สวัสดีค่ะ กระทู้นี้อยากรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนๆ สมาชิกค่ะ อยากได้มุมมองหลายๆ มุมมอง เพื่อใช้ตัดสินใจอะไรบางอย่างกับชีวิตด้วยค่ะ เปิดกว้างทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เริ่มเล่าเลยนะคะ ปัจจุบันเราอายุ 36 ปี แต่งงาน มีลูก 1 คน อยู่อนุบาล 1 โรงเรียนเอกชนค่ะ เราทำงานสาย Marketing Manager เงินเดือนก็สูงในระดับที่สามารถ Cover ค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ 80% นอกจากนั้นเรายังรับทำงานเสริมเพิ่ม ขยันก็ได้มาก อยากพักก็ได้น้อย แต่เฉลี่ยประมาณ 2-3 หมื่นต่อเดือน ในขณะที่สามีทำงานส่วนตัว เป็นแอดมินดูแลเพจ แต่จะรับเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ รายได้เฉลี่ยก็ประมาณสองหมื่นปลาย หรือบางช่วงก็แตะแสน แต่ก็ถือเป็นอาชีพและรายได้ที่ไม่มั่นคงนัก เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นโปรเจคสัญญาปีต่อปี (แต่ก็มีข้อดี คือ สามีจะเป็นคนคอยรับ-ส่ง ลูกไปโรงเรียนได้) โดยรวมแล้วค่าผ่อนบ้าน และค่าเรียนลูก ทางเราจะเป็นคนจ่ายทั้งหมด 100% เงินในส่วนของสามี จะเป็นแค่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเท่านั้น เหลือจากจ่ายค่าต่างๆ แต่ละเดือน ก็กระเป๋าใคร กระเป๋ามันแยกกันใช้ ชีวิตก็เหมือนลงตัวดี
แต่ปัญหามีตรงที่ว่า ตลอดการทำงานสายงาน Marketing Manager โดยเฉพาะที่ทำงานล่าสุดที่กำลังทำอยู่ เรารู้สึกไม่ชอบเลย ไม่ชอบบรรยากาศในการทำงาน ที่กฏเกณฑ์มันมากไป ห้องทำงานที่เรานั่ง จะไม่มีการพูดคุยในช่วงเวลาทำงาน พักกลางวัน ที่ทำงานให้นำข้าวมาทานที่โต๊ะทำงาน ไม่สนับสนุนให้ออกไปทานข้างนอก เพราะกลัวไปเอาเชื้อโควิดมา เรียกได้ว่า เช้าจนเลิกงาน ก็นั่งที่โต๊ะ 100% ยกเว้นไปห้องน้ำ ที่ทำงานเราปัจจุบันยังบังคับใส่แมส 100% คือเรียกได้ว่า พนักงานแต่ละคนแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย ยกเว้นเรื่องงาน งานที่รับผิดชอบ เรารู้สึกว่า มันไม่ตื่นเต้น ไม่ท้าทาย และเนื่องจากส่วนตัวเป็นคนทำงานเร็ว เลยเท่ากับว่า เดือนๆ นึง มีงานให้ทำสนุกๆ วุ่นวายๆ ไม่เกิน 10 วัน ที่เหลือนั่งว่าง คอยตรวจงานลูกน้องแค่นั้น เรามาทำงานด้วยอารมณ์อยากลาออกทุกวันนนน
แต่เหมือนโชคดีเพื่อนที่รู้จักแนะนำงานที่เราอยากทำมากๆ ใฝ่ฝันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมาให้ ก็คือ งาน "อาจารย์มหาวิทยาลัย" และถ้าเราตกลงไปทำ ก็รับทันที เริ่มงานเดือนธันวาคมได้เลย ซึ่งเราอยากทำงานในสายงานนี้มาก เคยเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนแล้วรู้ได้เลยว่า นี่แหละอาชีพที่ชั้นอยากทำไปจนเกษียณอายุ แต่งานอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างที่ทราบว่า เงินเดือนมันน้อยมาก ถอยหลังไปจากที่เราได้เยอะมาก ซึ่งแน่นอนด้วยความชอบ ใจรัก ส่วนตัวเราเลยอยากแลก เพราะเรารู้ว่า เรามีอาชีพเสริมที่มันจะมาชดเชยได้กับเงินเดือนที่หายไป และในสายงานอาจารย์ ก็มีโอกาสขยับขยายเงินเดือนเพิ่มจากการทำวิจัย การทำตำแหน่งวิชาการต่างๆ ถึงจะรวมๆ แล้วได้ไม่เท่ากับเอกชน แต่เราก็คิดว่า มันน่าจะให้ความสุขทางใจในการทำงานมากกว่า
