เหตุผลที่เวลานี้เหมาะที่สุดในการเริ่มลงทุน Bitcoin และราคาเป้าหมาย Bull Run รอบนี้จะไปได้ถึงเท่าไร??

ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมและผ่านแนวต้านสำคัญเป็นการส่งสัญญาณว่าช่วงเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของขาขึ้นก่อนจะเข้าสู่ภาวะ Bullish ในปีหน้าเต็มตัว โดยราคาเป้าหมายคาดว่าจะอยู่ในระดับตั้งแต่ 5X เป็นต้นไป

สถิติคาดช่วงนี้เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้นลงทุน Bitcoin 
ข้อมูลจาก CryptoCon ที่ได้ศึกษาแพทเทิร์นของการเกิด Bitcoin Halving ตลอดสามครั้งที่ผ่านมา แสดให้เห็นว่าภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน Bitcoin จะพ้นช่วงของการสะสมราคา (Accumalation) หลังจากราคาได้ลงมาแตะจุดต่ำสุดในเดือนพฤศจิกายนปี 2022 ไปแล้วและกำลังเข้าสู่ช่วงต้นของตลาดขาขึ้นหลังจากปี 2024 เป็นต้นไป ซึ่งช่วงเวลาที่เกิด Halving ประมาณเดือนเมษายนหลังจากนั้นไปอีกสักระยะตลาดจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนจุดสูงสุดใหม่จะเกิดขึ้นในปี 2025 ช่วงปลายปี โดย CryptoCon คาดการณ์จากแพทเทิร์นในอดีต ประเมินจุดสูงสุดของรอบนี้ไว้ที่ระดับ 138,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเข้าสู่รอบของขาลงอีกครั้ง จากแพทเทิร์นที่ว่ามานี้ ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะเริ่มทะยอยสะสม Bitcoin และเริ่มต้นลงทุนในตลาดคริปโตอีกครั้ง

แค่ 1% ของเงินลูกค้าเดิมไหลเข้า Bitcoin ETF ก็มีเม็ดเงินมากกว่ามาร์เกตแคป Bitcoin ในตอนนี้แล้ว
มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการกองทุน 9 รายที่ยื่นขอจัดตั้ง Bitcoin ETF รวมกันเกือบ 15 ล้านล้านดอลลาร์  ถ้าคิดแบบคอนเซอร์เวทีพว่าทั้ง 9 รายดึงเงินจากลูกค้าเดิมของตัวเองมาแค่ 1% ของเงินลงทุนเดิม ก็จะมีเงินไหลเข้ามาใน Bitcoin แล้ว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ 
เทียบกับมาร์เกตแคปล่าสุดของ Bitcoin หลังราคาแตะ 34,000 ดอลลาร์ อยู่ที่ 668,000 ล้านดอลลาร์ แปลว่ามาร์เกตแคปของ Bitcoin จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดทันทีถ้าหาก Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติ 

การเกิดขึ้นของ Bitcoin ETF จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Bitcoin และตลาดคริปโตหลังจากนี้หลังจากที่รอคอยกันมายาวนานกว่าสองรอบไซเคิล
คาดราคา Bitcoin ปีแรกหลังเกิด ETF จะพุ่งขึ้น 74% เทียบเคียงกับ Gold ETF ในอดีต 

Charles Yu นักวิจัยของ Galaxy Digital ได้ขนาดของตลาดของ Bitcoin EF ที่นักลงทุนสถาบันและกองทุนจะเข้ามาลงทุน ในปีแรกว่าจะอยู่ที่ 14.4 ล้านล้านดอลลาร์หลังจากเปิดตัวและปีที่สามจะอยู่ที่ 38.6 ล้านล้านดอลลาร์

ตามการประมาณการของ Yu ราคา Bitcoin จะเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนแรกหลังจากเปิดตัว ETF ก่อนที่จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึง 3.7% ในเดือนที่ 12 โดยในปีแรกของการเปิดตัวคาดว่าราคา Bitcoin จะปรับตัวขึ้น 74% 

หากใช้ข้อมูลราคา Bitcoin จากวันที่ 30 กันยายน การเพิ่มขึ้น 74.1% จะทำให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นถึง 59,200 ดอลลาร์ โดยตัวเลข 74% นี้มาจากการประเมินผลกระทบต่อราคาที่อาจเกิดขึ้นจากการไหลเข้าของกองทุนสู่ผลิตภัณฑ์ Bitcoin ETF โดยใช้กองทุนทองคำ ETF เป็นเกณฑ์ 

Yu คาดการณ์ว่าขนาดตลาดที่สามารถเข้าถึงได้ของ Bitcoin ETF ในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 26.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่สองหลังจากเปิดตัวและ 39.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่สาม อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่าการประมาณการเหล่านี้ยังคงเป็นแบบอนุรักษ์นิยม

“ในระยะใกล้ เราคาดว่าตลาดอื่นๆ ทั่วโลกจะตามรอยสหรัฐอเมริกาในการอนุมัติ + เสนอผลิตภัณฑ์ Bitcoin ETF ที่คล้ายคลึงกันให้กับนักลงทุนที่กว้างขึ้น” Yu กล่าว

