ไม่มีงานขาวดำไหนที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าใจหายแว้บได้ขนาดนี้ วันแรกของงาน เราไปช่วยพ่อทำหน้าที่ ผู้ส่งวิญญาณ(สัปเหร่อ)วันนั้นผมได้ไปช่วยยกโลงศw
ของผู้วายชนม์ลงมาจากรถกระบะ(ซึ่งปกติผมไม่ค่อยได้ทำจุดนี้)
เราเห็นลูกสาวของผู้วายชนม์พอมาถึงงานปุ้บก็ทรุดเข่านั่งลงและร้องไห้เสียใจเพราะว่าแม่ของเธอนั้นเสียชีวิตกระทันหันและยังไม่ทันมีใครได้ทำใจรวมถึงตัวเธอเองด้วย
งานศw วันที่(2) ผมกับพ่อได้ไปเช็คดูว่าของที่จะใช้ทำพิธีมารึยัง(ในช่วงกลางวัน) ส่วนช่วงกลางคืนก็ไปนั่งเป็นแขกร่วมในพิธีสวดอภิธรรมตามปกติ
สังเกตดูใบหน้าของ ลูกสาวของผู้วายชนม์ สีหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
งานศw วันที่(3)ผมกับพ่อก็ไปเตรียมสถานที่สำหรับทำพิธีฌาปณกิจ และ ทำหม้อธาตุ(ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม และ ไฟ)ไฟนั้นจะใช้ตอนวนอ้อมเมรุ พอเตรียมเสร็จก็กลับบ้าน
งานศw วันที่(4) (ช่วงก่อนเริ่มพิธี)ฝนแรงผิดปรกติ
(ช่วงบ่ายๆ) พอเสียงเพลง ธรณีกรรแสง ขึ้นตอนที่ผมกำลังถือ หม้อธาตุออกมา ผมก็สังเกตเห็นว่า ลูกสาวของผู้วายชนม์ ร้องไห้ตาแดงก่ำ(ร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาแล้ว) พอถึงเวลาเคลื่อนขบวนไปทำพิธี เพลง ธรณีกรรแสง บรรเลงต่อเนื่อง อยู่ๆผมก็เจ็บแปลบๆที่อกข้างซ้าย และเหมือนจะน้ำตาไหลออกมาด้วยแต่ผมก็กลั้นน้ำตาจนสุดขีดไม่ให้ไหลออกมา
พออ้อมเมรุเสร็จก็ทำการเอ่ยชื่อผู้วายชนม์และทุบหม้อธาตุและไปช่วยพ่อดึงเตาเผาศwออกมา
จากนั้นบรรดาญาติๆของผู้วายชนม์ก็ยกโลงศw ขึ้นมาวางและวางดอกไม้จันทน์ จากนั้นก็เดินลงมาและให้พ่อเป็นผู้ทำพิธีอยู่ด้านบน(เพราะตัวผมเองเคยโดนผีเล่นงานในฝันบ่อยมาก ) แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยโดนแล้ว
แปลกมากที่การฌาปนกิจศwในรอบนี้ ไม่มีกลิ่นอะไรออกมาเลย
..........
{วันกลับธาตุ}[งานวันสุดท้าย] ซึ่งปรกติแล้วผมเองจะไปบ้างไม่ไปบ้างแล้วแต่ว่าจะตื่นนอนทันพ่อรึเปล่า
ตอนที่พ่อดึงสังกะสีที่รองเถ้ากระดูกไว้ออกมา ก็ทำพิธีพระคุณเจ้าและสามเณรชัก อนิจจา (บังสุกุลตุย)
เสร็จปุ้บผมกับพ่อก็ทำการหมุนสังกะสีที่รองเถ้ากระดูกกลับไปยังทิศตะวันออกและพระคุณเจ้าและสามเณรชัก อะจีรัง(บังสุกุลเป็น)เพื่อให้ผู้วายชนม์ไปสู่ภพภูมิที่ดีและได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
(หลังจากที่พิธีตรงนี้เสร็จ) ลูกสาวก็พูดหยอกล้อกับคุณแม่ ของเธอเสมือนแม่เธอยังคงมีชีวิตอยู่ ทำให้ผมรู้สึกเจ็บจุกในอกอีกครั้ง (จนผมแทบจะน้ำตาไหลตาม)[ทั้งที่ว่าผมไม่เคยรู้จักกับครอบครัวผู้วายชนม์มาก่อน] แต่ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน? (ก่อนพิธีตักบาตรทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้วายชนม์)จู่ๆลูกสาวของผู้วายชนม์ก็เกิดอาการร้องไห้จนแทบจะเป็นลมจนผมต้องบอกพ่อให้หันกลับไปดู จนทำให้ผมรู้ว่าการสูญเสียคนที่ให้กำเนิดเกิดมา โดยไม่ทันได้บอกกล่าวลากันเลยมันรู้สึกเจ็บแปลบๆเเค่ไหน
[ส่วนตัวผมในตอนนี้ก็พยายามทำใจไม่ให้ไปนึกถึงเรื่องในวันนั้น]อาการตอนนี้ก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ น่าจะเป็นปกติในวันพรุ่งนี้ครับ
........สุดท้ายแล้วคนเราก็ไม่สามารถจะ "ยื้อ"ชีวิตคนที่รักไว้ได้ในวันที่สายไปแล้ว