เลยลองปรึกษากับสามี และครอบครัวสามีดูแล้ว สรุปได้ว่า ไม่ให้ไป ไม่ควรไป เราเป็นคนที่ทำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายหลักในครอบครัว ถ้าจู่ๆ เงินเดือนน้อยลงมาก จะลำบาก ทำอะไรต้องคิดถึงคนอื่นในครอบครัวให้มาก จะเอาแต่ความชอบของตัวเองไม่ได้ ซึ่งถ้าคิดด้วยเหตุผล เราก็เห็นด้วย แต่คิดด้วยอารมณ์ความรู้สึก ก็แอบคิดว่า ทำไมต้องเป็นเราที่ถูกตั้งเป้าหมายว่า จะต้องเป็นคนรับผิดชอบหลัก จะต้องทนๆๆ เพื่อครอบครัว เพื่อทุกคน และเราก็ไม่รู้ว่า เราจะต้องทนไปถึงเมื่อไหร่ เพาะสามีเราก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะขยับตัวเองมาเป็นคนรับผิดชอบหลักๆ ในครอบครัวได้เลย
สุดท้ายในวัย 30 ปลายเกือบจะ 40 ของเรา ก็เลยต้องมานั่งว้าวุ่นใจ ว่าจะเอาไงดีต่อกับชีวิต จะเลือกทนกับงานที่ไม่ชอบ เพื่อรายได้ที่มากพอที่ทำให้ครอบครัวมั่นคง หรือจะเลือกไปทำงานที่ชอบ และสตาร์ทเงินเดือนที่น้อยลง และค่อยๆ หาทางขยับขยายไป เพราะเราก็มีงานพิเศษที่สร้างรายได้พอๆ กับเงินเดือนที่หายไปอยู่ เพื่อนๆ สมาชิกคิดว่ายังไงดีคะ ตอนนี้เรารู้สึกโกรธสามี และรู้สึกพาลไปว่า ถ้าเค้าเข้มแข็ง เป็นหลักให้เราได้อย่างที่ควรจะเป็น อย่างน้อยๆ เราก็น่าจะได้มีโอกาสทำงานที่เราชอบได้บ้างรึเปล่า....
รู้สึกว่า ต้องแบกรับภาระทั้งหมด จนไม่มีโอกาสที่จะทำสิ่งที่ตัวเองชอบและฝันอยากทำ
เริ่มเล่าเลยนะคะ ปัจจุบันเราอายุ 36 ปี แต่งงาน มีลูก 1 คน อยู่อนุบาล 1 โรงเรียนเอกชนค่ะ เราทำงานสาย Marketing Manager เงินเดือนก็สูงในระดับที่สามารถ Cover ค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ 80% นอกจากนั้นเรายังรับทำงานเสริมเพิ่ม ขยันก็ได้มาก อยากพักก็ได้น้อย แต่เฉลี่ยประมาณ 2-3 หมื่นต่อเดือน ในขณะที่สามีทำงานส่วนตัว เป็นแอดมินดูแลเพจ แต่จะรับเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ รายได้เฉลี่ยก็ประมาณสองหมื่นปลาย หรือบางช่วงก็แตะแสน แต่ก็ถือเป็นอาชีพและรายได้ที่ไม่มั่นคงนัก เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นโปรเจคสัญญาปีต่อปี (แต่ก็มีข้อดี คือ สามีจะเป็นคนคอยรับ-ส่ง ลูกไปโรงเรียนได้) โดยรวมแล้วค่าผ่อนบ้าน และค่าเรียนลูก ทางเราจะเป็นคนจ่ายทั้งหมด 100% เงินในส่วนของสามี จะเป็นแค่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเท่านั้น เหลือจากจ่ายค่าต่างๆ แต่ละเดือน ก็กระเป๋าใคร กระเป๋ามันแยกกันใช้ ชีวิตก็เหมือนลงตัวดี
