชายคนละ 50 50 แล้วให้พี่ชายไปซื้อบ้านใหม่ด้วยเงินของตัวเองและเอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย โดยที่น้องชายจะได้มรดกจำนวนครึ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีปัญหาในตอนที่พ่อแม่เสียชีวิตลง

ประเด็นที่ 9
พี่ชายพยายามดิ้นรนไปอยู่ต่างประเทศ โดยอาศัยทั้งวีซ่าลอตโต้ และกำลังพยายามหางานที่เป็นที่ต้องการในต่างประเทศ แต่เนื่องจากเงื่อนไขของน้องชายเป็นแบบนี้ ทำให้พี่ชายก็ไม่สามารถตัดสินใจปล่อยพ่อแม่ให้อยู่กันเองได้ หากมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้เคยถูกยกขึ้นมาพูดคุยกันในครอบครัว น้องชายให้ทางออกว่าควรให้พ่อแม่ไปอยู่ในบ้านพักคนชรา โดยที่น้องชายกับพี่ชายจะออกคนละครึ่ง แต่พ่อแม่ไม่ชอบแบบนั้นและยืนยันว่าจะไม่อยู่บ้านพักคนชราเด็ดขาด จึงทำให้ปัญหานี้ไม่ได้ข้อสรุป

ทุกคนคิดว่าแต่ละประเด็นควรจะแก้ไขยังไงดี เพื่อไม่ให้พี่ชายและน้องชายบาดหมางกัน และรักษาน้ำใจของพ่อกับแม่
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน  กินอยู่ อาศัยอยู่กับลูกคนโต แต่เอาเงินไปฝากกับลูกคนเล็ก  พ่อแม่ไม่เด็ดขาด

พี่ชายควรพูดตรงๆค่ะ  คาราคาซัง อึดอัดใจค่ะ
จะให้ฝั่งน้องชายคิดเอง  เขาไม่คิดหรอกค่ะ

ฝ่ายคุณกับ สามี เสียเปรียบ ควรพูดตรงๆไปเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่