ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดว่าก่อนแต่งงาน
ควรมีการออกเดทกันก่อน
ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดว่าควรเป็นคืนนี้
คืนนี้ของป่านูเปียตรงกับเวลาประมาณ 10.00 น.
ของประเทศไทยในจักรวาลที่ 452
เมื่อแสงดาวข้ามมิติไปแล้ว
เหล่าพลเมืองของป่านูเปียพาเธอเหาะไปบนท้องฟ้า
โต็ะดินเนอร์ลอยอยู่บนฟ้า
และมีเจ้าชายวนาหวาด ราชันย์แวมไพร์รออยู่ที่นั่น
สำหรับพราวรุ้ง พลเมืองแห่งป่านูเปียได้พาเหาะมาที่
มหาสมุทรน้ำนิ่ง ซึ่งโต็ะดินเนอร์ถูกจัดไว้กลางน้ำ
คนที่รอคอยเธออยู่คือราชันย์หมาป่า เจ้าชายหนึ่ง
เมื่อแสงดาวได้เจอเจ้าชายวนาหวาดแล้ว
ต่างฝ่ายต่างเขิน
"สบายดีนะครับ คุณแสงดาว" ทั้งสองฝ่ายสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
"ค่ะเจ้าชาย"
เจ้าชายวนาหวาดทรงยิ้ม
"คืนนี้เป็นเหมือนความฝันในชีวิตผม
ที่ได้มีโอกาสออกเดทเป็นครั้งแรกในชีวิต
ผมเองต้องปกปิดตนเอง และอยู่แต่ในป่านูเปียเป็นเวลาช้านาน
ถึงผมจะกลายเป็นแวมไพร์ แต่ยังมีรักในหัวใจอยู่เต็มเปี่ยมเลยนะครับ"
"การได้เจอเจ้าชายแวมไพร์ก็คือความฝันของดิฉันค่ะ
มันเป็นความฝันที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้"
"คุณรู้จักแวมไพร์ได้ยังไงครับ"
"จากในหนังในจักรวาลของดิฉันค่ะ แล้วที่สำคัญ
เจ้าชายกับพระเอกหล่อพอๆกันเลยนะคะ ช่างบังเอิญมาก"
"ผมหวังนะครับว่าคุณจะมาเติมเต็มชีวิตผม
ชีวิตที่เดียวดายมานาน ชีวิตที่เศร้าและเหงามาตลอด"
"เช่นกันค่ะ ดิฉันก็หวังเช่นนั้น ดิฉันรู้สึกดีมากนะคะที่ได้เจอเจ้าชาย
เจ้าชายวนาหวาดทรงเป็นเจ้าชายในฝันของดิฉันค่ะ"
อีกมุมหนึ่ง พราวรุ้งได้นั่งดินเนอร์กับเจ้าชายหนึ่ง
"ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติหมาป่าอย่างผม"
"ดิฉันชอบมนุษย์หมาป่ามากๆเลยค่ะ ชอบทั้งตัวและหัวใจ"
"คุณรู้จักเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าได้อย่างไรครับ"
"จากการดูหนังค่ะ ที่จักรวาลของดิฉันมีหนังเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าค่ะ"
"ดูแล้วชอบไหมครับ"
"ชอบสิค่ะ ชอบความแข็งแกร่ง ความอบอุ่น ความละมุน ชอบทุกอย่างเลยค่ะ"
"คุณย้ายมานั่งฝั่งเดียวกับผมสิครับ"
พราวรุ้งทำตามที่บอก
พอย้ายมานั่งแล้ว โต็ะดินเนอร์ที่ลอยอยู่กลางน้ำ
กลับลอยขึ้นไปบนอากาศ ทำให้สองโต็ะได้เห็นกันห่างๆ
ต่างฝ่ายต่างโบกมือให้กัน
พลเมืองของป่านูเปียต่างก็นำอาหารมาเสริฟ
หลังจากทั้งคู่ทานอาหารเสร็จแล้ว
เจ้าชายวนาหวาดเชิญแสงดาวเต้นรำกลางอากาศ
"ได้เหรอคะ"
