สวัสดีค่ะเราเจอปัญหานึงที่เราสงสัยมากๆ ขอเกริ่นก่อนว่าตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจจะ stereotype ใครนะคะ
แต่ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่เราเก็บมาจากหลายๆครั้งที่เจอ + เคยถามเพื่อนๆในสังคมก็มักจะเจออะไรคล้ายๆกันค่ะ
ว่าทำไมผู้ชายที่เรียนไม่ค่อยสูงบางคนถึงดูไม่ค่อยเข้าใจเวลาผู้หญิงปฏิเสธอะคะ
ยกตัวอย่างเลยนะ
เหตุการณ์แรกคือเป็นรปภ. ที่หมู่บ้านอาม่าเราค่ะ เราเคยมีความจำเป็นต้องไปดูแลอาม่าประมาณเดือนนึงช่วงที่อาโกไปต่างประเทศกับครอบครัว (เล่าก่อนนะคะว่าบ้านเราอาม่าจะผลัดกันอยู่ระหว่างบ้านป๊าเรากับบ้านอาโกค่ะ)
เราเลยต้องไปอยู่พักที่หมู่บ้านอาม่าซึ่งก็เป็นบ้านเดี่ยวปกติที่มีรปภ.
เราเป็นคนมีกิจกรรมคือต้องจ๊อกกิ้งตอนเช้าทุกเช้าซึ่งก็เป็นการวิ่งรอบหมู่บ้านเหมือนลูกบ้านคนอื่นๆค่ะ
แรกๆก็ไม่มีอะไรแต่หลังๆเนี่ยรปภ.ที่ทำหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตรวจตราในหมู่บ้านเขาจะเริ่มทักทายเราค่ะ
ซึ่งเราเองก็มาที่นี่ตั้งแต่เด็กเราก็ทักกับรปภ.ทุกคนก็ไม่มีอะไร
แต่มีช่วงนึงมีรปภ.ที่อายุไม่ค่อยสูงมาก (เดาว่าห่างจากเราไม่เท่าไหร่) เขาย้ายมาใหม่แล้วเขาก็ทำหน้าที่นั้นช่วงประมาณ ตีสี่ถึงเจ็ดโมง
เราก็เจอเขาค่ะ ทุกวันเราก็ยิ้มให้ตามมารยาทเวลาเขาตะเบ๊ะให้
หลังๆก็เขาก็เริ่มชวนเราคุยค่ะว่าทำไมตื่นเช้าจัง วิ่งทุกวันเลยหรอ หุ่นดีเชียว
บอกก่อนนะคะว่าเราไม่เคยแต่งตัวล่อแหลมเวลาไปวิ่งค่ะก็ชุดวิ่งธรรมดา
เราก็ว่าแปลกๆหลังๆเลยแค่พยักหน้าๆ แต่ไม่ได้อะไรเพราะไม่อยากมีปัญหา
จนวันนึงเขาก็ถามเราเลยค่ะว่ามีแฟนหรือยัง ซึ่งตอนนั้นเรามีแล้วเราก็บอกเขาว่าเรามีแล้วและถึงยังไม่มีเราก็ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับรปภ.ค่ะ
เขาก็ดูเข้าใจแต่ดันกลายเป็นว่าหลังๆเขาเทียวมาแถวบ้านอาม่าเราแล้วก็ชอบถามถึงเราจากอาม่า
บทสนทนาเริ่มถามว่าแฟนเราเป็นยังไงงั้นงี้งี้งั้น แต่เราก็ได้ย้ายกลับบ้านพอดี
แต่ก็ยังมีเหตุให้เวลาเราไปเยี่ยมบ้านอาม่าอาโกทุกครั้งที่รถเราขับเข้าไปเขาก็จะทำท่าดี๊ด๊าและรีบมาเป็นคนเปิดประตู
หนักสุดก็เรียกเราว่าคนสวย แบบสวัสดีครับคนสวยซึ่งเราไม่ชอบมากๆเลยแจ้งนิติไปเพราะปกติแล้วรปภ.เขาจะเรียกลูกบ้านว่าลูกบ้านหรือไม่ก็คุณ
