RECORD OF RAGNAROK : 82 - 83
คู่ที่ 9 "ลีโอไนดัส VS อะพอลโล่" (จบแล้ว)
CHAPTER 82 - Know Theyself
- หลังจากตอนที่แล้ว อะพอลโล่เสียโฉมอันงดงามไปแล้ว
- เป็นครั้งแรกที่ผู้คนเห็นอะพอลโล่ในสภาพแบบนี้
- แจ๊คเดอะริปเปอร์ ที่นั่งดูการแข่งอยู่ออกปากว่า พวกชาวสปาร์ตันนั่นเป็นพวกน่ากลัวอย่างแท้จริง
Geirolul (วาคิลี่) : เยี่ยมมมมมยอดด คิดว่าไงล่ะไอเทพหลงตัวเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผู้บรรยาย : ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดการอธิบายเรื่องนี้ ....เทพเจ้าผู้มีชื่อเสียงเหนือผู้ใดทั้งปวงในเรื่องความงดงาม ตอนนี้กับตาลปัตรแล้ว
ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน นี่มันยังกะผ้าขี้ริ้วสกปรกชัด ๆ ใครอยากจะเชื่อกันล่ะเนี่ย !?
ผู้ชม 1 : ท่านอะพอลโล่
ผู้ชม 2 : ฉันทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
ลิโอไนนัส : ฉันบอกแกแล้ว อย่าต่อต้านสปาร์ตัน
ไปนอนพักสะเถอะไป แกเองก็คงไม่อยากจะโชว์สภาพอันทุเรศทุรังนั้นอีกต่อไปแล้วถูกไหม
อะพอลโล่ : สภาพทุเรศงั้นหรอ แกน่ะคิดผิดไปนะ
ลิโอไนดัส : ว่าไงนะ
อะพอลโล่ : นายน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรอ .... ข้าจุติดวงวิญญาณให้ลุกไหม้เพื่อเอาชนะนาย ตัวข้าที่แกเห็นก่อนหน้านี้ ใช้ทุกอย่างที่มีในการต่อสู้
ไม่มีอะไรที่มันจะงดงามไปกว่านี้อีกแล้ว
ผู้ชม 3 : งดงามหรอ ? เขาแค่พูดบลัฟมั้ง เขาพึ่งจะโดนสอยร่วงมาไม่ใช่หรอ
ผู้ชม 4 : เขาเป็นคนเลือกการต่อสู้เหมือนคนโง่เองแท้ ๆ นี่มันก็คือผลที่ได้รับ
ผู้ชม 5 : เขาไม่รู้ตัวเลยมั้ง หรือยังไม่เข้าใจ ว่าไม่มีที่ยืนให้เขาอีกแล้ว
แอรีส : ไอพวกปากเสียนี่
เฮอร์เมส : ไม่ว่าแกจะพูดอะไร นายก็ยังมีมุมเป็นห่วงอะพอลโล่นะ
แอรีส : เปล่าซะหน่อย ... แค่แบบ ไม่มีทางใช่ไหมล่ะ ทีเขาจะลืมว่าเขากำลังสู้เพื่ออะไร
*ย้อนอดีตอะพอลโล่*
ถูกต้องแล้วล่ะ ไม่มีใครนอกจากอะพอลโล่ ที่ตระหนักถึงเรื่องของเขาได้ดีเท่าตัวเขาเองอีกแล้ว ....
Know Theyself = รู้จักตัวเอง
นี่คือคำที่จารึกไว้ ณ วิหารของอะพอลโล่ "เดลฟี"
ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าเขาหมายถึง ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อะพอลโล่ : เจ้าพวกมนุษย์ที่ต้อยต่ำกว่า เจ้าเข้าใจจุดยืนของตัวเองไหม
[เทพแห่งปรัชญา เทพแห่งบทกวี เทพแห่งการรักษา เทพแห่งการยิงคันศร เทพแห่งคำทำนาย
และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ เขาเป็นเทพที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
เขาจะต้องคอยตักเตือนมนุษย์ที่โง่เขลาอย่างเมตตา ]
แต่สิ่งนี้ ... คือเจตจำนงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของอะพอลโล่แน่หรือ ?
