โยกเงินในบัญชีไม่ให้เกิน 500,000 บาทเพื่อรับสิทธิ์เงินดิจิตอล โยกทันไหม ที่นี่มีคำตอบ

ทั้งลูกเพจ ทั้งเพื่อน ทั้งคนที่สงสัยเรื่อง เงินดิจิตอล ในส่วนของเงินฝาก 500,000 บาท จะถูกตัดสิทธิ์ไหม ?  

เราถอนเงินออก ไปทำอย่างอื่นหรือถอนออกมาเก็บไว้ที่บ้าน ได้หรือไม่ ? 

เอาเงิน บางส่วนดึงออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศเช่นเงินเยนญี่ปุ่น เขานับไหม ? ฯลฯ 

ส่วนใหญ่คำถาม ที่เราพบและได้คุยด้วย ก็จะถามกัน ประมาณนี้ ....... แบบนี้เข้าข่ายไหม ?

บางคำถามก็น่าสนใจ
ลูกเพจก็ถามว่ามีสลากออมสินอยู่ล้านนึงนับหรือไม่ ? อันนี้เราก็ตอบไม่ได้ 

ทำประกันแบบสะสมทรัพย์ไว้ เขาจะนับมูลค่า ของ เงิน ประกันด้วยหรือเปล่า ? อันนี้เราก็ตอบไม่ได้ 

และอีกหลากหลายคำถามเฉพาะในส่วนของมีเงินฝาก 500,000 บาท จะ โดนตัดสิทธิ์ไหม ?

"เลยตัดสินใจไปค้นข้อมูลให้
เคสนี้จะได้จบ"

สรุป 
1. เงินสด เงินที่เก็บในบ้านในไห ในตุ่มใ นเซฟ ในบ้านตัวเอง ไม่นับเพราะเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ 
ยกเว้นเจ้าหน้าที่ ข้าราชการระดับสูง หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะต้องส่งบัญชีทรัพย์สิน คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่แล้วไม่ต้องนับ

2. ที่นับแน่ๆ คือ เงินฝากธนาคาร ทั้งบัญชีปกติและพร้อมเพย์ ซึ่งน่าจะใช้ชื่อเดียวถ้าตรวจทุกบัญชีก็จะนำมารวมกันถ้าเกิน 500,000 บาทก็ถือว่ามีเกิน 500,000 บาทค่ะ

3. ถ้าในรูปแบบเงินออมระยะยาว เงินประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือ ltf rmf กองทุน เงินปันผล เงินประกันแบบสะสมทรัพย์  ฯลฯ อันนี้ข้อมูลไม่ชัดเจนค่ะ 
แต่ บทสรุปอยู่ที่ข้อ 4

4. ถ้าถามว่าย้ายเงินตอนนี้ทันไหม เราได้คำตอบ ที่ยืนยันมาแล้วก็คือ 

"การสำรวจบัญชีเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว"

ดังนั้นใครที่กังวลเรื่องนี้ไม่ต้องสนใจเรื่องการโยกเงินอีกต่อไป เพราะมันถูกบันทึกไว้เสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว
คุณจึงไม่จำเป็นจะต้องโยกเงินในบัญชีไปอยู่ที่ไหน เพราะมันไม่ทันแล้วค่ะ
.
.
.
อนึ่ง นี่คือข้อมูลปัจจุบัน อนาคตนโยบายอาจมีการเปลี่ยนแปลง ต้องอัพเดทความคืบหน้าต่อไปเพราะโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เรื่อย ๆ ซึ่งก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนอีกในอนาคต
.
.
.
จ ญ น ห อ ด ม 
อ้างอิง & เขียนเอง 

https://www.facebook.com/100050350155650/posts/pfbid0R6AEbPE8D8T9eQfWrBFZ8jqJn1BB2pj781pPKhJAWSeaANkMqciNqf1bmSj44MnTl/
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เพี้ยนหัวเราะขอให้โครงการโดนล้มครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ผมมีความรู้สึกว่าโครงการนี้ มีการเอาประชาชน เป็นโล่ห์กำบังมากเลยเกิน
ลักษณะของโครงการไม่มีความชัดเจน มีแต่โยนหินถามทางไปเรื่อยๆ ประชาชนว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น
นักวิชาการว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น แวดวงนักการธนาคารว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น
ฝ่ายการเมืองทั้งฝั่วตัวเอง ฝั้งตรงข้ามตัวเอง ว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น

แต่มีปัญหาก็คือ ไม่มีฝ่ายไหน ที่เห็นตรงกันเลย หาบทสรุปไม่เจอ

แคมเปญนี้ ตอนคิดออกมาไม่ได้คิดให้รอบคอบถี่ถ้วน สักแต่ว่าจะเรียกคะแนนเสียง
มาถึงตอนนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก อ้ำอึ้งเต็มอยู่ในปาก

จะเดินหน้าโครงการ ก็เห็นจุดจบปลายทางอยู่
จะหยุดโครงการ ก็เท่ากับ การเริ่มนับหนึ่ง ในการที่จะทำให้ ตัวเอง(พรรค) สูญพันธ์ ไม่ได้ผุดได้เกิด

จะปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการ จะปรับขึ้นปรับลง ก็โดนต่อว่า ฝั่งหนึ่งได้ฝั่งหนึ่งเสีย ฝั่งที่เสียก็ไม่ยอม