ซึ่งหลังๆรปภ.คนนี้ก็โดนย้ายออกไปค่ะ
เราก็คิดว่าโอเคจบสิ้นกันที
แต่ก็ดันมาเจอเหตุการณ์ถัดมาค่ะคราวนี้เป็นวินมอเตอร์ไซค์
ปกติเราเป็นคนที่ขับรถไปทำงานค่ะแต่มีช่วงนึงรถป๊าเข้าศูนย์เราเลยให้ป๊าเอารถเราไปใช้เพราะป๊าจำเป็นมากกว่าที่จะต้องใช้ที่ต่างจังหวัดหลายวัน
บริษัทเราเองก็เดินทางสะดวกค่ะ
เราก็เลยนั่งBTSไปทำงานและกลับบ้าน
ซึ่งมันจะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ที่ต้องนั่งเข้าซอยหมู่บ้านเรา
เรื่องมันเกิดตรงนี้ค่ะที่มีวินมอไซค์คนนึงที่เขารับเราครั้งแรก
พอลงแล้วจะจ่ายตังเขาดันขอเบอร์เราค่ะ
ซึ่งตอนนั้นเราเลิกกับแฟนเราแล้วแต่เราก็มีคนที่คุยกันอยู่
ซึ่งถึงจะมีหรือไม่มีเราก็ยังมีอุดมการณ์เดิมค่ะว่าเราไม่ให้เบอร์วินมอเตอร์ไซค์อยู่ดี
เราก็บอกเขาว่าไม่สะดวกค่ะ
เขาก็บอกว่าโอเคครับแล้วก็ขับกลับไป
แต่มันกลายเป็นว่าช่วงนั้นที่เราต้องนั่งมอเตอร์ไซค์เราจะโดนวินคนนี้แซงคิววินคันอื่นๆเพื่อขอรับเราค่ะ
ซึ่งเขาก็พยายามพูดจาจีบเราทุกครั้ง ถามว่าเราทำงานอะไร ทำไมไม่ค่อยเห็นนั่งวินเลยแบบนั้นแบบนี้
เรางงมากว่าเราก็ปฏิเสธไปแล้วถึงขั้นที่ว่าเราไม่เคยยิ้มให้เขาด้วยซ้ำ
แต่เราไม่ได้อยากจะโวยวายอะไรเพราะเขารู้จักบ้านเราค่ะนึกออกใช่มั้ยคะ
จนเรื่องนี้จบได้ตอนที่เราได้รถกลับมาใช้ค่ะ แต่ก็ยังหวั่นๆรู้สึก creepy ทุกครั้งที่ขับผ่านวินนี้อยู่ดี
ถัดมาล่าสุดสดๆร้อนเลยค่ะเป็นเทรนเนอร์ในยิมที่เราไปใช้เป็นประจำ
คือเรามี PT ส่วนตัวนะคะซึ่งใช้บริการมานานมากแล้วครูเขาก็น่ารักโอเคดีกับเราแต่จะมีเทรนเนอร์คนนึงค่ะ
ที่เคยมาเทรนให้เราแทนตอนที่ครูเราไม่อยู่
แรกๆตอนเทรนเขาก็ไม่ได้อะไรค่ะ
แค่ชอบชมเราว่าเราน่ารักแบบนั้นแบบนี้เราก็ได้แต่แหะๆ แล้วคิดในใจว่ามาบอกทำไมเนี่ย
ตอนเทรนก็ถูกเนื้อต้องตัวเราเกินความจำเป็นถึงแม้จะขออนุญาติแล้วก็ตามทีเถอะ
+วิจารณ์หุ่นเราด้วยตรงนี้น่าจะกำลังดีตรงนั้นน่าจะต้องเอาออก (ซึ่ง context การพูดไม่ได้พูดเชิงกายภาพแบบวิทยาศาสตร์แน่ๆ)
แล้วพอจบชั่วโมงนั้นเขาก็ขอไอจีเราค่ะแต่เราก็ไม่ให้ (เราไม่ได้หยิ่งนะคะแต่เราไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องให้คนที่เราไม่อยากให้อะค่ะ)
ต่อมาคราวนี้หนักข้อมากๆค่ะเวเลาเจอกันในยิมเขาชอบถามเราทีเล่นทีจริงว่าหน้าตาแบบเขาเป็นสเปคเรามั้ย