ไม่เลย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องตรงกันข้ามเลยต่างหาก มีเรื่องเล่าที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้
ย้อนกลับไปสมันโบราณกรีก เมื่อพระเจ้าและมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกว่า
"Python"
ไพธอน ผู้ถูกขับไล่จากวิหารวัลฮัลลา มักจะปรากฏตัวเพื่อทำลายมนุษย์ เหล่าทวยเทพที่มาหยุดยั้งมันมักจบด้วยความตาย และไพธอนก็ยังคงก่อความวุ่นวายแบบนี้ตลอดมา และวันนั้นก็มาถึง.....
หนึ่งใน 12 เสาหลักแห่งโอลิมปัสปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าไพธอน คนนั้นคืออะพอลโล่
อะพอลโล่บอกว่า เพื่อตอบรับความคาดหวังของชาวสวรรค์ เขาจะเป็นขั้วตรงข้ามกับไพธอน
จริง ๆ แล้ววัลฮัลลาไม่ได้บอกอะไรหรอก แต่อะพอลโล่มาเอง โดยอ้างว่าพระอาทิตย์ขึ้นโดยไม่ต้องถามถูกไหม เพราะงั้นเขาเลยมาเอง 555
ด้วยหมัด ๆ หมัดเดียวอะพอลโล่โค่นไพธอนลงได้
แต่ไพธอนไม่ได้ยอมแพ้ และบอกว่าเขาจะไม่มีวันแพ้เทพแบบอะพอลโล่
ซึ่งอะพอลโล่ทำได้แค่ขำ และบอกว่าโอเคงั้นเขาจะกลับมาใหม่พรุ่งนี้
และถัดมาวันแล้ววันเล่า ไพธอนพยายามสู้กับอะพอลโล่
อะพอลโล่ : ทำไมยังสู้กับข้าอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่ากันล่ะ
สัตว์ประหลาด : ข้าน่ะถูกดูหมิ่น และถูกกดขี่อยู่เสมอเลย โดนขับไล่ออกจากวัลฮัลล่า และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด
ก็ข้าเกิดมาเป็นสัตว์ประหลาดนี่ ไม่ได้ขอให้เกิดมาหน้าตาแบบนี้สักหน่อย เพราะงั้นนี่คือสิ่งที่แกต่างกับข้า
แกถูกยกยอปอปั้น ถูกรักใคร่ บูชาใต้ความงดงาม และถูกยอมรับจากทุกคน คนอย่างแกได้รับพรมาตั้งแต่เกิดแล้ว
เพราะงั้นข้าเลยปฏิเสธการแพ้แก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อะพอลโล่ : งดงามมาก
สัตว์ประหลาด : อะไรนะ
อะพอลโล่ : ข้าบอกว่าแกน่ะ งดงามมาก
สัตว์ประหลาด : ข้าเนี่ยหรอ แกกำลังเล่นตลกอะไร
อะพอลโล่ : ข้าจะขอพูดกับแกนะ ข้าไม่ใช่คนที่จะทำหัวเราะชอบใจกับเรื่องพวกนี้
สัตว์ประหลาด : มีเหตุผลอะไรที่มาพูดว่าข้างดงามกับสัตว์อย่างข้า
อะพอลโล่ : หน้าแกน่ะไม่เกี่ยวเลย ความงดงามคือสิ่งที่แกมีอยู่ในตัวเอง
เผชิญหน้ากับตัวเอง จุดไฟให้ดวงวิญญาณสว่างไสว ต่อสู้แบบนั้นเรื่อยมามันก็ค่อนข้างสวยงามนะ
สัตว์ประหลาด : แกไม่เข้าใจหรอก
อะพอลโล่ : ข้าเข้าใจ ... เพราะข้าเองก็เหมือนกัน
อะพอลโล่สว่างเจิดจ้าเพราะความฉลาด และพรสวรรค์ อย่างงั้นหรือ
ไม่ใช่ ท่ามกลางหมู่เทพกรีก อะพอลโล่ไม่ได้ถูกจดจำในเหล่าทวยเทพ อะพอลโล่คือเทพที่อยู่แค่ระดับปานกลางเท่านั้น
