หลังช่วงที่สอบมิดเทอมไปแล้วก็จะเข้าสู่ช่วง 'งานเลี้ยง' เป็นงานเลี้ยงของภาควิชาที่จัดกันเป็นวัฒนธรรมที่จัดกัน 'เกือบ' ทุกปี โดยรายละเอียดของงานเลี้ยงนี้เนี่ย เป็นแนว กินดื่ม ทำกิจกรรม พบปะรุ่นพี่ ซึ่งก็จะได้คำแนะนำต่างๆมาจากพี่ๆที่จบไปแล้ว ทำงานแล้ว และกำลังเรียนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกกรมที่สานสัมพันธ์กันในภาคได้อย่างดี ในส่วนตัวงานเลี้ยงครั้งแรกของผม ก็ต้องหามกันกลับ เป็นภาพที่เห็นได้ชินตาเมื่อคุณเป็นรุ่นน้องที่น่ารักของพี่ๆ พี่ๆก็จะรักคุณมาก รักมาก ดื่มมาก ความรักล้นออกปากกันเลยทีเดียว
งานเลี้ยงของพีๆที่จัดนั้นทำให้ลืมความเครียดหลังการสอบได้ แต่ก็เพียงแค่ชั่วคราว เวลาแห่งความปั่นป่วนของการสอบครั้งแรกก็มาถึง 'การประการคะแนน' นั้นเอง คะแนนผมดีมากๆในมุมมองส่วนตัว แค่ก็จะมีตัวที่น่าเป็นกังวลอยู่ตัวนึง วิชาที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ แคลคูลัส1 เป็นวิชาที่สอบ 100% อิ่มๆ ผมทำได้เพียง 10.5 ในครึ่งแรก จากคำแนะนำของทุกๆคนที่ผมไปถามมา 'ดรอป' เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ความรู้สึกตอนที่ดรอปครั้งแรกมันก็อาจจะมีวิตกในเรื่องของการจบทันเพื่อนไหม ต้องไปเรียนตอนไหน ตัวต่อไปจะไหวมั้ย ซึ่งก็ต้องมากางแผนการเรียนของตัวเองอีกครั้งว่าจะเอายังไงต่อดีกับชีวิต ผมปรึกษากับที่บ้านเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร สู้ใหม่เทอมหน้า ก็พอจะชื้นๆใจขึ้นมาบ้าง
เข้าช่วงสอบไฟนอล ผมไม่มีวิชาไหนเลยที่ต้องเป็นกังวลจากการคำนวณคะแนนของตัวเองแล้วน่าจะรอดสบายๆ ลุ้นเกรดสวยๆ ช่วงเวลาสู่การสอบไฟนอลเป็นอะไรที่สั้นมาก เหมือนคุณยังไม่ผานมิดเทอมมาเลย ยังไม่ได้รู้สึกว่าเรียนอะไรเพิ่มเติมมากมาย แต่รู้ตัวก็สอบเสร็จไปแล้ว การสอบของผมและชานนท์ผ่านไปด้วยการสอบเขียนแบบ วิชาที่ถ้าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็อาจจะรอด พวกผมมั่นใจมากเลยมีเวลาไปติวสอบให้กับกิต ซึ่งสอบหลังพวกผมประมาณ 1 เดือน แล้วผมก็พึ่งมารู้ความจริงว่า ขอสอบวิชาเขียนแบบเป็นข้อสอบชุดเดียวกันกับที่พวกผมสอบไปโดยเป็นการบอกเล่าจากกิต ผมเลยคิดว่าหลักสูตรนานาชาติก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ไม่ใช่ทุกวิชาหรอกนะที่เหมือนกัน
การปิดเทอมใหญ่ครั้งแรกก็จะมีเพื่อนบางกลุ่มที่กลับบ้านบ้าง อยู่ยาวบ้าง ซึ่งผมก็กลับบ้านมาหาครอบครัว มาอยู่บ้านฮิลใจตัวเองจากตัวที่ดรอปไป จนกระทั่งเกรดออก ผมตื่นเต้นมากกับเกรดเทอมแรกที่ออกมา ไม่ต่างจากตอนเข้ามัธยมต้นสักเท่าไหรเลย เป็นเกรดปกติของคนที่เรียนคณะนี้ แต่เป็นเกรดที่น่าเป็นห่วงในสายตาของคนที่เห็นตัวเลขแบบนี้
