ใครขี้เกียจอ่านเรื่องของเรา ไม่อยากรับรู้ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้ามไปอ่านข้อความสุดท้ายได้เลยยย
คือเรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่เด็กๆเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ มีแค่ปู่กับย่าที่เลี้ยงดูเรากับพี่ชายมา ก็อย่างว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เกิดเรายอมรับว่าเราเป็นเด็กขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความรักจากครอบครัวอย่างเพียงพอ พ่อกับแม่ไปทำงานที่ภูเก็ตนานๆทีกว่าจะกลับมาหาบ้าง พื้นฐานบ้านเราไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่น เรามักจะถูกกดดันเรื่องเรียนมาตลอด เปรียบเทียบกับลูกคนอื่นที่เรียนเก่งกว่า บางครั้งชอบใช้คำพูดรุนแรง เราพยายามทำทุกอย่างตั้งใจเรียนให้ดี ซึ่งเราเองก็เรียนไม่เก่ง แต่ก็จะพยายามทำให้ได้ดีกว่าคนอื่น ถึงแม้เราจะพยายามแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังดีไม่มากพอ ก็ยังถูกเอาไปเปรียบเทียบอยู่ดี เราไม่รู้นะบ้านบ้านอื่นพูดคุยกับลูกยังไง แต่บ้านเรา ใช้กู ขึ้นเสียง เราที่เป็รคนอ่อนไหวกับคำพูด คำพวกนั้นมันก็เจ็บอยู่นะ ครั้งนึงเคยไปเที่ยวสงกรานต์ เรางอแงร้องไห้ เราเข้าใจว่าเราดื้อ ทีนี้แม่ก็ใช้เบาะที่นั่งแข็งๆมาตีเรา แต่พี่มาห้ามไว้ แล้วก็ให้พ่อขับรถออกไป ทิ้งไว้เราที่นั้น แต่ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่ แต่ดีที่ขับรถไม่เร็ว พี่เลยวิ่งลงมาอุ้มเราขึ้นรถ อันนี้แค่คร่าวๆนะ มันมีเยอะกว่านั้น
พอโตมาเราก็แยกจากครอบครัวชัดเจน คือไม่ยุ่งไม่สุงสิง จากที่ติดพ่อแม่มาก จนกลายเป็นว่าเราไม่ชอบเขาเลย เราเกลียดบ้าน เราเกลียดครอบครัว ชอบทำเหมือนเราไม่ใช่ลูก มองคนอื่นดีกว่า จนมามีแฟน เราก็ติดแฟนมาก เหมือนยกโลกทั้งใบให้เขา ชีวิตรักเราไม่ได้ราบรื่น จนกลายเป็นว่าเราต้องการให้เขาสนใจตลอด เวลาทะเลาะกันก็ชอบเรียกร้องความสนใจโดยการทำร้ายตัวเอง (เราขอบอกก่อนนะว่าแฟนคนที่คบผ่านๆมาทำเราหนักสุด ทั้งด่า ทั้งนอกใจ ทั้งทำร้ายร่างกาย พูดจาแย่ๆใส่ ไม่สนใจความรูเสึกเรา) หนักสุดแค่กรีดแขนมั้ง พอนานเข้า ก็เคยคิดอย่าฆตต. วางแผนไว้อย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอเวลาจะทำจริง เราก็กลัวจะทรมาน ไม่กล้าทำ เราก็ทำแบบนั้นมาเรื่อย ไว่ว่าจะมีปัญหาอะไร กับแฟน กับครอบครัว เราก็มักจะกรีดแขนตัวเองตลอด ถามว่าเจ็บมั้ย ไม่เจ็บเลยสบายใจมากกว่า เรามีความสุขมากตอนทำ จริงๆคือเรามีสตินะ แต่เราห้ามตัวเองไม่ได้เลย เป็นอย่างนั้นเรื่อยมา จนมันถลำลึกเข้าไป เราพยายามหาวิธีการฆตต.