ทุกปีผมจะต้องหาเรื่องออกทริปต่างจังหวัด เป็นทริปใหญ่ อย่างน้อยปีละครั้ง ทำงานเก็บตังค์มาทั้งปีก็ต้องหาเรื่องออกไปเที่ยวซะหน่อย หายเหนื่อยจิตใจปลอดโปร่งแล้วจะได้กลับไปลุยงานกันต่อ ดูเหมือนเป็นลูปนรก แต่ผมมองว่ามันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม งานทำให้เรามีชีวิต งานอดิเรกอย่างการออกไปเที่ยวก็เป็นเหตุผลว่า เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ว่าไหมครับ....
สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ตามที่ได้ว่าไปข้างต้น ได้เวลาของการออกทริปแล้ว ทริปนี้เรามีจุดหมายอยู่ที่ประตูหน้าด่านของจังหวัดชลบุรี บางแสนนั่นเอง เปลี่ยนบรรยากาศมาทะเลฝั่งตะวันออกบ้างไปทะเลฝั่งตะวันตกเบื่อแล้ว ซึ่งทริปนี้จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวผมมาโม้ให้ฟัง เช่นเคยครับ
ทริปนี้ตอนแรกผมว่าจะไปเขาใหญ่ ไหน ๆ ปีที่แล้วก็ไปทะเลมาแล้ว ปีนี้ก็เข้าป่าบ้างละกันจะได้บาลานซ์ แต่ผมยังรู้สึกไม่ค่อยอยากจะบุกป่าฝ่าดงอะไรหนักขนาดนั้นน่ะสิ อยากไปชลวิวชิล ๆ ถ่ายรูปสนุก ๆ มากกว่า งั้นหาเรื่องไปบางแสนดีกว่า ไปเช้าเย็นกลับบ่อยแล้ว หาเรื่องไปค้างสักคืนสองคืน แต่แล้ว ก็มีข่าวออกมาว่าบางแสนน้ำเขียว น้ำเขียวจากการบลูมของแพลงตอนพืชที่มีมากเกินไปจนทำให้มันดูเละเทะไปไหมด ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ งั้นไปเพชรบุรีเหมือนเดิมก็ได้ แต่ครับแต่ ช่วงนี้มันปลายฝนต้นหนาว ฝนทางภาคใต้กำลังชุก ผมดูพยากรณ์อากาศ 1 สัปดาห์เต็ม ชะอำมีแต่ฝน ๆ ๆ และฝน คือถ้าไปก็มีแต่เละกับเละ บวกกับตอนนี้บางแสนกลับมาน้ำใสแล้ว เปลี่ยนใจครั้งสุดท้าย งั้นไปบางแสนเหมือนเดิม นั่นแหละครับคือที่มาของทริปนี้
เช้าวันเดินทาง เด้งจากเตียงตอนตี 3 ครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวออกลุย ต้องเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปเที่ยวต่างจังหวัด เอ้อ ก็แปลกดีนะ ผมอยู่บางใหญ่ (ปลายบาง) ครับ ก็เลยวิ่งเข้าสาทรก่อน แล้วเลี้ยวที่หน้าสวนลุมฯ เพื่อไปทะลุพระโขนง จะได้ไปออกที่แยกบางนา จริง ๆ แล้วจากบางใหญ่ไปบางแสนไปได้หลายทาง ผมถนัดทางนี้มากกว่าเพราะวิ่งผ่านอยู่บ่อย ๆ จากนั้นก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ทริปนี้ผมเอากล้องมา 3 ตัว EOS 650D เป็นกล้องหลัก เจ้า Canonet เป็นกล้องอาร์ท และ IXUS 185 เป็นกล้องสแน็ปเหมือนเดิม
พอมาถึงบางทราย ผมก็เลี้ยวฟั้บเข้าให้ วิ่งเข้าสะพานชลมารควิถีก่อนเลย เช้านี้น้ำสูง แต่จากที่สังเกตุ น้ำกำลังลง ช่วงเที่ยง ๆ น้ำน่าจะแห้งพอดี
พระอทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว แดดอยู่ข้างหลังโทนออกสีแดง ผมก็เลยปรับ White Balance ให้ออกโทนเขียว + น้ำเงินหน่อย จะได้แก้ทางกันได้