เทพแห่งปรัชญา เทพแห่งบทกวี เทพแห่งการรักษา เทพแห่งการยิงคันศร เทพแห่งคำทำนาย เทพแห่งการต่อยมวย สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่อะพอลโล่ได้รับมาตั้งแต่เกิด เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยมือสองข้างของเขาเองทั้งนั้น หลังจากนั้นเขาก็มีภาพตัวเองยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเทพอีก 11 องค์อย่างเท่าเทียม
สัตว์ประหลาด : แกกับข้าเหมือนกันหรอ
อะพอลโล่ : ผู้ที่ไม่มีความงดงามคือผู้ที่ไม่พอใจกับความเป็นตัวเอง ไม่เคยแสวงหาอะไรเพิ่มเติมให้ตัวเอง
ผู้ที่งดงามคือคนที่รู้จักว่าตัวเองไม่ดีพอ รู้จักว่าตัวเองนั้นอ่อนแอขนาดไหน ไม่กลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
ผู้ที่รู้จักตัวเองคือผู้ที่อยู่เหนือคนทั้งปวงนะ จงภูมิใจในความงดงามนั้นเถอะ
สัตว์ประหลาด : แต่ข้าฆ่าคนไปเยอะนะ
อะพอลโล่ : ถ้าไปเหยียบหางงู งูมันจะกัดเอานะ ความรุนแรงที่เกิดจากการป้องกันตัวเองเป็นเรื่องธรรมชาติ
รีบหยุดก่อนที่มันจะบานปลายเป็นสงครามเถอะ เพราะงั้นลาล่ะ ไว้จะมาใหม่นะ
ตั้งแต่นั้น ไพธอนก็หยุดทำร้ายมวลมนุษย์ และใช้ชีวิตอยู่ในวิหารเดลฟี ก่อนจะสลักคำจารึกไว้บนศิลา Know Theyself = รู้จักตัวเอง
** กลับมาปัจจุบัน
- จิตวิญญาณของอะพอลโล่ยังคงลุกโชติช่วง
- ลิโอไนดัสบอกว่าอะพอลโล่ยังคงเก็กทำเท่อยู่
- อะพอลโล่บอกว่า เขาไม่สามารถยอมรับความหยาบคายของลิโอไนดัสได้ แต่การต่อสู้นี้ก็งดงามมาก
เหมือนว่าเขาทั้งคู่จะเข้าใจตัวตนของตัวเองดี จบตอนนี้
CHAPTER 83 - Colliding Souls
- การต่อสู้ยังคงดุเดือด
- อะพอลโล่ปลด Threads of Artemis ออก และตั้ท่าจะทำอะไรสักออย่าง บรูฮิลด์รรู้ได้ทันทีว่าออะพอลโล่ตั้งใจจะใช้อะไร
อะพอลโล่ : มาเถอะ .... Artemis
- หลังจากอะพอลโล่ร่ายท่าก็ปรากฏบางสิ่งที่ใหญ่โต งดงาม ออกมา
- Artemis' Moonlight Glow
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผู้คน และเหล่าเทพคือเครื่องจักรอาวุธขนาดใหญ่ แม้กระทั่งแอรีสที่ไม่ชอบอะพอลโล่ ยังยอมรับว่าเป็นอาวุธที่สวยมาก
- ซุสบอกว่าไม่ได้เห็นสิ่งนี้มานานแล้วอะพอลโล่ใช้มันล่าสุดคือ ช่วงสงครามกับพวกยักษ์ (gigantomachy)
กรีกโบราณมีคำเรื่องเล่าว่า ฝาแฝดอะพอลโล่ และอาร์เทอมิส ใช้คันศรสีทองขนาดใหญ่เพื่อฆ่าไททัน
- และ ณ ตอนนี้คันธนูสีทองนั้นมาอยู่ในมืออะพอลโล่แล้ว
อะพอลโล่ : ได้เวลายิงแล้ว
- ไม่มีใครมองทันว่าอะพอลโล่ ปล่อยลูกธนูออกไปตอนไหนรู้ตัวอีกที ลูกธนูมากมายก็ทิ่มแทงทุกสิ่งทุกอย่างในทิศทางที่มันพุ่งไป