"ก้าวตามผมครับ จับมือผมไว้นะ อย่ากลัวนะครับ"
ทรงเป็นคู่แรกที่ได้เต้นรำกลางอากาศ
"โอ้พระเจ้า มันเป็นความจริงหรือความฝันกันค่ะเนี่ย"
"แล้วแต่คุณจะคิดครับ"
คู่ที่สองที่เต้นรำกลางอากาศคือเจ้าชายหนึ่งกับพราวรุ้ง
พราวรุ้งตื่นเต้นมาก เธอได้เต้นรำท่ามกลางดวงดาว
และลอยอยู่เหนือพื้นน้ำ ตอนนั้นพระจันทร์กำลังงดงามสุกปลั่ง
ตอนนี้มีพลเมืองหลายคู่ต่างเต้นรำอยู่กลางอากาศด้วย
นับเป็นภาพที่สวยงามและหาดูได้ยากยิ่ง
พ่อศักดาเขียนกลอนเพื่อการนี้ด้วยครับ
เมื่อสองหัวใจเหงาเข้าใจรัก
จึงประจักษ์ถึงคุณค่ามหาศาล
รักไหลเย็นพร่างพรายดั่งสายธาร
ราตรีกาลเปลี่ยนผันนิรันดร
ในอ้อมกอดแห่งรักประจักษ์มั่น
คือความฝันที่เป็นจริงมิ่งสมร
อ้อมกอดแห่งรักจักอวยพร
ให้สุขสโมสรนานเท่านาน
ได้เต้นรำกลางดาราเวหาหาว
สุกสกาวพราวพร่างกลางความหวาน
ได้ความรักความอบอุ่นท้นดวงมาลย์
ใจประสานกายแนบชิดจิตรัญจวน
เต้นรำกลางดวงดาวพราวสะพรั่ง
ให้ความหวังมาประทับมากลับหวน
เคยเหงาเศร้าหนักจนครางครวญ
วันนี้ชวนมาพลอดรักใต้แสงดาว
ต่อแต่นี้จิตคงไม่หวั่นไหว
ต่อนี้ไปใจคงไม่เหน็บหนาว
หวังรักครั้งนี้จะยืนยาว
สุกสกาวในห้วงฝันนิรันดร์กาล......
วิมานมายา โดย ศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่ 230 การออกเดทข้ามจักรวาล ท่ามกลางดวงดาวที่พราวพราย
ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดว่าก่อนแต่งงาน
ควรมีการออกเดทกันก่อน
ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดว่าควรเป็นคืนนี้
คืนนี้ของป่านูเปียตรงกับเวลาประมาณ 10.00 น.
ของประเทศไทยในจักรวาลที่ 452
เมื่อแสงดาวข้ามมิติไปแล้ว
เหล่าพลเมืองของป่านูเปียพาเธอเหาะไปบนท้องฟ้า
โต็ะดินเนอร์ลอยอยู่บนฟ้า
และมีเจ้าชายวนาหวาด ราชันย์แวมไพร์รออยู่ที่นั่น
สำหรับพราวรุ้ง พลเมืองแห่งป่านูเปียได้พาเหาะมาที่
มหาสมุทรน้ำนิ่ง ซึ่งโต็ะดินเนอร์ถูกจัดไว้กลางน้ำ
คนที่รอคอยเธออยู่คือราชันย์หมาป่า เจ้าชายหนึ่ง
เมื่อแสงดาวได้เจอเจ้าชายวนาหวาดแล้ว
ต่างฝ่ายต่างเขิน
"สบายดีนะครับ คุณแสงดาว" ทั้งสองฝ่ายสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
"ค่ะเจ้าชาย"
เจ้าชายวนาหวาดทรงยิ้ม
"คืนนี้เป็นเหมือนความฝันในชีวิตผม
ที่ได้มีโอกาสออกเดทเป็นครั้งแรกในชีวิต
ผมเองต้องปกปิดตนเอง และอยู่แต่ในป่านูเปียเป็นเวลาช้านาน
ถึงผมจะกลายเป็นแวมไพร์ แต่ยังมีรักในหัวใจอยู่เต็มเปี่ยมเลยนะครับ"
"การได้เจอเจ้าชายแวมไพร์ก็คือความฝันของดิฉันค่ะ
มันเป็นความฝันที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้"