เรามีคนคุยหรือเปล่าคนคุยเราหล่อกว่าเขามั้ย
เราก็ตอบแบบปัดๆไปว่าเป็นเรื่องส่วนตัวนะคะขอไปตอบ เขาก็ขำคิกๆเหมือนคิดว่าเราเล่นด้วยหรืออย่างไรเราไม่แน่ใจ
จนความอดทนเราหมดเพราะวันนึงเราเทรนกับเทรนเนอร์ของเราอยู่แล้วเป็นช่วงพัก
เทรนเนอร์คนนี้เดินมาหาเราค่ะและพูดคุยกับเทรนเนอร์คนอื่นพร้อมทั้งบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนเขา
คราวนี้หน้าเราชาเลยค่ะ โกรธมาก แล้วเราก็บอกว่าพี่พูดงี้ไม่ถูกนะคะ หนูไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด
เขาเลยดูเคืองเรามากๆค่ะแล้วพูดตัดพ้อว่าถ้าเป็นคนหล่อๆรวยๆเราคงไม่ปฏิเสธแบบนี้แต่เราก็ไม่สนที่เขาพูดค่ะ
กลับบ้านเลยและเลิกไปเล่นยิมนั้นด้วย
มานับๆดูแล้วก็เลยเกิดความสงสัยค่ะว่าทำไมผู้ชายพวกนี้ถึงชอบจีบดะจีบไปทั่ว จีบผู้หญิงโดยไม่ประเมินก่อนเลยหรอคะว่าตัวเองจะจีบติดมั้ย
และหลังถูกปฏิเสธไป (ซึ่งเราว่าเราชัดเจนมากๆๆ เราไม่ใช่ผู้หญิงขี้หยอกหรือชอบให้ท่าใครค่ะ โดยเฉพาะคนที่เราไม่ได้อยากอะไรด้วย)
ทำไมถึงชอบตีมึนทำไม่เข้าใจอะคะ
ผู้ชายคนอื่นๆที่เราเคยเจอเวลาเขามาจีบ เช่นผู้ใช้ฟิตเนส (ยิมต้นเรื่องนี่แหละค่ะ) ถ้าเข้ามาขอเบอร์แล้วไม่ให้เขาก็ดูเข้าใจแล้วก็ไม่มายุ่งกับเราอีก
หรือผู้ชายที่ทำงานที่มาทำท่าหยอดๆแล้วเราไม่เล่นด้วยเขาก็ดู get นะคะหรือแม้กระทั่งคนในผับเองก็เถอะ
คือเราไม่ได้อยากมีปัญหากับใครนะคะ เราคิดว่าเรื่องนี้เราก็อยู่ของเราดีดีทำไมต้องมาทำให้เราอึดอัดใจด้วยเราไม่เข้าใจและเราไม่รู้ต้องทำยังไงแล้วอะค่ะ
ทำไมผู้ชายบางประเภทเวลาจีบผู้หญิงถึงชอบไม่รับความจริงตอนถูกปฏิเสธอะคะ
แต่ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่เราเก็บมาจากหลายๆครั้งที่เจอ + เคยถามเพื่อนๆในสังคมก็มักจะเจออะไรคล้ายๆกันค่ะ
ว่าทำไมผู้ชายที่เรียนไม่ค่อยสูงบางคนถึงดูไม่ค่อยเข้าใจเวลาผู้หญิงปฏิเสธอะคะ
ยกตัวอย่างเลยนะ
เหตุการณ์แรกคือเป็นรปภ. ที่หมู่บ้านอาม่าเราค่ะ เราเคยมีความจำเป็นต้องไปดูแลอาม่าประมาณเดือนนึงช่วงที่อาโกไปต่างประเทศกับครอบครัว (เล่าก่อนนะคะว่าบ้านเราอาม่าจะผลัดกันอยู่ระหว่างบ้านป๊าเรากับบ้านอาโกค่ะ)
เราเลยต้องไปอยู่พักที่หมู่บ้านอาม่าซึ่งก็เป็นบ้านเดี่ยวปกติที่มีรปภ.