- เฮอร์มีสกล่าวว่า ลูกธนูสีทองของอะพอลโล่ มีความเร็วเท่ากับแสง ถ้าเป็นมนุษย์ไปโดนมันเข้าพวกเขาจะตายโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจ็บปวด
- เป็นการโจมตีที่รวดเร็วที่สุดในดินแดนเทพ คนเดียวที่หยุดลูกศรนั้นได้คือซุส
- ลิโอไนดัสไม่ยอมแพ้ และพยายามแทงค์ลูกธนูแม้จะมองไม่เห็น วัลคิลีเองก็มองไม่เห็นเลยช่วยไม่ได้
- แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักรบ ลิโอไนดัส ปัดลูกธนูของอะพอลโล่ได้ 1 ครั้ง ส่งผลให้มันย้อนกลับไปยิงเข้าแขนของอะพอลโล่
- แต่ลิโอไนดัสมาถึงขีดจำกัดแล้ว ทางด้านอะพอลโล่ก็ไม่สามารถใช้แขนอีกข้างยิงธนูยักษ์นี่ได้แล้ว
- อะพอลโล่เริ่มถามลิโอไนดัสว่าต่อสู้เพราะมวลมนุษยชาติ หรือต่อสู้เพราะอยากแก้แค้นเขา
- ลิโอไนดัสกล่าวว่ามันไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ตอนนี้จำเป็นต้องสู้กัน มนุษย์ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเกิดที่ไหน
แต่เราเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิต และตายยังไง และลิโอไนดัสเลือกตามจิตวิญญาณของตัวเอง
- ลิโอไนดัสแปลเปลี่ยนโล่ของวัลคิลีเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษย์ The Shield of Truth
- อะพอลโล่ ที่เห็นและได้ยินดังนั้นก็เริ่มมีไฟ
- อาเธอร์มิสสร้าง Threads of Artemis ออกมาเป็นคันสร แต่ที่น่าตกใจ คือลูกธนูคือตัวอะพอลโล่เอง
- ตำนานที่อะพอลโล่สร้างไว้แต่ละอย่างนั้น ยังคงดำเนินต่อไป และในครั้งนี้ก็ด้วย ....
- Phoebus Apollo เจิดจ้าทุกวินาที เหมือนดวงอาทิตย์ เขาใช้ตัวเองเป็นลูกธนูให้อาเธอร์มิส เป็นลูกศรสีเงิน
การปะทะกันระหว่าง โล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติ และ ลูกศรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด
- อะพอลโล่พุ่งเข้าใส่ลิโอไนดัสด้วยความเร็ว
- ผลท้ายที่สุด โล่ของลิโอไนดัสแตก อะพอลโล่ทะลวงเข้าร่างของลิโอไนดัส
- แม้ลิโอไนดัสจะดีลกับวัลคิลีว่าจะสวนการโจมตีกลับ แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว ร่างของลิโอไนดัสสลายไป
เทพดวงอาทิตย์ อะพอลโล่ vs คิงส์ออฟสปาร์ตัน ลิโอไนดัส
เวลาในการต่อสู้ : 9 นาที 30 วินาที
คู่ที่ 9 ผู้ชนะ: อะพอลโล่
[Spoil] มหาศึกคนชนเทพ (Shumatsu no Valkyrie) Chapter: 82-83 ประกาศผลสู้คู่ 9
ผู้บรรยาย : ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดการอธิบายเรื่องนี้ ....เทพเจ้าผู้มีชื่อเสียงเหนือผู้ใดทั้งปวงในเรื่องความงดงาม ตอนนี้กับตาลปัตรแล้ว
ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน นี่มันยังกะผ้าขี้ริ้วสกปรกชัด ๆ ใครอยากจะเชื่อกันล่ะเนี่ย !?