แต่ปัญหามีตรงที่ว่า ตลอดการทำงานสายงาน Marketing Manager โดยเฉพาะที่ทำงานล่าสุดที่กำลังทำอยู่ เรารู้สึกไม่ชอบเลย ไม่ชอบบรรยากาศในการทำงาน ที่กฏเกณฑ์มันมากไป ห้องทำงานที่เรานั่ง จะไม่มีการพูดคุยในช่วงเวลาทำงาน พักกลางวัน ที่ทำงานให้นำข้าวมาทานที่โต๊ะทำงาน ไม่สนับสนุนให้ออกไปทานข้างนอก เพราะกลัวไปเอาเชื้อโควิดมา เรียกได้ว่า เช้าจนเลิกงาน ก็นั่งที่โต๊ะ 100% ยกเว้นไปห้องน้ำ ที่ทำงานเราปัจจุบันยังบังคับใส่แมส 100% คือเรียกได้ว่า พนักงานแต่ละคนแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย ยกเว้นเรื่องงาน งานที่รับผิดชอบ เรารู้สึกว่า มันไม่ตื่นเต้น ไม่ท้าทาย และเนื่องจากส่วนตัวเป็นคนทำงานเร็ว เลยเท่ากับว่า เดือนๆ นึง มีงานให้ทำสนุกๆ วุ่นวายๆ ไม่เกิน 10 วัน ที่เหลือนั่งว่าง คอยตรวจงานลูกน้องแค่นั้น เรามาทำงานด้วยอารมณ์อยากลาออกทุกวันนนน
แต่เหมือนโชคดีเพื่อนที่รู้จักแนะนำงานที่เราอยากทำมากๆ ใฝ่ฝันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมาให้ ก็คือ งาน "อาจารย์มหาวิทยาลัย" และถ้าเราตกลงไปทำ ก็รับทันที เริ่มงานเดือนธันวาคมได้เลย ซึ่งเราอยากทำงานในสายงานนี้มาก เคยเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนแล้วรู้ได้เลยว่า นี่แหละอาชีพที่ชั้นอยากทำไปจนเกษียณอายุ แต่งานอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างที่ทราบว่า เงินเดือนมันน้อยมาก ถอยหลังไปจากที่เราได้เยอะมาก ซึ่งแน่นอนด้วยความชอบ ใจรัก ส่วนตัวเราเลยอยากแลก เพราะเรารู้ว่า เรามีอาชีพเสริมที่มันจะมาชดเชยได้กับเงินเดือนที่หายไป และในสายงานอาจารย์ ก็มีโอกาสขยับขยายเงินเดือนเพิ่มจากการทำวิจัย การทำตำแหน่งวิชาการต่างๆ ถึงจะรวมๆ แล้วได้ไม่เท่ากับเอกชน แต่เราก็คิดว่า มันน่าจะให้ความสุขทางใจในการทำงานมากกว่า
เลยลองปรึกษากับสามี และครอบครัวสามีดูแล้ว สรุปได้ว่า ไม่ให้ไป ไม่ควรไป เราเป็นคนที่ทำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายหลักในครอบครัว ถ้าจู่ๆ เงินเดือนน้อยลงมาก จะลำบาก ทำอะไรต้องคิดถึงคนอื่นในครอบครัวให้มาก จะเอาแต่ความชอบของตัวเองไม่ได้ ซึ่งถ้าคิดด้วยเหตุผล เราก็เห็นด้วย แต่คิดด้วยอารมณ์ความรู้สึก ก็แอบคิดว่า ทำไมต้องเป็นเราที่ถูกตั้งเป้าหมายว่า จะต้องเป็นคนรับผิดชอบหลัก จะต้องทนๆๆ เพื่อครอบครัว เพื่อทุกคน และเราก็ไม่รู้ว่า เราจะต้องทนไปถึงเมื่อไหร่ เพาะสามีเราก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะขยับตัวเองมาเป็นคนรับผิดชอบหลักๆ ในครอบครัวได้เลย
สุดท้ายในวัย 30 ปลายเกือบจะ 40 ของเรา ก็เลยต้องมานั่งว้าวุ่นใจ ว่าจะเอาไงดีต่อกับชีวิต จะเลือกทนกับงานที่ไม่ชอบ เพื่อรายได้ที่มากพอที่ทำให้ครอบครัวมั่นคง หรือจะเลือกไปทำงานที่ชอบ และสตาร์ทเงินเดือนที่น้อยลง และค่อยๆ หาทางขยับขยายไป เพราะเราก็มีงานพิเศษที่สร้างรายได้พอๆ กับเงินเดือนที่หายไปอยู่ เพื่อนๆ สมาชิกคิดว่ายังไงดีคะ ตอนนี้เรารู้สึกโกรธสามี และรู้สึกพาลไปว่า ถ้าเค้าเข้มแข็ง เป็นหลักให้เราได้อย่างที่ควรจะเป็น อย่างน้อยๆ เราก็น่าจะได้มีโอกาสทำงานที่เราชอบได้บ้างรึเปล่า....