สูดหายใจลึก ๆ เฮ้อออออ สดชื่น เมื่อไม่ชั่วโมงก่อนผมยังคร่ำเคร่งกับงานอยู่เลย ขอนั่งพักนิ่ง ๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้รกสมองหน่อยละกัน
เรือชาวบ้านวิ่งไปวิ่งมา
กระเต้งหลังนั้นสวยดี อยากลองนอนกระเต้งตกปลาสักคืน ไม่มีโอกาสสักที
หันไปดูข้างหลัง ตอนนี้เปลวแดดที่เป็นโทนสีแดงเริ่มหายไปแล้ว ปรับ White Balance กลับเป็นโทนปกติ
ดูสบายตาขึ้นเยอะ แต่พอปรับเขียวแล้ว โทนสีเหมือนฟิล์มหนัง Day Light เลย
ลำนี้มาวางข่าย แถวนี้ผมไม่ค่อยเห็นเรืออวนรุนเลยแฮะ สงสัยไม่เหมาะกับแถวนี้มั้ง
ส่องนกกันหน่อย ผมสอยเลนซ์ซูมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ
นางนวลแกลบ ช่วงหน้าหนาวน่าจะมากันเยอะกว่านี้
ซูมถึงก็จริง แต่จะโฟกัสทันไหม อีกเรื่องนึง
กาน้ำแบบหมู่คณะ
ฝั่งท่าเรือประมงบางทรายจากกล้องฟิล์ม ตอนนี้ฟิล์มสีราคาเริ่มถูกลงแล้ว ผมก็เลยงัด Kodak Gold 200 ที่มีเก็บไว้ออกมาใช้
ตอนนี้ 7 โมงแล้ว เข้าที่พักไปฝากสัมภาระก่อนดีกว่า
และนี่คือที่พักของเรา บางแสนวิลล่า อยู่ใกล้ ๆ แหลมแท่น
แวะจัดมื้อเช้าที่ร้านโจ๊กบางแสน ร้านที่ผมแวะประจำเวลามาเที่ยวที่นี่ ร้านอยู่หน้าแหลมแท่น
มาแหลมแท่นก็ต้องแวะสะะพานราชนาวี
เช็กอินสักเล็กน้อย
ดูรูปจากฟิล์มซะหน่อย
ด้วยความที่ตอนนี้น้ำกลับมาดีแล้ว ปลาก็กลับเข้ามา ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงน้ำลง ปลาก็ยิ่งแอคทีฟ ข้าง ๆ ผม มีคนตกปลาใช้ซาบิกิสอยสลิดหิน ที่ไกล ๆ นั่นก็มีพี่คนนี้ดำน้ำยิงปลา แสดงว่าต้องมีปลาใหญ่ที่ตามฝูงปลาเล็กเข้ามาด้วยแน่นอน
ส่วนผมที่ไม่ได้เอาคันเบ็ดมาก็ได้แต่ถ่ายรูปต่อไปตามเรื่อง เดี๋ยวมาคราวหน้าต้องพกมาด้วยซะแล้ว ชุด Ultra Light เล็ก ๆ สาย 4LB ก็พอ
จับยัดฟิลเตอร์ลดแสงสะท้อน จะได้เห็นว่าน้ำใสขนาดไหน
เดี๋ยวเราหาเรื่องขึ้นเขาสามมุกกันหน่อยดีกว่า
บิดฝ่าฝูงลิงมาเรื่อย ๆ ลิงจ๋อพวกนี้เขาคงรู้นะ ถ้าเป็นรถยนต์ มันโดดขึ้นหลังคาเลย แต่ถ้าเป็นมอไซคค์ มันจะหลบให้ บิดมาเอื่อย ๆ จนมาถึงข้างบนนี้
อีกสักมุม ทริปนี้ตั้งใจไว้ว่าจะหาทางขึ้นเขาที่วัดเขาบางทรายให้ได้ เคยแค่ขับรถผ่าน ยังไม่เคยแวะขึ้นไปเลย ฉนั้นทริปนี้ จัดซะหน่อย
ระหว่างทางวนกลับไปทางบางทรายก็ต้องผ่านอ่างศิลา มีหรือจะไม่แวะถ่ายรูป
เวลามาบางแสน ผมจะต้องแวะมุมนี้ทุกครั้ง มุมนี้อยู่ก่อนถึงตลาดอ่างศิลา สามารถมองเห็นเขาสามมุกได้ ยามน้ำลงตรงนี้จะเป็นสันทราย แต่ตอนนี้ 10 โมงเอง น้ำยังลงไม่สุด
นี่ครับ ยามน้ำลงสุดมันจะประมาณนี้ รูปนี้จากทริปไปเช้าเย็นกลับเมื่อราว ๆ 4-5 เดือนก่อน
ดูรูปจากฟิล์มกันหน่อย เก็บกล้องเสร็จแล้วก็ไปกันต่อ
