ตัวเลขเงินฝากในบัญชีเป็นอีกส่วนที่สะท้อนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยได้ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” หรือ “สคฝ.” รายงานสถิติเงินฝากคนไทย โดยพบว่า จำนวน “ผู้ฝาก” ที่ได้รับการคุ้มครอง (วงเงินการคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 1 ล้านบาท ต่อ 1 คน ต่อ 1 สถาบันการเงิน) เติบโตกว่า 3.37% หรือคิดเป็นตัวเลข 93.46 ล้านราย ทว่าในจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้นกลับสวนทางกับ “ตัวเลขเงินฝาก” ที่ได้รับความคุ้มครองโดยพบว่า คนไทยมีจำนวนเงินฝากลดลงจากปีก่อน (ปี 2565) 1.32% มูลค่ารวม 15.96 ล้านบาท
          สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินฝากในบัญชีลดลงมีหลายส่วนด้วยกัน ตั้งแต่ราคาสินทรัพย์มีมูลค่าอย่าง “ทองคำ” ที่ปรับตัวสูงขึ้น มีการโยกย้ายเงินลงทุนไปในกิจกรรมอื่นๆ แทนซึ่งรวมไปถึงหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง หรือตลาดตราสารหนี้ด้วย เมื่อคนตัดสินใจดึงเงินออกไปลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ธนาคารพาณิชย์จึงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย-ป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ ธนาคารพาณิชย์บางรายเริ่มมีการเสนอผลิตภัณฑ์ฝากเงินสกุลดอลลาร์ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ยเงินฝาก 5% หรือที่เรียกว่า เงินฝากประเภท “Foreign Deposit” 
           ความเสี่ยงคนไทยในขณะนี้คือ มีเงินเก็บน้อยลง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันในอนาคตอีกจะต้องมีเงินสำรองกันกระแทกได้ ปัจจัยสำคัญในปีนี้ คือ สงครามที่ยังยืดเยื้อ และไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไรจึงแนะนำให้ออมเงินเพิ่มขึ้น หากเป็นการก่อหนี้ที่ทำให้เกิดรายได้เห็นว่าเป็นความจำเป็น แต่ถ้าเป็นการก่อหนี้ที่ “ใช้แล้วหมดไป” ควรใช้ให้น้อยลง