Markus Thielen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทบริการทางการเงินด้านสินทรัพย์ดิจิทัล Matrixport ประมาณการว่า Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 42,000 ถึง 56,000 ดอลลาร์หากคำขอ Bitcoin ETF ของ BlackRock ได้รับอนุมัติ

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า Bitcoin เคลื่อนไหวตามปริมาณเงิน M2 ยิ่งโลกปั้มเงิน Bitcoin ยิ่งพุ่ง!!
กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin  และปริมาณเงิน M2 หรือปริมาณเงินทั้งหมดที่อยู่ในระบบการเงินทั้งเงินสด เงินฝากทั้งหมด ที่ฝากอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเดินสะพัด และตราสารออมทรัพย์ระยะสั้นอื่นๆ เช่น ใบรับฝากเงิน เมื่อไรที่ตัวเลข M2 เพิ่มขึ้น Bitcoin ก็จะเป็นขาขึ้นไปด้วย

ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ M2 เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาจากการลดอัตราดอกเบี้ย การใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันช่วงเวลาที่ธนาคารกลางเข้มงวดนโยบายการเงิน ตลาดคริปโตจะประสบปัญหาในการสร้างโมเมนตัมขาขึ้น 

ตัวอย่างของตลาดกระทิงในปี 2021 เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของ M2 ที่ขยายตัวขึ้น 6% จากการที่ธนาคารกลางใหญ่ของโลกอย่างธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารประชาชนจีน อัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากไวรัสโควิด

จากสถิติจึงมองได้ว่า ปัจจัยที่จะผลักดันให้ราคา Bitcoin เป็น Bull Run นอกจาก Bitcoin ETF แล้วยังมีเรื่องนโยบายการเงินของสหรัฐฯด้วย ซึ่งปีหน้าหากดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาลงน่าจะส่งผลบวกต่อ Bitcoin ด้วย

ภาพใหญ่ของ Bitcoin กลับตัวเป็นช่วงแรกของขาขึ้นแล้ว
จากกราฟเทคนิคนับตั้งแต่ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 15,000 ดอลลาร์ ช่วงปลายปี 2022 หลังจากนั้น Bitcoin มีการยกไฮยกโลว์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเป็นช่วงที่มีการเก็บของโดยรายใหญ่ตั้งแต่ช่วงราคา 

15,000-25,000 ดอลลาร์ สังเกตุได้จากแท่งวอลลุ่มที่หนามาก  ดังนั้นการกลับตัวของราคาจริงๆคือเริ่มมาตั้งแต่ที่สามารถยืนเหนือ 20,000 ดอลลาร์ ได้ในไตรมาสแรกปีนี้แล้ว 

การ Break ทั้ง Neckline และแนวต้านที่ 31,700 ดอลลาร์ และราคายืนเหนือเส้น 200  สัปดาห์ เป็นการยืนยันทางเทคนิคว่า Bitoin ผ่านจุดต่ำสุด (ไปนานแล้ว) และกำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะกระทิง

วิเคราะห์จาก Elliot Wave ตั้งแต่ขึ้นจาก 15,000 ดอลลาร์ มาถึงตอนนี้ มีโอกาสที่จะเป็น Wave1 หลังจบขา C ไปแล้ว ซึ่งคาดหวังการปรับตัวขึ้นได้ถึงระดับ 50%  ของ Fibonacci ที่ 42,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเป้าของรอบนี้ แต่หลังจากนั้น Bitcoin จะเข้าสู่การปรับฐานของ Wave2 ก่อนเข้าสู่ Wave3 ที่จะเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่

ถ้าดูจาก Wave ใหญ่ที่สุด ก็มีโอกาสสูงที่ Bitcoin จะจบ Wave2 ใหญ่และกำลังเข้าสู่ Wave3 ใหญ่ ส่วนจะมีเป้าที่เท่าไร ยังไม่ต้องไปมองล่ะกันเพราะยังไงก็แตะหลักแสนดอลลาร์ได้ ดูกันไปทีละขั้นดีกว่า

โดยสรุป ช่วงนี้เป็นช่วงของการโกยกำไรในช่วงสั้นก่อนที่น่าจะมีการปรับฐานแรงอีกสักรอบก่อน Halving (รอบปี 2020 ก็มีแบบนี้ในช่วงเดือนมีนาคมที่ทั่วโลกเทขายทุกสินทรัพย์จากโควิด) แต่ตราบใดราคาไม่หลุดระดับ 25,000 ดอลลาร์ ก็ยังมองได้ถึงการฟื้นตัวที่มีต่อไป ถ้าหลุดราคานี้ต้องชะลอลงทุนมาปรับกลยุทธ์กันใหม่ อย่างไรก็ตาม Elliot Wave เป็นแค่เครื่องมือคาดการณ์แนวทาง อย่าใช้ตัดสินทั้งหมด ต้องดูเครื่องมืออื่นประกอบด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่