ผ่านสะพานชลมารคฯ กันอีกรอบ แวะเช็คอินสักเล็กน้อย
น้ำยังลงไม่สุด แต่พอแดดออกเต็มที่แล้วมันก็ได้อีกบรรยากาศนึงนะ แดดร้อน แต่ลมโกรก เหงื่อซึม ลมทะเลหอบไอเกลือทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหน่ะ แต่มันก็สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก โรคประจำตัวของผมคือเก๊าท์ที่ได้มาจากพันธุกรรม แต่ตอนนี้เก๊าท์มีเพื่อนแล้วครับ ไมเกรน สมัยเรียน ผมเรียนจริงจังมาก พอทำงาน ก็ทำงานเครียดอีก ความเครียดสะสมทำให้อาการพวกนี้กำเริบ มีอยู่ครั้งนึงครับผมตากแดดจัดที่บางเลน ตอนนั้นท้องนารอบข้างเกี่ยวข้าวและเผาตอซังหมดแล้ว บวกกับแดดจัดมาก ๆ และไม่มีลม แถมความชื้นจากฝนเมื่อคืนก็ไม่ได้ชื้นจนเย็นแต่เป็นตัวนำความร้อนทำให้ร้อนชื้นอีก ยิ่งทำให้รู้สึกระอุเข้าไปใหญ่ บ่ายวันนั้นผมไมเกรนขึ้นเลยครับ แต่กับบรรยากาศริมทะะเลที่มีลมโกรกแบบเนี้ย ผมไม่เป็นไร
มาถึงวัดเขาบางทราย วนหาทางขึ้นอยู่ซักพัก ปรากฎว่าทางขึ้นอยู่หลังโรงเรียนวัดเขาบางทรายครับ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ผมต้องขับผ่ากลางโรงเรียนเลยครับ และตอนนั้นเขาก็กำลังพักเที่ยงกันอยู่ ค่อย ๆ ขับช้า ๆ ระวังน้อง ๆ เดินข้ามถนนกัน จากนั้นก็ไต่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงขั้นบันไดช่วงสุดท้าย มีทางรถขึ้นก็จริงแต่มันชันมาก สงสารรถ จอดแล้วเดินขึ้นต่อดีกว่า
เดินหอบแฮกเลยผม แต่ก็คุ้มที่ขึ้นมา ดูวิวสิ
จัดไปหลาย ๆ มุม นั่นสะพานชลมารควิถีที่เพิ่งขับผ่านมา
เช็คอินซักเล็กน้อย
อีกมุมหนึ่ง เห็นฝั่งฉะเชิงเทราและสมุทรปราการอยู่ไกล ๆ
ดูรูปจากฟิล์มกันหน่อย
รูปฟิล์มชุดนี้ผมจะถ่ายให้โอเวอร์มา 1 ถึง 2 สต็อป ผมนึกถึงทริกเล็ก ๆ ที่เคยเจอจาก Kodak Gold คือ ถ้าถ่ายติดอันเดอร์สีมันมันจะอมเหลือง แต่ถ้าโอเวอร์สีมันจะใสกว่า
บนนี้เป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทจำลอง ในเมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องไหว้ซะหน่อย เพื่อความสิริมงคลของทริปนี้
กลับขึ้นเขาสามมุกมาจัดกาแฟที่ร้าน Red Temp Coffee ซะหน่อย นี่ก็เป็นอีกร้านที่ผมแวะประจำเหมือนกัน
ตั้งแต่ที่ผมมาถึงวันนี้ ผมยังไม่เจอคณะทัวจีนเลยครับ ดีจัง เจออย่างมากก็เป็นคนญี่ปุ่น ที่รู้เพราะผมเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อยก็เลยพอฟังรู้ ส่วนนักท่องเที่ยวฝรั่งตะวันตกก็มีประจำอยู่แล้ว
เค้กหมดจานกาแฟหมดแก้ว เดินถ่ายรูปเล่นกันหน่อย
น้ำกลับมาใสแล้วก็จริง แต่สียังเป็นโทนเขียวอยู่ นี่ผมปรับ White Balance กลับมาเป็นค่ากลางปกติแล้วนะครับ อ่านจากหน้าเฟสบู้คของอาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ท่านบอกว่าปรากฏการณ์น้พเขียวเกิดขึ้นทุกปี ปีละ 2-3 ครั้ง โดยช่วงปลายปี น้ำจะกลับมาใสช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งวันนี้คือ 1 พฤษจิฯ น้ำเลยยังมีสีโทนเขียวอยู่ ละมั้งนะ