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้วายชนม์ด้วยนะครับ
งานศพที่ผมแปลกใจ
ของผู้วายชนม์ลงมาจากรถกระบะ(ซึ่งปกติผมไม่ค่อยได้ทำจุดนี้)
เราเห็นลูกสาวของผู้วายชนม์พอมาถึงงานปุ้บก็ทรุดเข่านั่งลงและร้องไห้เสียใจเพราะว่าแม่ของเธอนั้นเสียชีวิตกระทันหันและยังไม่ทันมีใครได้ทำใจรวมถึงตัวเธอเองด้วย
งานศw วันที่(2) ผมกับพ่อได้ไปเช็คดูว่าของที่จะใช้ทำพิธีมารึยัง(ในช่วงกลางวัน) ส่วนช่วงกลางคืนก็ไปนั่งเป็นแขกร่วมในพิธีสวดอภิธรรมตามปกติ
สังเกตดูใบหน้าของ ลูกสาวของผู้วายชนม์ สีหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
งานศw วันที่(3)ผมกับพ่อก็ไปเตรียมสถานที่สำหรับทำพิธีฌาปณกิจ และ ทำหม้อธาตุ(ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม และ ไฟ)ไฟนั้นจะใช้ตอนวนอ้อมเมรุ พอเตรียมเสร็จก็กลับบ้าน
งานศw วันที่(4) (ช่วงก่อนเริ่มพิธี)ฝนแรงผิดปรกติ
(ช่วงบ่ายๆ) พอเสียงเพลง ธรณีกรรแสง ขึ้นตอนที่ผมกำลังถือ หม้อธาตุออกมา ผมก็สังเกตเห็นว่า ลูกสาวของผู้วายชนม์ ร้องไห้ตาแดงก่ำ(ร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาแล้ว) พอถึงเวลาเคลื่อนขบวนไปทำพิธี เพลง ธรณีกรรแสง บรรเลงต่อเนื่อง อยู่ๆผมก็เจ็บแปลบๆที่อกข้างซ้าย และเหมือนจะน้ำตาไหลออกมาด้วยแต่ผมก็กลั้นน้ำตาจนสุดขีดไม่ให้ไหลออกมา
พออ้อมเมรุเสร็จก็ทำการเอ่ยชื่อผู้วายชนม์และทุบหม้อธาตุและไปช่วยพ่อดึงเตาเผาศwออกมา
จากนั้นบรรดาญาติๆของผู้วายชนม์ก็ยกโลงศw ขึ้นมาวางและวางดอกไม้จันทน์ จากนั้นก็เดินลงมาและให้พ่อเป็นผู้ทำพิธีอยู่ด้านบน(เพราะตัวผมเองเคยโดนผีเล่นงานในฝันบ่อยมาก ) แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยโดนแล้ว
แปลกมากที่การฌาปนกิจศwในรอบนี้ ไม่มีกลิ่นอะไรออกมาเลย
..........
{วันกลับธาตุ}[งานวันสุดท้าย] ซึ่งปรกติแล้วผมเองจะไปบ้างไม่ไปบ้างแล้วแต่ว่าจะตื่นนอนทันพ่อรึเปล่า
ตอนที่พ่อดึงสังกะสีที่รองเถ้ากระดูกไว้ออกมา ก็ทำพิธีพระคุณเจ้าและสามเณรชัก อนิจจา (บังสุกุลตุย)
เสร็จปุ้บผมกับพ่อก็ทำการหมุนสังกะสีที่รองเถ้ากระดูกกลับไปยังทิศตะวันออกและพระคุณเจ้าและสามเณรชัก อะจีรัง(บังสุกุลเป็น)เพื่อให้ผู้วายชนม์ไปสู่ภพภูมิที่ดีและได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
(หลังจากที่พิธีตรงนี้เสร็จ) ลูกสาวก็พูดหยอกล้อกับคุณแม่ ของเธอเสมือนแม่เธอยังคงมีชีวิตอยู่ ทำให้ผมรู้สึกเจ็บจุกในอกอีกครั้ง (จนผมแทบจะน้ำตาไหลตาม)[ทั้งที่ว่าผมไม่เคยรู้จักกับครอบครัวผู้วายชนม์มาก่อน] แต่ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน? (ก่อนพิธีตักบาตรทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้วายชนม์)จู่ๆลูกสาวของผู้วายชนม์ก็เกิดอาการร้องไห้จนแทบจะเป็นลมจนผมต้องบอกพ่อให้หันกลับไปดู จนทำให้ผมรู้ว่าการสูญเสียคนที่ให้กำเนิดเกิดมา โดยไม่ทันได้บอกกล่าวลากันเลยมันรู้สึกเจ็บแปลบๆเเค่ไหน
[ส่วนตัวผมในตอนนี้ก็พยายามทำใจไม่ให้ไปนึกถึงเรื่องในวันนั้น]อาการตอนนี้ก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ น่าจะเป็นปกติในวันพรุ่งนี้ครับ
........สุดท้ายแล้วคนเราก็ไม่สามารถจะ "ยื้อ"ชีวิตคนที่รักไว้ได้ในวันที่สายไปแล้ว
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้วายชนม์ด้วยนะครับ