JJNY : คาดสงครามขยายวงกว้าง│อิสราเอลแจงปมยิงถล่ม“ขบวนรถพยาบาล”│อดีตเลขาฯสมช.แนะรบ.รับร่างกอ.รมน.│ทุเรียนป่วนซ้ำรอยสวนยาง

ฮิซบอลเลาะห์ คาดสงครามอิสราเอล-ฮามาส ขยายวงกว้าง
https://tna.mcot.net/world-1267015

 
เลบานอน 4 พ.ย.-ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เตือนการสู้รบอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส จะลุกลามสู่ระดับภูมิภาคในตะวันออกกลาง ขอบคุณกบฏฮูธี และกองกำลังชีอะต์ ที่ร่วมต่อสู้

ไซอิด ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน แถลงผ่านโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ตั้งแต่การสู้รบอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ปะทุขึ้น โดยเตือนถึงความเป็นไปได้ที่เหตุขัดแย้งจะลุกลามสู่ระดับภูมิภาคในตะวันออกกลาง และกล่าวโทษสหรัฐ มีส่วนทำให้เกิดการสู้รบในฉนวนกาซ่า
 
ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ยังกล่าวขอบคุณกลุ่มกองกำลังพันธมิตรของฮิซบอลเลาะห์ คือ กบฏฮูธี ในเยเมน และกองกำลังชีอะต์ในอิรัก ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้กับสหรัฐฯ และอิสราเอล และว่าการรุกโจมตีของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทำให้อิสราเอลต้องตรึงกำลังทหาร และอาวุธไว้ใกล้พรมแดนเลบานอน แทนที่จะเป็นเขตฉนวนกาซ่า และเวสต์แบงค์.-สำนักข่าวไทย


 
อิสราเอลแจงปมยิงถล่ม “ขบวนรถพยาบาล” ในฉนวนกาซ่า-อ้างโยงกองกำลังฮามาส
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7947292

อิสราเอลแจงปมยิงถล่ม – เอเอฟพี รายงานวันที่ 4 พ.ย. ว่า สภาเสี้ยววงเดือนแดงแห่งปาเลสไตน์ (พีอาร์ซีเอส) แถลงประณามอิสราเอลหลังโจมตีขบวนรถพยาบาลฉุกเฉินในพื้นที่ ฉนวนกาซ่า เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น
 
แถลงการณ์ระบุว่าหนึ่งในรถพยาบาลถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ยิงโดยกองกำลังปกป้องอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ห่างจากทางเข้าโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ในเมืองกาซ่าเพียง 2 เมตร

การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 15 รายและบาดเจ็บอีก 60 ราย นอกจากนี้รถพยาบาลอีกคันของกระทรวงสาธารณสุขก็ตกเป็นหมายโดยตรงจากขีปนาวุธและถูกยิงห่างจากโรงพยาบาลเดียวกันราว 1 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมย้ำว่าการจงใจพุ่งเป้าไปที่ทีมแพทย์ถือเป็น “การละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรงและเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

ขณะที่กองกำลังปกป้องอิสราเอลชี้แจงว่าเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่รถพยาบาลที่มีข้อมูลว่าถูกใช้โดยกองกำลังฮามาสใกล้กับตำแหน่งที่ซ่องสุมในเขตสู้รบ “หน่วยปฏิบัติการก่อการร้ายของกลุ่มฮามาสจำนวนหนึ่งถูกสังหารในการโจมตีครั้งนี้” ไอดีเอฟระบุ
 
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานจากจุดเกิดเหตุว่ามีผู้เสีชีวิตหลายรายนอนเรียงรายเกลื่อนถนนข้างๆ รถฉุกเฉินที่ได้รับความเสียหายด้านนอกโรงพยาบาลซึ่งเต็มไปด้วยพลเรือนและผู้ได้รับบาดเจ็บที่ต้องการหาที่พักพิงจากเหตุระเบิดโจมตีของอิสราเอล
 