การใช้ชีวิตที่บ้านสำหรับผมถือเป็นเรื่องที่สบายที่สุดแล้ว ไม่ต้องออกไปข้างนอกตากแดดร้อนๆในเมืองกรุง ออกไปก็เสียเงินแล้ว อยู่บ้านทำกับข้าวกินเอง เล่นกับหมาที่บ้าน คุยกับต้นไม้ นอนทั้งวันไม่ออกไปไหน สบายสุดๆ ผมไม่ออกจากบ้านจนที่บ้านคิดว่าผมมีปัญหาเก็บไว้ในใจคนเดียว แต่จริงๆคือผมแค่ขี้เกียจออกไปข้างนอกเท่านั้นเอง ผมคิดว่าผมใช้ชีวิตอยู่ที่หอนั้นลำบากพอแล้ว กลับบ้านจะให้ออกไปไหน คุณพ่อคุณแม่ผมก็ไม่ค่อยจะว่างกันเท่าไหร อยู่บ้านไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็จะมีพี่สาวผมที่กลับมา เป็นเหมือนมือที่ดึงผมออกจากเซฟโซนของผม พี่สาวผมชอบเที่ยวมาก ซึ่งตรงข้ามกับผมสุดๆ โดยการออกไปเที่ยวของพี่สาวแต่ละครั้งจะไม่สามารถไปคนเดียวได้ เนื่องจากที่บ้านเป็นห่วง ผมก็ต้องถูกคุณพ่อคุณแม่บังคับออกไปด้วย ขับรถไปไหว้พระ ถือเป็นกิจกรรมหลังของผมกับพี่ เพราะการไปนั่งคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือเดินห้าง ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร ผมเป็นพวกไม่ชอบฝูงชนแหละ
พูดคุยเล็กน้อย
ep นี้อาจจะเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดในหลายๆส่วนในเนื้อเรื่องข้างต้นนี้ แต่ช่วงเวลานี้ของผมก็คิดว่าเป็นเทอมที่สบายที่สุดแล้ว ได้กลับบ้านได้อยู่ในเซฟโซนของตัวเอง
ซึ่งถ้าเพื่อนๆได้แวะมาอ่านเรื่องราวในกระทู้นี้แล้วก็สามารถมาคอมเม้นพูดคุยกันได้เลยนะครับ ผมก็อยากรู้มุมมองหลายๆส่วนของแต่ละท่านด้วย
ขอบคุณครับ
เรียนมหาลัยได้อะไรบ้าง ep. 2
งานเลี้ยงของพีๆที่จัดนั้นทำให้ลืมความเครียดหลังการสอบได้ แต่ก็เพียงแค่ชั่วคราว เวลาแห่งความปั่นป่วนของการสอบครั้งแรกก็มาถึง 'การประการคะแนน' นั้นเอง คะแนนผมดีมากๆในมุมมองส่วนตัว แค่ก็จะมีตัวที่น่าเป็นกังวลอยู่ตัวนึง วิชาที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ แคลคูลัส1 เป็นวิชาที่สอบ 100% อิ่มๆ ผมทำได้เพียง 10.5 ในครึ่งแรก จากคำแนะนำของทุกๆคนที่ผมไปถามมา 'ดรอป' เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ความรู้สึกตอนที่ดรอปครั้งแรกมันก็อาจจะมีวิตกในเรื่องของการจบทันเพื่อนไหม ต้องไปเรียนตอนไหน ตัวต่อไปจะไหวมั้ย ซึ่งก็ต้องมากางแผนการเรียนของตัวเองอีกครั้งว่าจะเอายังไงต่อดีกับชีวิต ผมปรึกษากับที่บ้านเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร สู้ใหม่เทอมหน้า ก็พอจะชื้นๆใจขึ้นมาบ้าง