"คุณรู้จักแวมไพร์ได้ยังไงครับ"
"จากในหนังในจักรวาลของดิฉันค่ะ แล้วที่สำคัญ
เจ้าชายกับพระเอกหล่อพอๆกันเลยนะคะ ช่างบังเอิญมาก"
"ผมหวังนะครับว่าคุณจะมาเติมเต็มชีวิตผม
ชีวิตที่เดียวดายมานาน ชีวิตที่เศร้าและเหงามาตลอด"
"เช่นกันค่ะ ดิฉันก็หวังเช่นนั้น ดิฉันรู้สึกดีมากนะคะที่ได้เจอเจ้าชาย
เจ้าชายวนาหวาดทรงเป็นเจ้าชายในฝันของดิฉันค่ะ"
อีกมุมหนึ่ง พราวรุ้งได้นั่งดินเนอร์กับเจ้าชายหนึ่ง
"ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติหมาป่าอย่างผม"
"ดิฉันชอบมนุษย์หมาป่ามากๆเลยค่ะ ชอบทั้งตัวและหัวใจ"
"คุณรู้จักเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าได้อย่างไรครับ"
"จากการดูหนังค่ะ ที่จักรวาลของดิฉันมีหนังเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าค่ะ"
"ดูแล้วชอบไหมครับ"
"ชอบสิค่ะ ชอบความแข็งแกร่ง ความอบอุ่น ความละมุน ชอบทุกอย่างเลยค่ะ"
"คุณย้ายมานั่งฝั่งเดียวกับผมสิครับ"
พราวรุ้งทำตามที่บอก
พอย้ายมานั่งแล้ว โต็ะดินเนอร์ที่ลอยอยู่กลางน้ำ
กลับลอยขึ้นไปบนอากาศ ทำให้สองโต็ะได้เห็นกันห่างๆ
ต่างฝ่ายต่างโบกมือให้กัน
พลเมืองของป่านูเปียต่างก็นำอาหารมาเสริฟ
หลังจากทั้งคู่ทานอาหารเสร็จแล้ว
เจ้าชายวนาหวาดเชิญแสงดาวเต้นรำกลางอากาศ
"ได้เหรอคะ"
"ก้าวตามผมครับ จับมือผมไว้นะ อย่ากลัวนะครับ"
ทรงเป็นคู่แรกที่ได้เต้นรำกลางอากาศ
"โอ้พระเจ้า มันเป็นความจริงหรือความฝันกันค่ะเนี่ย"
"แล้วแต่คุณจะคิดครับ"
คู่ที่สองที่เต้นรำกลางอากาศคือเจ้าชายหนึ่งกับพราวรุ้ง
พราวรุ้งตื่นเต้นมาก เธอได้เต้นรำท่ามกลางดวงดาว
และลอยอยู่เหนือพื้นน้ำ ตอนนั้นพระจันทร์กำลังงดงามสุกปลั่ง
ตอนนี้มีพลเมืองหลายคู่ต่างเต้นรำอยู่กลางอากาศด้วย
นับเป็นภาพที่สวยงามและหาดูได้ยากยิ่ง
พ่อศักดาเขียนกลอนเพื่อการนี้ด้วยครับ
เมื่อสองหัวใจเหงาเข้าใจรัก
จึงประจักษ์ถึงคุณค่ามหาศาล
รักไหลเย็นพร่างพรายดั่งสายธาร
ราตรีกาลเปลี่ยนผันนิรันดร
ในอ้อมกอดแห่งรักประจักษ์มั่น
คือความฝันที่เป็นจริงมิ่งสมร
อ้อมกอดแห่งรักจักอวยพร
ให้สุขสโมสรนานเท่านาน
ได้เต้นรำกลางดาราเวหาหาว
สุกสกาวพราวพร่างกลางความหวาน
ได้ความรักความอบอุ่นท้นดวงมาลย์
ใจประสานกายแนบชิดจิตรัญจวน
เต้นรำกลางดวงดาวพราวสะพรั่ง
ให้ความหวังมาประทับมากลับหวน
เคยเหงาเศร้าหนักจนครางครวญ
วันนี้ชวนมาพลอดรักใต้แสงดาว
ต่อแต่นี้จิตคงไม่หวั่นไหว
ต่อนี้ไปใจคงไม่เหน็บหนาว
หวังรักครั้งนี้จะยืนยาว
สุกสกาวในห้วงฝันนิรันดร์กาล......