ผู้ชม 1 : ท่านอะพอลโล่
ผู้ชม 2 : ฉันทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
ลิโอไนนัส : ฉันบอกแกแล้ว อย่าต่อต้านสปาร์ตัน
ไปนอนพักสะเถอะไป แกเองก็คงไม่อยากจะโชว์สภาพอันทุเรศทุรังนั้นอีกต่อไปแล้วถูกไหม
อะพอลโล่ : สภาพทุเรศงั้นหรอ แกน่ะคิดผิดไปนะ
ลิโอไนดัส : ว่าไงนะ
อะพอลโล่ : นายน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรอ .... ข้าจุติดวงวิญญาณให้ลุกไหม้เพื่อเอาชนะนาย ตัวข้าที่แกเห็นก่อนหน้านี้ ใช้ทุกอย่างที่มีในการต่อสู้
ไม่มีอะไรที่มันจะงดงามไปกว่านี้อีกแล้ว
ผู้ชม 3 : งดงามหรอ ? เขาแค่พูดบลัฟมั้ง เขาพึ่งจะโดนสอยร่วงมาไม่ใช่หรอ
ผู้ชม 4 : เขาเป็นคนเลือกการต่อสู้เหมือนคนโง่เองแท้ ๆ นี่มันก็คือผลที่ได้รับ
ผู้ชม 5 : เขาไม่รู้ตัวเลยมั้ง หรือยังไม่เข้าใจ ว่าไม่มีที่ยืนให้เขาอีกแล้ว
แอรีส : ไอพวกปากเสียนี่
เฮอร์เมส : ไม่ว่าแกจะพูดอะไร นายก็ยังมีมุมเป็นห่วงอะพอลโล่นะ
แอรีส : เปล่าซะหน่อย ... แค่แบบ ไม่มีทางใช่ไหมล่ะ ทีเขาจะลืมว่าเขากำลังสู้เพื่ออะไร
*ย้อนอดีตอะพอลโล่*
ถูกต้องแล้วล่ะ ไม่มีใครนอกจากอะพอลโล่ ที่ตระหนักถึงเรื่องของเขาได้ดีเท่าตัวเขาเองอีกแล้ว ....
อะพอลโล่ : เจ้าพวกมนุษย์ที่ต้อยต่ำกว่า เจ้าเข้าใจจุดยืนของตัวเองไหม
[เทพแห่งปรัชญา เทพแห่งบทกวี เทพแห่งการรักษา เทพแห่งการยิงคันศร เทพแห่งคำทำนาย
และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ เขาเป็นเทพที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
เขาจะต้องคอยตักเตือนมนุษย์ที่โง่เขลาอย่างเมตตา ]
แต่สิ่งนี้ ... คือเจตจำนงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของอะพอลโล่แน่หรือ ?
ไม่เลย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องตรงกันข้ามเลยต่างหาก มีเรื่องเล่าที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้
ย้อนกลับไปสมันโบราณกรีก เมื่อพระเจ้าและมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกว่า "Python"
ไพธอน ผู้ถูกขับไล่จากวิหารวัลฮัลลา มักจะปรากฏตัวเพื่อทำลายมนุษย์ เหล่าทวยเทพที่มาหยุดยั้งมันมักจบด้วยความตาย และไพธอนก็ยังคงก่อความวุ่นวายแบบนี้ตลอดมา และวันนั้นก็มาถึง.....
หนึ่งใน 12 เสาหลักแห่งโอลิมปัสปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าไพธอน คนนั้นคืออะพอลโล่
อะพอลโล่บอกว่า เพื่อตอบรับความคาดหวังของชาวสวรรค์ เขาจะเป็นขั้วตรงข้ามกับไพธอน
จริง ๆ แล้ววัลฮัลลาไม่ได้บอกอะไรหรอก แต่อะพอลโล่มาเอง โดยอ้างว่าพระอาทิตย์ขึ้นโดยไม่ต้องถามถูกไหม เพราะงั้นเขาเลยมาเอง 555
ด้วยหมัด ๆ หมัดเดียวอะพอลโล่โค่นไพธอนลงได้
แต่ไพธอนไม่ได้ยอมแพ้ และบอกว่าเขาจะไม่มีวันแพ้เทพแบบอะพอลโล่
ซึ่งอะพอลโล่ทำได้แค่ขำ และบอกว่าโอเคงั้นเขาจะกลับมาใหม่พรุ่งนี้