โดยที่เราไม่ต้องเจ็บคือการกินยา แต่!!!!มันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ตายแต่มันทรามาน พอคิดงั้นปุ้ปเราก็ไม่ทำ ต่เราคิดมาเรื่อยๆ ห้ามตัวเองตลอดเวลาจคิดจะทำแบบนั้น มีครั้งนึงตัดสินใจทำ แต่ก็กลัว ก็เลยกินพาราไปแค่5-6เม็ด แค่นั้นเลยแต่เราไม่เป็นอะไรมากนะ
จนมาถึงครั้งนึง เราทะเลาะกับที่บ้านหนักมาก เรื่องเรียน เราเรียนไม่ไหว เพราะเรียนไปทำงานไป เกรดตก เราเลยท้อ อยากออกแล้วมาทำงานหาเงิน ครอบครัวเราเองก็ส่งไม่ไหว แต่ก็พยายามให้เราเรียนต่อไป แต่เราเหนื่อยมาก แถมโดนต่อว่าสารพัดกับคำพูดแย่ๆที่คนเป็นพ่อแม่พูดออกมา เราเสียใจมาก เลยหลุดพูดไปว่า งั้นก็ตัดแม่ตัดลูกกันไปเลย และเราก็ไม่ติดต่อกับครอบครัวนานมาก เราดิ่งมาก ดิ่งสุด ดิ่งแบบทำร้ายตัวเองทุกอย่าง ทั้งตบตีตัวเอง ทั้งกรีดแขนตัวเอง ทั้งหาเชือกมาผูกคอตัวเองสารพัดวิธีที่จะทำ ถ้าตอนนั้นเรากล้ามากพอ เราคงไม่มีวันได้มาพิมพ์ให้ทุกคนได้อ่าน ด้วยความเราอยู่หอพัก จะหาที่แขวนก็ไม่สะดวกเราเลยตัดสินใจ ใช้เชือกรัดคอตัวเองให้แน่นที่สุด ตอนนั้นเรารู้สึกสบายมาก โล่งใจสุด มีความสุขที่เรากำลังจะตายแล้ว แต่พอถึงวินาทีสุดท้ายที่เราหายใจไม่ออก เราก็เลยปล่อยเชือก ไม่กล้าทำ
สุดท้ายแล้ว เรามีแฟนคนนึงเขาดีกับเรามาก แต่ก็ทะเลาะกัน บวกกับมีปัญหากับที่บ้านมาตลอด เราก็ยังคิดที่อยากจะตายหลายครั้ง เพราะรับแรงกดดันหลายๆอย่างไม่ไหว โดดสะพานดีมั้ย โดดตึกดีมั้ย จะทรามานมั้ย แต่ก็มีแฟนคนนี้เขาซัพพอร์ตเราตลอด แต่พอมาถึงตอนนี้เราไม่ไหวจริงๆความเครียดสะสม ทุกคนเข้าใจมั้ยว่า ที่บ้านไม่ใช่เซฟโซนที่ดีของเรา แล้วโลกทั้งใบของเราก็คือแฟนเรา พอทะเลาะกัน จะเลิกกัน เราก็ไม่เหลือใครเคว้งไปหมด ครั้งนี้เราห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว ไม่มีสติแล้ว เราก็เลยกินยาไปอีกจ้าา เราไม่รู้กินไปเท่าไหร่ ไม่มีสติเลือนลาง กะเอาให้ตายจริงๆ แต่แฟนเราเขาก็ส่งเราไปโรงบาล ใกล้สุดแต่ก็เป็นเอกชน พอไปถึงก็ทำการสอบถาม คือเรามึนมากแต่คุยได้นิดหน่อย ตอบสนองช้า สักพักก็ทำการล้างท้อง วินาทีนี้แหละ ทรมานสุด หมอจะใส่หลอด แล้วไม่ใช่หลอดเล็กๆ ใหญ่มาก เข้าไปทางจมูกจนไปถึงกระเพราะ คือมันทรามานมาก ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบจะตายแล้ว เรารู้ตัวตลอด พอใส่แล้วก็ค้างอยู่แบบนั้น หลายชั่วโมงเลย ทั้งเจ็บทั้งอยากอ้วก