เราเป็นคนมีกิจกรรมคือต้องจ๊อกกิ้งตอนเช้าทุกเช้าซึ่งก็เป็นการวิ่งรอบหมู่บ้านเหมือนลูกบ้านคนอื่นๆค่ะ
แรกๆก็ไม่มีอะไรแต่หลังๆเนี่ยรปภ.ที่ทำหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตรวจตราในหมู่บ้านเขาจะเริ่มทักทายเราค่ะ
ซึ่งเราเองก็มาที่นี่ตั้งแต่เด็กเราก็ทักกับรปภ.ทุกคนก็ไม่มีอะไร
แต่มีช่วงนึงมีรปภ.ที่อายุไม่ค่อยสูงมาก (เดาว่าห่างจากเราไม่เท่าไหร่) เขาย้ายมาใหม่แล้วเขาก็ทำหน้าที่นั้นช่วงประมาณ ตีสี่ถึงเจ็ดโมง
เราก็เจอเขาค่ะ ทุกวันเราก็ยิ้มให้ตามมารยาทเวลาเขาตะเบ๊ะให้
หลังๆก็เขาก็เริ่มชวนเราคุยค่ะว่าทำไมตื่นเช้าจัง วิ่งทุกวันเลยหรอ หุ่นดีเชียว
บอกก่อนนะคะว่าเราไม่เคยแต่งตัวล่อแหลมเวลาไปวิ่งค่ะก็ชุดวิ่งธรรมดา
เราก็ว่าแปลกๆหลังๆเลยแค่พยักหน้าๆ แต่ไม่ได้อะไรเพราะไม่อยากมีปัญหา
จนวันนึงเขาก็ถามเราเลยค่ะว่ามีแฟนหรือยัง ซึ่งตอนนั้นเรามีแล้วเราก็บอกเขาว่าเรามีแล้วและถึงยังไม่มีเราก็ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับรปภ.ค่ะ
เขาก็ดูเข้าใจแต่ดันกลายเป็นว่าหลังๆเขาเทียวมาแถวบ้านอาม่าเราแล้วก็ชอบถามถึงเราจากอาม่า
บทสนทนาเริ่มถามว่าแฟนเราเป็นยังไงงั้นงี้งี้งั้น แต่เราก็ได้ย้ายกลับบ้านพอดี
แต่ก็ยังมีเหตุให้เวลาเราไปเยี่ยมบ้านอาม่าอาโกทุกครั้งที่รถเราขับเข้าไปเขาก็จะทำท่าดี๊ด๊าและรีบมาเป็นคนเปิดประตู
หนักสุดก็เรียกเราว่าคนสวย แบบสวัสดีครับคนสวยซึ่งเราไม่ชอบมากๆเลยแจ้งนิติไปเพราะปกติแล้วรปภ.เขาจะเรียกลูกบ้านว่าลูกบ้านหรือไม่ก็คุณ
ซึ่งหลังๆรปภ.คนนี้ก็โดนย้ายออกไปค่ะ
เราก็คิดว่าโอเคจบสิ้นกันที
แต่ก็ดันมาเจอเหตุการณ์ถัดมาค่ะคราวนี้เป็นวินมอเตอร์ไซค์
ปกติเราเป็นคนที่ขับรถไปทำงานค่ะแต่มีช่วงนึงรถป๊าเข้าศูนย์เราเลยให้ป๊าเอารถเราไปใช้เพราะป๊าจำเป็นมากกว่าที่จะต้องใช้ที่ต่างจังหวัดหลายวัน
บริษัทเราเองก็เดินทางสะดวกค่ะ
เราก็เลยนั่งBTSไปทำงานและกลับบ้าน
ซึ่งมันจะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ที่ต้องนั่งเข้าซอยหมู่บ้านเรา
เรื่องมันเกิดตรงนี้ค่ะที่มีวินมอไซค์คนนึงที่เขารับเราครั้งแรก
พอลงแล้วจะจ่ายตังเขาดันขอเบอร์เราค่ะ
ซึ่งตอนนั้นเราเลิกกับแฟนเราแล้วแต่เราก็มีคนที่คุยกันอยู่
ซึ่งถึงจะมีหรือไม่มีเราก็ยังมีอุดมการณ์เดิมค่ะว่าเราไม่ให้เบอร์วินมอเตอร์ไซค์อยู่ดี
เราก็บอกเขาว่าไม่สะดวกค่ะ
เขาก็บอกว่าโอเคครับแล้วก็ขับกลับไป
แต่มันกลายเป็นว่าช่วงนั้นที่เราต้องนั่งมอเตอร์ไซค์เราจะโดนวินคนนี้แซงคิววินคันอื่นๆเพื่อขอรับเราค่ะ
ซึ่งเขาก็พยายามพูดจาจีบเราทุกครั้ง ถามว่าเราทำงานอะไร ทำไมไม่ค่อยเห็นนั่งวินเลยแบบนั้นแบบนี้
เรางงมากว่าเราก็ปฏิเสธไปแล้วถึงขั้นที่ว่าเราไม่เคยยิ้มให้เขาด้วยซ้ำ
