เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ยามใดที่รัฐบาลอ้างว่ารักประชาชนมากกว่าผู้เห็นต่าง นั่นคืออาการหลงอำนาจเข้าครอบงำ ว่า เป็นการพยายามชี้นำสังคม และอาจทำให้ประชาชนไม่สบายใจ สิ่งที่แปลกใจคือหากยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ครองอำนาจจากการรัฐประหาร แล้วนายสุทธิชัย ออกมาสื่อสารแบบนี้อาจมีคนเห็นด้วย แต่ก็ไม่ปรากฎว่านายสุทธิชัย ได้ออกมาติติง หรือชี้นำเช่นนี้บ้าง
“อยากถามว่า ช่วงนั้นท่านหายไปไหน ติหลงยุคหรือไม่ กลับกันเมื่อเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำกลับออกมากล่าวหาอยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่นายสุทธิชัย พยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้หลงอำนาจ ไม่ฟังเสียงคนเห็นต่าง ไม่เป็นความจริง รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน วันนี้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองมาได้สองเดือน มีผลงานให้เห็นประชาชนสัมผัสได้ การทำนโยบายต่างๆ ก็รับฟังเสียงท้วงติงจากทุกภาคส่วน“ นายพร้อมพงษ์ กล่าว
นายพร้อมพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตก็เช่นเดียวกัน ที่จะมีฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่ดาหน้าออกมากล่าวหาว่านโยบายไม่ตรงปก เมื่อมีการปรับเปลี่ยนหลังการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว จะมาบอกว่าไม่รับฟังความเห็นต่างได้อย่างไร ทั้งนี้ หลักการสำคัญในการแจกเงินดิจิทัลก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม แค่มีการปรับตามคำทักท้วงให้เหมาะสม ซึ่งเรียกว่ารับฟังคนเห็นต่างตามระบอบประชาธิปไตย
นายพร้อมพงษ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่นายสุทธิชัย สื่อสารจึงมองได้ว่าเป็นการพยายามชี้นำสังคมอย่างมีอคติ มุ่งหวังดิสเครดิต ด้อยค่ารัฐบาล สื่อมวลชนต้องเสนอข่าวอย่างเป็นกลางและสร้างสรรค์ อย่าเอาอคติส่วนตัวที่ไม่ชอบพรรคหรือไม่รักรัฐบาล แบกความไม่พอใจผู้นำในอดีตมาทำลายหลักความเป็นกลางของสื่อ บ้านเมืองวันนี้บอบช้ำแตกแยกมามากพอแล้ว ประชาชนลำบากยากจน ประเทศเสียหายถึงเวลารักษาเยียวยา นายสุทธิชัยควรหันมาปรองดองสมานฉันท์ และสื่อสารเพื่อให้เกิดความสามัคคี ติเพื่อก่อ ตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง
“ขอให้นายสุทธิชัย หยุดได้แล้วกับความอาฆาตแค้นในอดีต เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม วันนี้รัฐบาลมีพรรคร่วม 11 พรรค 314 เสียง เพื่อไทยมี 141 เสียง เดินหน้าทำงานร่วมกัน แล้วท่านกลับมากล่าวหาว่าหลงอำนาจ อยากรู้ว่านายสุทธิชัย เอาส่วนไหนคิด” นายพร้อมพงษ์ กล่าว
‘พร้อมพงศ์’ จวกกลับ ‘สุทธิชัย’ ด้อยค่ารัฐบาลหลงอำนาจ ขอหยุดชี้นำสังคม ถึงเวลาปรองดอง งานนี้หยุ่นทำเพื่อไทยออกมากันตรึม
“อยากถามว่า ช่วงนั้นท่านหายไปไหน ติหลงยุคหรือไม่ กลับกันเมื่อเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำกลับออกมากล่าวหาอยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่นายสุทธิชัย พยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้หลงอำนาจ ไม่ฟังเสียงคนเห็นต่าง ไม่เป็นความจริง รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน วันนี้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองมาได้สองเดือน มีผลงานให้เห็นประชาชนสัมผัสได้ การทำนโยบายต่างๆ ก็รับฟังเสียงท้วงติงจากทุกภาคส่วน“ นายพร้อมพงษ์ กล่าว
นายพร้อมพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตก็เช่นเดียวกัน ที่จะมีฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่ดาหน้าออกมากล่าวหาว่านโยบายไม่ตรงปก เมื่อมีการปรับเปลี่ยนหลังการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว จะมาบอกว่าไม่รับฟังความเห็นต่างได้อย่างไร ทั้งนี้ หลักการสำคัญในการแจกเงินดิจิทัลก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม แค่มีการปรับตามคำทักท้วงให้เหมาะสม ซึ่งเรียกว่ารับฟังคนเห็นต่างตามระบอบประชาธิปไตย
นายพร้อมพงษ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่นายสุทธิชัย สื่อสารจึงมองได้ว่าเป็นการพยายามชี้นำสังคมอย่างมีอคติ มุ่งหวังดิสเครดิต ด้อยค่ารัฐบาล สื่อมวลชนต้องเสนอข่าวอย่างเป็นกลางและสร้างสรรค์ อย่าเอาอคติส่วนตัวที่ไม่ชอบพรรคหรือไม่รักรัฐบาล แบกความไม่พอใจผู้นำในอดีตมาทำลายหลักความเป็นกลางของสื่อ บ้านเมืองวันนี้บอบช้ำแตกแยกมามากพอแล้ว ประชาชนลำบากยากจน ประเทศเสียหายถึงเวลารักษาเยียวยา นายสุทธิชัยควรหันมาปรองดองสมานฉันท์ และสื่อสารเพื่อให้เกิดความสามัคคี ติเพื่อก่อ ตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง
“ขอให้นายสุทธิชัย หยุดได้แล้วกับความอาฆาตแค้นในอดีต เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม วันนี้รัฐบาลมีพรรคร่วม 11 พรรค 314 เสียง เพื่อไทยมี 141 เสียง เดินหน้าทำงานร่วมกัน แล้วท่านกลับมากล่าวหาว่าหลงอำนาจ อยากรู้ว่านายสุทธิชัย เอาส่วนไหนคิด” นายพร้อมพงษ์ กล่าว