ตอนใส่ไม่เท่าไหน แต่ตอนเอาออกคือ ที่สุดของที่สุดความเจ็บปวด เหตุการณ์นี้ทำให้เราคิดว่าเลยว่าจะไม่ทำอีก กลัวมาก แต่นั่นไม่ใช่ที่สุด บทเรียนที่สุดๆเลยก็คือ ค่ารักษา เจ็บมาก แถมเป็นเอกชนอีก ค่ารักษาประมาณ 70000-80000 ตอนที่แม่เรารู้ว่าเราทำแบบนี้ เขาก็ต่อว่าเราใหญ่เลย ว่าทำให้เขาเดือนร้อน หาเรื่องให้อีก ด่าเราว่าโง่ บอกแฟนเราว่าทำไมไม่ปล่อยให้เราตายไปเลย ช่วยทำไม ซึ่งจริงๆหลายๆคนก็อาจจะคิดว่าเราทำทำไม โง่จัง แต่เราจะบอกว่า ตอนนั้นเราสุดแล้วจริงๆ เราพยายามห้ามตัวเองมาตลอด ต่อสู้กับการอาการแบบนี้มาตลอด จนครั้งนี้ที่เราห้ามไม่ได้แล้ว
และสุดท้ายนี้ เรากำลังรักษาอาการโรคซึมเศร้าร่วมด้วย และอยากจะฝากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลายๆคนที่คิดจะทำแบบนี้ ว่าอย่าเลย นอกจากเราจะไม่ตาย เรายังต้องทรมาน เสียค่ารักษาไม่ใช่น้อย ต่อให้วิธีไหนก็ไม่ใช่ทางออก ใครที่คิดจะฆตต. ใครที่ไม่มีที่พึ่ง ไร้คนเคียงข้าง เราอยากจะบอกว่า เราอยากเป็นคนนึงที่อยากข้ามผ่านเรื่องร้ายๆไปพร้อมคุณ เพราะงั้นทางออกที่ดีที่สุด คือการพูดคุยกับใครสักคนที่พร้อมรับฟังแล้วเข้าใจ เราหวังว่าจะไม่เลือกทางผิดแบบเรา เราเชื่อว่าเส้นทางข้างหน้า จะมีแต่ความสุข เราก็หวังว่าต่อไป เราจะเดินทางไปอย่างสวยงาม
กินยาฆตต. ไม่ใช่ทางออกที่ดี!!! อย่าทำร้ายตัวเองง
คือเรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่เด็กๆเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ มีแค่ปู่กับย่าที่เลี้ยงดูเรากับพี่ชายมา ก็อย่างว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เกิดเรายอมรับว่าเราเป็นเด็กขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความรักจากครอบครัวอย่างเพียงพอ พ่อกับแม่ไปทำงานที่ภูเก็ตนานๆทีกว่าจะกลับมาหาบ้าง พื้นฐานบ้านเราไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่น เรามักจะถูกกดดันเรื่องเรียนมาตลอด เปรียบเทียบกับลูกคนอื่นที่เรียนเก่งกว่า บางครั้งชอบใช้คำพูดรุนแรง เราพยายามทำทุกอย่างตั้งใจเรียนให้ดี ซึ่งเราเองก็เรียนไม่เก่ง แต่ก็จะพยายามทำให้ได้ดีกว่าคนอื่น ถึงแม้เราจะพยายามแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังดีไม่มากพอ ก็ยังถูกเอาไปเปรียบเทียบอยู่ดี เราไม่รู้นะบ้านบ้านอื่นพูดคุยกับลูกยังไง แต่บ้านเรา ใช้กู ขึ้นเสียง เราที่เป็รคนอ่อนไหวกับคำพูด คำพวกนั้นมันก็เจ็บอยู่นะ ครั้งนึงเคยไปเที่ยวสงกรานต์ เรางอแงร้องไห้ เราเข้าใจว่าเราดื้อ ทีนี้แม่ก็ใช้เบาะที่นั่งแข็งๆมาตีเรา แต่พี่มาห้ามไว้ แล้วก็ให้พ่อขับรถออกไป ทิ้งไว้เราที่นั้น แต่ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่ แต่ดีที่ขับรถไม่เร็ว พี่เลยวิ่งลงมาอุ้มเราขึ้นรถ อันนี้แค่คร่าวๆนะ มันมีเยอะกว่านั้น
