อย่ากู้เงินมาแต่งงาน ต่อให้หนีไปสร้างบ้านไกลพ่อแม่ไกลญาติ ก็ยังต้องทุกข์จนต้องเลิกกัน

หนุ่มสาวรักกัน เป็นเรื่องของคนสองคน จริงอยู่ครับ แต่เมื่อต้องสร้างครอบครัว เรื่องมันยุ่งตรงนี้แหละที่มันไม่ใช่แค่สองคนอีกต่อไป

ทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงต่อรองผู้ใหญ่แล้ว แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น อยากจะให้เป็นเรื่องของคนสองคน แบบไม่แต่งเลยยิ่งดี แต่เดี๋ยวคนนั้นคนนี้ก็จะว่าไม่ดี ญาติไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ผู้ใหญ่ที่รักของสองฝั่งเออออไปตามญาติด้วย สุดท้ายก็ต้องยอมคนละครึ่งทาง เอาก็เอา จัดงานแต่ง ต่อให้กู้มาก็ตาม (ขนาดว่าขอจัดเล็ก ๆ เชิญแค่ญาติกับเพื่อนสนิท งบบานอย่างเหลือเชื่อ) ยอมให้แค่เรื่องงานแต่ง ส่วนเรื่องบ้านขออย่ามายุ่งการตัดสินใจกันเลย ขอไปอยู่ไกลจากญาติ ไกลจากครอบครัว ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายอีก

ผ่านงานแต่งไปก็ชื่นมื่นอยู่ครับ ข้าวใหม่ปลามัน ช่วยกันทำมาหากิน แต่ใครจะคิดว่าจะมีโควิดทำให้สถานการณ์เปลี่ยน ฝ่ายหญิงตกงาน ฝ่ายชายยังพอทำงานประจำได้ไหว ถึงรายได้จะลดลง ก็พยายามช่วยกันประคอง แต่เหมือนยิ่งพยายาม ยิ่งเจอมรสุมหนัก ทั้งลูกที่เพิ่งเกิดมา ค่าบ้าน ค่ารถ ประดังประเดมาตอนที่เป็นเสาหลักได้คนเดียว

ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จะถูกฝ่ายหญิงยอกย้อนไปถึงวันแต่งงาน ที่ไม่น่าใจอ่อนกู้เงินเลย ไม่งั้นตอนนี้มีทุนรอนพอใช้แล้ว โดนบ่นแบบนี้ซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน สุดท้ายไปกันไม่ได้จริง ๆ ยอมเลิกรา ปล่อยให้ฝ่ายหญิงกลับบ้านเขาไปพร้อมลูก ฝ่ายชายยอมอยู่ตัวคนเดียวในบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด, ค่างวดรถ, และหนี้จากงานแต่งที่ยังไม่หมด ส่วนลูกขอส่งเสียให้เท่าที่จะพอทำได้ตามหน้าที่ของคนเป็นพ่อ

นี่คือเรื่องจริงจากพี่ชายผมครับ ผมทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากรับฟังเขา ช่วยเปย์ค่าขนมหลานบ้าง เคยค้านเขาเรื่องกู้เงินงานแต่ง แต่ก็ไม่ได้ผล ผมชีวิตที่ยังไม่เคยถึงจุดนั้น อาจจะไม่เข้าใจเหตุผลเขาเท่าไหร่ก็ได้ว่าทำไมถึงยอมขนาดนั้น แต่รับฟังเขาระบายมาทั้งหมดก็สะท้อนใจจริง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่