แคมเปญครั้งแรกบอกได้ทุกคน ใช้งบ 5แสน 6
ล่าสุดตามเงื่อนไขที่ออกมา ได้ไม่หมด มีเกณท์ที่ต้องผ่าน  เหลือใช้งบ 5 แสน
ถามว่าห้าแสนหกหมื่นล้าน กับ ห้าแสนล้านถ้วนๆ ต่างกันมากมั้ย  ก็ประมาณ หกหมื่นล้าน
หกหมื่นล้าน มันไม่ต่างกันมาก สู้ทำไปเลย ไม่ต้องมีเกณท์ ใช้งบ 5แสน6 ไปเลย ยังไงก็ใช้เงินไปแล้ว

ถ้าคิดจะทำจริงๆกระตุ้นจริงๆ คิดแบบคนฉลาด ที่มีแต่ได้กับได้ ประชาชนได้เงิน ตัวเองได้คะแนนเสียง ฝ่ายค้านตาย
ลองวิธีนี้ดู
ให้หมด อายุเกิน 16 ปี ไม่ต้องถามไม่ต้องลงทะเบียน ให้หมดเลย
แต่ขอแบ่ง 2 ปี ปีแรก(เริ่มเม.ยหน้านี้เลย)  ให้ 5000 บาททุกคน
เงื่อนไขในการใช้เหมือนเดิม  แต่ต่างจากเดิมนิดเดียวที่ว่า ต้องเริ่มใช้ภายใน 6 เดือน โครงการมีถึงปลายปี 68(มั้งจำไม่ได้)
คือต้องเริ่มใช้ภายใน 6 เดือน แต่สามารถทยอยใช้ได้ถึงปลายปี 68

เปลี่ยนเป็น จะใช้เมื่อไรก็ได้ แต่ ก้อนแรก 5000 ต้องใช้ให้หมดภายใน ปี 67
แล้ว เม.ย 68 ก็ให้อีก 5000 ต้องใช้ให้หมดภายในปี 68

แบบนี้ก็หายใจโล่งขึ้น งบครึ่งแรกใช้ สองแสนกว่าล้าน  รอบแรกให้ใช้ภายในปี 67
คนเอาไปใช้หมุนไปหมุนมาได้ 2-3 รอบ ก็จะกลายเป็น 7-8แสนล้าน
ก็เก็บภาษีหรืออะไรที่เกี่ยวข้อง ได้คืนมา  อาจจะ 5หมื่น 7 หมื่น แสนล้าน (ไม่รู้หรอก เท่าไรก็เท่านั้น)
ทีนี้งบรอบสอง ก็จะใช้เงินแค่ ประมาณ 2 แสน หรืออาจจะใช้แค่ แสนห้าหมื่น (ในกรณีเก็บค่าต๋งได้มากถึงแสนล้าน)

เบ็ดเสร็จ ทั้งโครงการ 2 ปี ประชาชนได้ 10000 เหมือนเดิม แต่ได้ปีละ 5000 บาท (นี้จะเป็นจุดที่ด้อยที่สุดของโครงการ)
ทั้งโครงการ ไม่ต้องใช้เงิน 5แสน 6หมื่นล้านเลย   ภาษีหรือค่าต๋งจากปีแรกมาช่วยได้เยอะ

แล้วเอาจริงๆ ที่ว่าได้ทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้เอาไปใช้ ด้วยเงื่อนไขที่บังคับ (ใช้ในอำเภอ) ก็อาจจะมี หลายคนไม่ใช้ปล่อยทิ้งไป
เหมือนโครงการคนละครึ่ง มีเงินเหลือทุกรอบ เพราะคนใช้ไม่หมด   เพราะฉนั้นทั้งโครงการอาจจะไม่ต้องใช้เงินถึง 5แสน  6หมื่นล้านเลย

แล้ว รอบ 5000 แรกที่ต้องใช้ให้หมดในปี หากใช้ไม่หมดก็หมดสิทธิได้ 5000 รอบสอง
ก็จะเป็นการบังคับ ให้คนต้องเอาเงินมาใช้ให้หมด นั้นก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบเชิงบังคับ ไม่ใช้ไม่ได้รอบ 2

รัฐบาลก็จะหายใจโล่ง ไป 2 ปี ดีกว่าเดิม พอมีเวลาเถลไถลไปอีก 2 ปี จะไม่มีใครว่าใครด่า เพราะด่ามากไล่มากเกิดรัฐบาลล้ม
ก็จะอดไม่ได้เงิน ก้อนที่ 2 คิดหรือว่า ให้ก้อนเดียวจบ จะได้ความสรรเสิญไปตลอดสมัย 4 ปี ใช้เงินหมดเขาก็เลิกสรรเสิญแล้ว
ใช้เงินหมด  เขาก็จะหาเรื่องปวดหัวมาให้ เพิ่มเติมอีก  สู้แบ่งให้ 2 รอบ 2 ปี ดีกว่า เสียงบ่นเสียงด่าจะได้น้อยลง อย่างน้อยก็ 2ปี

แต่ดูทรงแล้วแบบไหนก็เหนื่อย อย่างที่ว่าทำก็เหนื่อย ไม่ทำก็ตาย ทำช้าก็โดนด่านาน ทำไวก็โดนด่ามาก (ไม่รอบคอบ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่