และถัดมาวันแล้ววันเล่า ไพธอนพยายามสู้กับอะพอลโล่
อะพอลโล่ : ทำไมยังสู้กับข้าอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่ากันล่ะ
สัตว์ประหลาด : ข้าน่ะถูกดูหมิ่น และถูกกดขี่อยู่เสมอเลย โดนขับไล่ออกจากวัลฮัลล่า และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด
ก็ข้าเกิดมาเป็นสัตว์ประหลาดนี่ ไม่ได้ขอให้เกิดมาหน้าตาแบบนี้สักหน่อย เพราะงั้นนี่คือสิ่งที่แกต่างกับข้า
แกถูกยกยอปอปั้น ถูกรักใคร่ บูชาใต้ความงดงาม และถูกยอมรับจากทุกคน คนอย่างแกได้รับพรมาตั้งแต่เกิดแล้ว
เพราะงั้นข้าเลยปฏิเสธการแพ้แก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อะพอลโล่ : งดงามมาก
สัตว์ประหลาด : อะไรนะ
อะพอลโล่ : ข้าบอกว่าแกน่ะ งดงามมาก
สัตว์ประหลาด : ข้าเนี่ยหรอ แกกำลังเล่นตลกอะไร
อะพอลโล่ : ข้าจะขอพูดกับแกนะ ข้าไม่ใช่คนที่จะทำหัวเราะชอบใจกับเรื่องพวกนี้
สัตว์ประหลาด : มีเหตุผลอะไรที่มาพูดว่าข้างดงามกับสัตว์อย่างข้า
อะพอลโล่ : หน้าแกน่ะไม่เกี่ยวเลย ความงดงามคือสิ่งที่แกมีอยู่ในตัวเอง
เผชิญหน้ากับตัวเอง จุดไฟให้ดวงวิญญาณสว่างไสว ต่อสู้แบบนั้นเรื่อยมามันก็ค่อนข้างสวยงามนะ
สัตว์ประหลาด : แกไม่เข้าใจหรอก
อะพอลโล่ : ข้าเข้าใจ ... เพราะข้าเองก็เหมือนกัน
อะพอลโล่สว่างเจิดจ้าเพราะความฉลาด และพรสวรรค์ อย่างงั้นหรือ
ไม่ใช่ ท่ามกลางหมู่เทพกรีก อะพอลโล่ไม่ได้ถูกจดจำในเหล่าทวยเทพ อะพอลโล่คือเทพที่อยู่แค่ระดับปานกลางเท่านั้น
เทพแห่งปรัชญา เทพแห่งบทกวี เทพแห่งการรักษา เทพแห่งการยิงคันศร เทพแห่งคำทำนาย เทพแห่งการต่อยมวย สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่อะพอลโล่ได้รับมาตั้งแต่เกิด เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยมือสองข้างของเขาเองทั้งนั้น หลังจากนั้นเขาก็มีภาพตัวเองยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเทพอีก 11 องค์อย่างเท่าเทียม
สัตว์ประหลาด : แกกับข้าเหมือนกันหรอ
อะพอลโล่ : ผู้ที่ไม่มีความงดงามคือผู้ที่ไม่พอใจกับความเป็นตัวเอง ไม่เคยแสวงหาอะไรเพิ่มเติมให้ตัวเอง
ผู้ที่งดงามคือคนที่รู้จักว่าตัวเองไม่ดีพอ รู้จักว่าตัวเองนั้นอ่อนแอขนาดไหน ไม่กลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
ผู้ที่รู้จักตัวเองคือผู้ที่อยู่เหนือคนทั้งปวงนะ จงภูมิใจในความงดงามนั้นเถอะ
สัตว์ประหลาด : แต่ข้าฆ่าคนไปเยอะนะ
อะพอลโล่ : ถ้าไปเหยียบหางงู งูมันจะกัดเอานะ ความรุนแรงที่เกิดจากการป้องกันตัวเองเป็นเรื่องธรรมชาติ
รีบหยุดก่อนที่มันจะบานปลายเป็นสงครามเถอะ เพราะงั้นลาล่ะ ไว้จะมาใหม่นะ
ตั้งแต่นั้น ไพธอนก็หยุดทำร้ายมวลมนุษย์ และใช้ชีวิตอยู่ในวิหารเดลฟี ก่อนจะสลักคำจารึกไว้บนศิลา Know Theyself = รู้จักตัวเอง
** กลับมาปัจจุบัน
- จิตวิญญาณของอะพอลโล่ยังคงลุกโชติช่วง