แต่เราไม่ได้อยากจะโวยวายอะไรเพราะเขารู้จักบ้านเราค่ะนึกออกใช่มั้ยคะ
จนเรื่องนี้จบได้ตอนที่เราได้รถกลับมาใช้ค่ะ แต่ก็ยังหวั่นๆรู้สึก creepy ทุกครั้งที่ขับผ่านวินนี้อยู่ดี
ถัดมาล่าสุดสดๆร้อนเลยค่ะเป็นเทรนเนอร์ในยิมที่เราไปใช้เป็นประจำ
คือเรามี PT ส่วนตัวนะคะซึ่งใช้บริการมานานมากแล้วครูเขาก็น่ารักโอเคดีกับเราแต่จะมีเทรนเนอร์คนนึงค่ะ
ที่เคยมาเทรนให้เราแทนตอนที่ครูเราไม่อยู่
แรกๆตอนเทรนเขาก็ไม่ได้อะไรค่ะ
แค่ชอบชมเราว่าเราน่ารักแบบนั้นแบบนี้เราก็ได้แต่แหะๆ แล้วคิดในใจว่ามาบอกทำไมเนี่ย
ตอนเทรนก็ถูกเนื้อต้องตัวเราเกินความจำเป็นถึงแม้จะขออนุญาติแล้วก็ตามทีเถอะ
+วิจารณ์หุ่นเราด้วยตรงนี้น่าจะกำลังดีตรงนั้นน่าจะต้องเอาออก (ซึ่ง context การพูดไม่ได้พูดเชิงกายภาพแบบวิทยาศาสตร์แน่ๆ)
แล้วพอจบชั่วโมงนั้นเขาก็ขอไอจีเราค่ะแต่เราก็ไม่ให้ (เราไม่ได้หยิ่งนะคะแต่เราไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องให้คนที่เราไม่อยากให้อะค่ะ)
ต่อมาคราวนี้หนักข้อมากๆค่ะเวเลาเจอกันในยิมเขาชอบถามเราทีเล่นทีจริงว่าหน้าตาแบบเขาเป็นสเปคเรามั้ย
เรามีคนคุยหรือเปล่าคนคุยเราหล่อกว่าเขามั้ย
เราก็ตอบแบบปัดๆไปว่าเป็นเรื่องส่วนตัวนะคะขอไปตอบ เขาก็ขำคิกๆเหมือนคิดว่าเราเล่นด้วยหรืออย่างไรเราไม่แน่ใจ
จนความอดทนเราหมดเพราะวันนึงเราเทรนกับเทรนเนอร์ของเราอยู่แล้วเป็นช่วงพัก
เทรนเนอร์คนนี้เดินมาหาเราค่ะและพูดคุยกับเทรนเนอร์คนอื่นพร้อมทั้งบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนเขา
คราวนี้หน้าเราชาเลยค่ะ โกรธมาก แล้วเราก็บอกว่าพี่พูดงี้ไม่ถูกนะคะ หนูไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด
เขาเลยดูเคืองเรามากๆค่ะแล้วพูดตัดพ้อว่าถ้าเป็นคนหล่อๆรวยๆเราคงไม่ปฏิเสธแบบนี้แต่เราก็ไม่สนที่เขาพูดค่ะ
กลับบ้านเลยและเลิกไปเล่นยิมนั้นด้วย
มานับๆดูแล้วก็เลยเกิดความสงสัยค่ะว่าทำไมผู้ชายพวกนี้ถึงชอบจีบดะจีบไปทั่ว จีบผู้หญิงโดยไม่ประเมินก่อนเลยหรอคะว่าตัวเองจะจีบติดมั้ย
และหลังถูกปฏิเสธไป (ซึ่งเราว่าเราชัดเจนมากๆๆ เราไม่ใช่ผู้หญิงขี้หยอกหรือชอบให้ท่าใครค่ะ โดยเฉพาะคนที่เราไม่ได้อยากอะไรด้วย)
ทำไมถึงชอบตีมึนทำไม่เข้าใจอะคะ
ผู้ชายคนอื่นๆที่เราเคยเจอเวลาเขามาจีบ เช่นผู้ใช้ฟิตเนส (ยิมต้นเรื่องนี่แหละค่ะ) ถ้าเข้ามาขอเบอร์แล้วไม่ให้เขาก็ดูเข้าใจแล้วก็ไม่มายุ่งกับเราอีก
หรือผู้ชายที่ทำงานที่มาทำท่าหยอดๆแล้วเราไม่เล่นด้วยเขาก็ดู get นะคะหรือแม้กระทั่งคนในผับเองก็เถอะ
คือเราไม่ได้อยากมีปัญหากับใครนะคะ เราคิดว่าเรื่องนี้เราก็อยู่ของเราดีดีทำไมต้องมาทำให้เราอึดอัดใจด้วยเราไม่เข้าใจและเราไม่รู้ต้องทำยังไงแล้วอะค่ะ