พอโตมาเราก็แยกจากครอบครัวชัดเจน คือไม่ยุ่งไม่สุงสิง จากที่ติดพ่อแม่มาก จนกลายเป็นว่าเราไม่ชอบเขาเลย เราเกลียดบ้าน เราเกลียดครอบครัว ชอบทำเหมือนเราไม่ใช่ลูก มองคนอื่นดีกว่า จนมามีแฟน เราก็ติดแฟนมาก เหมือนยกโลกทั้งใบให้เขา ชีวิตรักเราไม่ได้ราบรื่น จนกลายเป็นว่าเราต้องการให้เขาสนใจตลอด เวลาทะเลาะกันก็ชอบเรียกร้องความสนใจโดยการทำร้ายตัวเอง (เราขอบอกก่อนนะว่าแฟนคนที่คบผ่านๆมาทำเราหนักสุด ทั้งด่า ทั้งนอกใจ ทั้งทำร้ายร่างกาย พูดจาแย่ๆใส่ ไม่สนใจความรูเสึกเรา) หนักสุดแค่กรีดแขนมั้ง พอนานเข้า ก็เคยคิดอย่าฆตต. วางแผนไว้อย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอเวลาจะทำจริง เราก็กลัวจะทรมาน ไม่กล้าทำ เราก็ทำแบบนั้นมาเรื่อย ไว่ว่าจะมีปัญหาอะไร กับแฟน กับครอบครัว เราก็มักจะกรีดแขนตัวเองตลอด ถามว่าเจ็บมั้ย ไม่เจ็บเลยสบายใจมากกว่า เรามีความสุขมากตอนทำ จริงๆคือเรามีสตินะ แต่เราห้ามตัวเองไม่ได้เลย เป็นอย่างนั้นเรื่อยมา จนมันถลำลึกเข้าไป เราพยายามหาวิธีการฆตต.โดยที่เราไม่ต้องเจ็บคือการกินยา แต่!!!!มันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ตายแต่มันทรามาน พอคิดงั้นปุ้ปเราก็ไม่ทำ ต่เราคิดมาเรื่อยๆ ห้ามตัวเองตลอดเวลาจคิดจะทำแบบนั้น มีครั้งนึงตัดสินใจทำ แต่ก็กลัว ก็เลยกินพาราไปแค่5-6เม็ด แค่นั้นเลยแต่เราไม่เป็นอะไรมากนะ
จนมาถึงครั้งนึง เราทะเลาะกับที่บ้านหนักมาก เรื่องเรียน เราเรียนไม่ไหว เพราะเรียนไปทำงานไป เกรดตก เราเลยท้อ อยากออกแล้วมาทำงานหาเงิน ครอบครัวเราเองก็ส่งไม่ไหว แต่ก็พยายามให้เราเรียนต่อไป แต่เราเหนื่อยมาก แถมโดนต่อว่าสารพัดกับคำพูดแย่ๆที่คนเป็นพ่อแม่พูดออกมา เราเสียใจมาก เลยหลุดพูดไปว่า งั้นก็ตัดแม่ตัดลูกกันไปเลย และเราก็ไม่ติดต่อกับครอบครัวนานมาก เราดิ่งมาก ดิ่งสุด ดิ่งแบบทำร้ายตัวเองทุกอย่าง ทั้งตบตีตัวเอง ทั้งกรีดแขนตัวเอง ทั้งหาเชือกมาผูกคอตัวเองสารพัดวิธีที่จะทำ ถ้าตอนนั้นเรากล้ามากพอ เราคงไม่มีวันได้มาพิมพ์ให้ทุกคนได้อ่าน ด้วยความเราอยู่หอพัก จะหาที่แขวนก็ไม่สะดวกเราเลยตัดสินใจ ใช้เชือกรัดคอตัวเองให้แน่นที่สุด ตอนนั้นเรารู้สึกสบายมาก โล่งใจสุด มีความสุขที่เรากำลังจะตายแล้ว แต่พอถึงวินาทีสุดท้ายที่เราหายใจไม่ออก เราก็เลยปล่อยเชือก ไม่กล้าทำ