ด้านกองกำลังฮามาสกล่าวว่าอิสราเอลโจมตีขบวนรถพยาบาลที่กำลังขนส่งผู้บาดเจ็บจากเมืองกาซ่าไปยังด่านราฟาห์ ชายแดนตอนใต้ติดกับอียิปต์
 
ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าตกใจอย่างยิ่งกับรายงานเหตุโจมตีรถพยาบาลที่อพยพผู้ป่วยใกล้กับโรงพยาบาลอัล-ชิฟาในฉนวนกาซ่าซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
 
เราขอย้ำว่าผู้ป่วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สิ่งอำนวยความสะดวก และรถพยาบาลจะต้องได้รับการปกป้องตลอดเวลาและทุกครั้ง” ดร.กีบรีเยซุสระบุย้ำผ่านโพสต์บนเพจเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์
 
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกระบถว่าโรงพยาบาลอัล-ชิฟามีอัตราการใช้เตียงผู้ป่วยอยู่ที่ร้อยละ 164 พร้อมเตือนว่าการขาดแคลนเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตทันที โดยเฉพาะผู้ได้รับบาดเจ็บที่มีมากกว่า 23,500 ราย
 
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในกาซ่าเพิ่มเป็นกว่า 9,257 ราย รวมกับเหยื่อในอิสราเอล 1,400 รายจากเหตุฮามาสโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดสูงเกือบ 10,700 ราย



อดีตเลขาฯสมช. ชี้ 7 เหตุผล แนะรบ. รับรองร่างกอ.รมน. เข้าสภาฯ ให้ผู้แทนได้อภิปราย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4266494

อดีตเลขาฯสมช. ชี้ 7 เหตุผล แนะรบ. ควรรับรอง ร่างกม.กอ.รมน. เข้าอภิปราย ชูบทพลเรือน นำทหาร ในภารกิจความมั่นคงภายใน
 
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เขียนเสนอแนะถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกลเสนอกฎหมาย ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) คำตอบที่จะเกิดการยอมรับของทุกฝ่ายคือ รัฐบาลควรเห็นพ้อง ให้นำร่างกฎหมายฉบับนี้ไปถกกันในสภาผู้แทนราษฏร โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้ ประกอบการพิจารณา

1. ภัยคุกคามคอมมิวนิสต์จากสงครามเย็นในอดีต ทำให้รัฐบาลเผด็จการทหารในขณะนั้น นำไปเป็นมูลเหตุออกกฎหมายการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ เพื่อเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายทหารเข้ามามีอำนาจหน้าที่บทบาทเป็นเจ้าภาพหลักในงานรักษาความมั่นคงภายในได้ผ่านองค์กรกอ.รมน. จนกระทั่งปีพ.ศ.2543 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้มายกเลิกกฎหมายดังกล่าว ทำให้ทหารหมดบทบาทงานรักษาความมั่นคงภายในไป
 
2. พอปีพ.ศ.2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เข้ามายึดอำนาจ มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ฉวยโอกาสทิ้งทวนออกกฎหมายพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ.2551 ซึ่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ทุรังบังคับใช้กันมาได้จนถึงปัจจุบัน ในพรบ.นี้กำหนดให้มีกอ.รมน.เป็นหน่วยงานราชการรูปแบบพิเศษขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยกำหนดให้นายกฯเป็นผอ.รมน. , ผบ.ทบ.เป็นรอง ผอ.รมน. และเสธ.ทบ.เป็นเลขาธิการกอ.รมน. ถือเป็นการนำฝ่ายทหารกลับมามีอำนาจหน้าที่บทบาทเป็นเจ้าภาพหลักในงานการรักษาความมั่นคงภายในอีกครั้งนั่นเอง
 
3. กฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในถือเป็นกฎหมายตามแบบสากลที่มีบังคับใช้ในประเทศประชาธิปไตยที่เจริญแล้วถ้วนหน้า ตัวแบบกฎหมายเป็นการให้อำนาจในการบูรณาการอำนาจหน้าที่ บุคลากร (พลเรือน ตำรวจ ทหาร) อาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพยากรอื่นๆ ในงานด้านความมั่นคง รวมทั้งการตั้งหน่วยงานพิเศษหรือศูนย์เฉพาะกิจขึ้นมาเป็นเจ้าภาพตามจำเป็นเพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพรองรับการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามเดิม หรือภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การก่อการร้ายสากล อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ การฟอกเงิน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โรคอุบัติใหม่ เป็นต้น และจะกำหนดให้ฝ่ายพลเรือน และตำรวจ เป็นผู้มีบทบาทเป็นเจ้าภาพหลักในการรับผิดชอบขับเคลื่อน แต่ของประเทศไทยกลับไปกำหนดไว้ในพรบ.กอ.รมน.ให้ฝ่ายทหารเป็นผู้มีบทบาทเป็นเจ้าภาพหลัก ซึ่งไม่เป็นไปตามแบบสากลที่เขาปฏิบัติกัน
 
4. กฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในถือเป็นเครื่องมือเติมเต็มให้กับหน่วยงานรักษาความมั่นคงภายในซึ่งฝ่ายพลเรือน และตำรวจต้องเป็นเจ้าภาพหลักตามอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของตนโดยตรงอยู่แล้ว และมีเครื่องมือนี้มาเสริมใช้บูรณาการการแก้ไขปัญหาความมั่นคงภายในให้บังเกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง ขณะเดียวกันถ้าเกิดการเผชิญหน้ารับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ยังไม่อาจกำหนดได้ว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหา รัฐบาลก็สามารถใช้อำนาจของกฎหมายดังกล่าวจัดตั้งหน่วยงานพิเศษหรือศูนย์เฉพาะกิจขึ้นมารับมือเฉพาะหน้าไปก่อนได้ทันที และเมื่อสถานการณ์ความมั่นคงภายในนั้นคลี่คลายลงก็มาพิจารณาภายหลังว่าจะมอบภารกิจนี้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานความมั่นคงเดิมใดหรืออาจจำเป็นต้องตั้งเป็นหน่วยงานใหม่ขึ้นมารับผิดชอบก็พิจารณาตกลงใจดำเนินการกันต่อไป
 
5. งบประมาณ 10 ปีกว่า 1 แสนล้านของกอ.รมน.ได้สร้างผลงานการรักษาความมั่นคงภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คุ้มค่าหรือไม่
 
6. ผลการเลือกตั้งส.ส.ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ปีกพรรคก้าวไกลรวมกับพรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะมีส.ส.เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ เหตุเพราะประชาชนเขาเห็นด้วยกับนโยบายที่หาเสียงไว้ว่า จะปฏิรูปกองทัพสร้างทหารอาชีพ ยุบกอ.รมน. แต่มามีการเสียสัตย์เกิดเป็นรัฐบาลข้ามขั้ว มันจึงมีการไม่รักษาสัญญาประชาคมเกิดขึ้น
 
7. บทสรุปจากข้อเท็จจริงข้างต้น การออกกฎหมายมายุบกอ.รมน.ถือว่าเป็นเหตุเป็นผล ภารกิจการรักษาความมั่นคงภายใน หัวใจสำคัญต้องมอบให้พลเรือนและตำรวจเป็นเจ้าภาพผู้รับผิดชอบหลักตามหลักสากล โดยมีกฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในเป็นเครื่องมือให้กับเขาเพื่อมีอำนาจหน้าที่ในการบูรณาการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนทางทหารถอยจากการเป็นเจ้าภาพหลักของภารกิจการรักษาความมั่นคงภายในไปมีบทบาทตามการปฏิรูปกองทัพ เป็นทหารอาชีพ เป็นเจ้าภาพหลักรับผิดชอบภารกิจการป้องกันประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่