- ลิโอไนดัสบอกว่าอะพอลโล่ยังคงเก็กทำเท่อยู่
- อะพอลโล่บอกว่า เขาไม่สามารถยอมรับความหยาบคายของลิโอไนดัสได้ แต่การต่อสู้นี้ก็งดงามมาก
เหมือนว่าเขาทั้งคู่จะเข้าใจตัวตนของตัวเองดี จบตอนนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผู้คน และเหล่าเทพคือเครื่องจักรอาวุธขนาดใหญ่ แม้กระทั่งแอรีสที่ไม่ชอบอะพอลโล่ ยังยอมรับว่าเป็นอาวุธที่สวยมาก
- ซุสบอกว่าไม่ได้เห็นสิ่งนี้มานานแล้วอะพอลโล่ใช้มันล่าสุดคือ ช่วงสงครามกับพวกยักษ์ (gigantomachy)
กรีกโบราณมีคำเรื่องเล่าว่า ฝาแฝดอะพอลโล่ และอาร์เทอมิส ใช้คันศรสีทองขนาดใหญ่เพื่อฆ่าไททัน
- และ ณ ตอนนี้คันธนูสีทองนั้นมาอยู่ในมืออะพอลโล่แล้ว
- เฮอร์มีสกล่าวว่า ลูกธนูสีทองของอะพอลโล่ มีความเร็วเท่ากับแสง ถ้าเป็นมนุษย์ไปโดนมันเข้าพวกเขาจะตายโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจ็บปวด
- เป็นการโจมตีที่รวดเร็วที่สุดในดินแดนเทพ คนเดียวที่หยุดลูกศรนั้นได้คือซุส
- ลิโอไนดัสไม่ยอมแพ้ และพยายามแทงค์ลูกธนูแม้จะมองไม่เห็น วัลคิลีเองก็มองไม่เห็นเลยช่วยไม่ได้
- แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักรบ ลิโอไนดัส ปัดลูกธนูของอะพอลโล่ได้ 1 ครั้ง ส่งผลให้มันย้อนกลับไปยิงเข้าแขนของอะพอลโล่
- แต่ลิโอไนดัสมาถึงขีดจำกัดแล้ว ทางด้านอะพอลโล่ก็ไม่สามารถใช้แขนอีกข้างยิงธนูยักษ์นี่ได้แล้ว
- อะพอลโล่เริ่มถามลิโอไนดัสว่าต่อสู้เพราะมวลมนุษยชาติ หรือต่อสู้เพราะอยากแก้แค้นเขา
- ลิโอไนดัสกล่าวว่ามันไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ตอนนี้จำเป็นต้องสู้กัน มนุษย์ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเกิดที่ไหน
แต่เราเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิต และตายยังไง และลิโอไนดัสเลือกตามจิตวิญญาณของตัวเอง
- ลิโอไนดัสแปลเปลี่ยนโล่ของวัลคิลีเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษย์ The Shield of Truth
- อะพอลโล่ ที่เห็นและได้ยินดังนั้นก็เริ่มมีไฟ
- อาเธอร์มิสสร้าง Threads of Artemis ออกมาเป็นคันสร แต่ที่น่าตกใจ คือลูกธนูคือตัวอะพอลโล่เอง
- ตำนานที่อะพอลโล่สร้างไว้แต่ละอย่างนั้น ยังคงดำเนินต่อไป และในครั้งนี้ก็ด้วย ....
- Phoebus Apollo เจิดจ้าทุกวินาที เหมือนดวงอาทิตย์ เขาใช้ตัวเองเป็นลูกธนูให้อาเธอร์มิส เป็นลูกศรสีเงิน
การปะทะกันระหว่าง โล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติ และ ลูกศรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด
- อะพอลโล่พุ่งเข้าใส่ลิโอไนดัสด้วยความเร็ว
- ผลท้ายที่สุด โล่ของลิโอไนดัสแตก อะพอลโล่ทะลวงเข้าร่างของลิโอไนดัส
- แม้ลิโอไนดัสจะดีลกับวัลคิลีว่าจะสวนการโจมตีกลับ แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว ร่างของลิโอไนดัสสลายไป