เข้าช่วงสอบไฟนอล ผมไม่มีวิชาไหนเลยที่ต้องเป็นกังวลจากการคำนวณคะแนนของตัวเองแล้วน่าจะรอดสบายๆ ลุ้นเกรดสวยๆ ช่วงเวลาสู่การสอบไฟนอลเป็นอะไรที่สั้นมาก เหมือนคุณยังไม่ผานมิดเทอมมาเลย ยังไม่ได้รู้สึกว่าเรียนอะไรเพิ่มเติมมากมาย แต่รู้ตัวก็สอบเสร็จไปแล้ว การสอบของผมและชานนท์ผ่านไปด้วยการสอบเขียนแบบ วิชาที่ถ้าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็อาจจะรอด พวกผมมั่นใจมากเลยมีเวลาไปติวสอบให้กับกิต ซึ่งสอบหลังพวกผมประมาณ 1 เดือน แล้วผมก็พึ่งมารู้ความจริงว่า ขอสอบวิชาเขียนแบบเป็นข้อสอบชุดเดียวกันกับที่พวกผมสอบไปโดยเป็นการบอกเล่าจากกิต ผมเลยคิดว่าหลักสูตรนานาชาติก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ไม่ใช่ทุกวิชาหรอกนะที่เหมือนกัน
การปิดเทอมใหญ่ครั้งแรกก็จะมีเพื่อนบางกลุ่มที่กลับบ้านบ้าง อยู่ยาวบ้าง ซึ่งผมก็กลับบ้านมาหาครอบครัว มาอยู่บ้านฮิลใจตัวเองจากตัวที่ดรอปไป จนกระทั่งเกรดออก ผมตื่นเต้นมากกับเกรดเทอมแรกที่ออกมา ไม่ต่างจากตอนเข้ามัธยมต้นสักเท่าไหรเลย เป็นเกรดปกติของคนที่เรียนคณะนี้ แต่เป็นเกรดที่น่าเป็นห่วงในสายตาของคนที่เห็นตัวเลขแบบนี้
การใช้ชีวิตที่บ้านสำหรับผมถือเป็นเรื่องที่สบายที่สุดแล้ว ไม่ต้องออกไปข้างนอกตากแดดร้อนๆในเมืองกรุง ออกไปก็เสียเงินแล้ว อยู่บ้านทำกับข้าวกินเอง เล่นกับหมาที่บ้าน คุยกับต้นไม้ นอนทั้งวันไม่ออกไปไหน สบายสุดๆ ผมไม่ออกจากบ้านจนที่บ้านคิดว่าผมมีปัญหาเก็บไว้ในใจคนเดียว แต่จริงๆคือผมแค่ขี้เกียจออกไปข้างนอกเท่านั้นเอง ผมคิดว่าผมใช้ชีวิตอยู่ที่หอนั้นลำบากพอแล้ว กลับบ้านจะให้ออกไปไหน คุณพ่อคุณแม่ผมก็ไม่ค่อยจะว่างกันเท่าไหร อยู่บ้านไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็จะมีพี่สาวผมที่กลับมา เป็นเหมือนมือที่ดึงผมออกจากเซฟโซนของผม พี่สาวผมชอบเที่ยวมาก ซึ่งตรงข้ามกับผมสุดๆ โดยการออกไปเที่ยวของพี่สาวแต่ละครั้งจะไม่สามารถไปคนเดียวได้ เนื่องจากที่บ้านเป็นห่วง ผมก็ต้องถูกคุณพ่อคุณแม่บังคับออกไปด้วย ขับรถไปไหว้พระ ถือเป็นกิจกรรมหลังของผมกับพี่ เพราะการไปนั่งคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือเดินห้าง ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร ผมเป็นพวกไม่ชอบฝูงชนแหละ
พูดคุยเล็กน้อย
ep นี้อาจจะเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดในหลายๆส่วนในเนื้อเรื่องข้างต้นนี้ แต่ช่วงเวลานี้ของผมก็คิดว่าเป็นเทอมที่สบายที่สุดแล้ว ได้กลับบ้านได้อยู่ในเซฟโซนของตัวเอง
ซึ่งถ้าเพื่อนๆได้แวะมาอ่านเรื่องราวในกระทู้นี้แล้วก็สามารถมาคอมเม้นพูดคุยกันได้เลยนะครับ ผมก็อยากรู้มุมมองหลายๆส่วนของแต่ละท่านด้วย
ขอบคุณครับ