สุดท้ายแล้ว เรามีแฟนคนนึงเขาดีกับเรามาก แต่ก็ทะเลาะกัน บวกกับมีปัญหากับที่บ้านมาตลอด เราก็ยังคิดที่อยากจะตายหลายครั้ง เพราะรับแรงกดดันหลายๆอย่างไม่ไหว โดดสะพานดีมั้ย โดดตึกดีมั้ย จะทรามานมั้ย แต่ก็มีแฟนคนนี้เขาซัพพอร์ตเราตลอด แต่พอมาถึงตอนนี้เราไม่ไหวจริงๆความเครียดสะสม ทุกคนเข้าใจมั้ยว่า ที่บ้านไม่ใช่เซฟโซนที่ดีของเรา แล้วโลกทั้งใบของเราก็คือแฟนเรา พอทะเลาะกัน จะเลิกกัน เราก็ไม่เหลือใครเคว้งไปหมด ครั้งนี้เราห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว ไม่มีสติแล้ว เราก็เลยกินยาไปอีกจ้าา เราไม่รู้กินไปเท่าไหร่ ไม่มีสติเลือนลาง กะเอาให้ตายจริงๆ แต่แฟนเราเขาก็ส่งเราไปโรงบาล ใกล้สุดแต่ก็เป็นเอกชน พอไปถึงก็ทำการสอบถาม คือเรามึนมากแต่คุยได้นิดหน่อย ตอบสนองช้า สักพักก็ทำการล้างท้อง วินาทีนี้แหละ ทรมานสุด หมอจะใส่หลอด แล้วไม่ใช่หลอดเล็กๆ ใหญ่มาก เข้าไปทางจมูกจนไปถึงกระเพราะ คือมันทรามานมาก ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบจะตายแล้ว เรารู้ตัวตลอด พอใส่แล้วก็ค้างอยู่แบบนั้น หลายชั่วโมงเลย ทั้งเจ็บทั้งอยากอ้วก ตอนใส่ไม่เท่าไหน แต่ตอนเอาออกคือ ที่สุดของที่สุดความเจ็บปวด เหตุการณ์นี้ทำให้เราคิดว่าเลยว่าจะไม่ทำอีก กลัวมาก แต่นั่นไม่ใช่ที่สุด บทเรียนที่สุดๆเลยก็คือ ค่ารักษา เจ็บมาก แถมเป็นเอกชนอีก ค่ารักษาประมาณ 70000-80000 ตอนที่แม่เรารู้ว่าเราทำแบบนี้ เขาก็ต่อว่าเราใหญ่เลย ว่าทำให้เขาเดือนร้อน หาเรื่องให้อีก ด่าเราว่าโง่ บอกแฟนเราว่าทำไมไม่ปล่อยให้เราตายไปเลย ช่วยทำไม ซึ่งจริงๆหลายๆคนก็อาจจะคิดว่าเราทำทำไม โง่จัง แต่เราจะบอกว่า ตอนนั้นเราสุดแล้วจริงๆ เราพยายามห้ามตัวเองมาตลอด ต่อสู้กับการอาการแบบนี้มาตลอด จนครั้งนี้ที่เราห้ามไม่ได้แล้ว
และสุดท้ายนี้ เรากำลังรักษาอาการโรคซึมเศร้าร่วมด้วย และอยากจะฝากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลายๆคนที่คิดจะทำแบบนี้ ว่าอย่าเลย นอกจากเราจะไม่ตาย เรายังต้องทรมาน เสียค่ารักษาไม่ใช่น้อย ต่อให้วิธีไหนก็ไม่ใช่ทางออก ใครที่คิดจะฆตต. ใครที่ไม่มีที่พึ่ง ไร้คนเคียงข้าง เราอยากจะบอกว่า เราอยากเป็นคนนึงที่อยากข้ามผ่านเรื่องร้ายๆไปพร้อมคุณ เพราะงั้นทางออกที่ดีที่สุด คือการพูดคุยกับใครสักคนที่พร้อมรับฟังแล้วเข้าใจ เราหวังว่าจะไม่เลือกทางผิดแบบเรา เราเชื่อว่าเส้นทางข้างหน้า จะมีแต่ความสุข เราก็หวังว่าต่อไป เราจะเดินทางไปอย่างสวยงาม