และถ้าอาจารย์ธรณ์อ่านกระทู้นี้อยู่ FC ครับผม อ่านหนังสือของอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ๆ
ซน ๆ ตามสไตล์ผม
ดูรูปจากฟิล์มกันหน่อ
[CR] บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : บางแสน-แหลมแท่น ที่เก่าที่เราคุ้นเคย
สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ตามที่ได้ว่าไปข้างต้น ได้เวลาของการออกทริปแล้ว ทริปนี้เรามีจุดหมายอยู่ที่ประตูหน้าด่านของจังหวัดชลบุรี บางแสนนั่นเอง เปลี่ยนบรรยากาศมาทะเลฝั่งตะวันออกบ้างไปทะเลฝั่งตะวันตกเบื่อแล้ว ซึ่งทริปนี้จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวผมมาโม้ให้ฟัง เช่นเคยครับ
ทริปนี้ตอนแรกผมว่าจะไปเขาใหญ่ ไหน ๆ ปีที่แล้วก็ไปทะเลมาแล้ว ปีนี้ก็เข้าป่าบ้างละกันจะได้บาลานซ์ แต่ผมยังรู้สึกไม่ค่อยอยากจะบุกป่าฝ่าดงอะไรหนักขนาดนั้นน่ะสิ อยากไปชลวิวชิล ๆ ถ่ายรูปสนุก ๆ มากกว่า งั้นหาเรื่องไปบางแสนดีกว่า ไปเช้าเย็นกลับบ่อยแล้ว หาเรื่องไปค้างสักคืนสองคืน แต่แล้ว ก็มีข่าวออกมาว่าบางแสนน้ำเขียว น้ำเขียวจากการบลูมของแพลงตอนพืชที่มีมากเกินไปจนทำให้มันดูเละเทะไปไหมด ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ งั้นไปเพชรบุรีเหมือนเดิมก็ได้ แต่ครับแต่ ช่วงนี้มันปลายฝนต้นหนาว ฝนทางภาคใต้กำลังชุก ผมดูพยากรณ์อากาศ 1 สัปดาห์เต็ม ชะอำมีแต่ฝน ๆ ๆ และฝน คือถ้าไปก็มีแต่เละกับเละ บวกกับตอนนี้บางแสนกลับมาน้ำใสแล้ว เปลี่ยนใจครั้งสุดท้าย งั้นไปบางแสนเหมือนเดิม นั่นแหละครับคือที่มาของทริปนี้
เช้าวันเดินทาง เด้งจากเตียงตอนตี 3 ครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวออกลุย ต้องเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปเที่ยวต่างจังหวัด เอ้อ ก็แปลกดีนะ ผมอยู่บางใหญ่ (ปลายบาง) ครับ ก็เลยวิ่งเข้าสาทรก่อน แล้วเลี้ยวที่หน้าสวนลุมฯ เพื่อไปทะลุพระโขนง จะได้ไปออกที่แยกบางนา จริง ๆ แล้วจากบางใหญ่ไปบางแสนไปได้หลายทาง ผมถนัดทางนี้มากกว่าเพราะวิ่งผ่านอยู่บ่อย ๆ จากนั้นก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ทริปนี้ผมเอากล้องมา 3 ตัว EOS 650D เป็นกล้องหลัก เจ้า Canonet เป็นกล้องอาร์ท และ IXUS 185 เป็นกล้องสแน็ปเหมือนเดิม
พอมาถึงบางทราย ผมก็เลี้ยวฟั้บเข้าให้ วิ่งเข้าสะพานชลมารควิถีก่อนเลย เช้านี้น้ำสูง แต่จากที่สังเกตุ น้ำกำลังลง ช่วงเที่ยง ๆ น้ำน่าจะแห้งพอดี
พระอทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว แดดอยู่ข้างหลังโทนออกสีแดง ผมก็เลยปรับ White Balance ให้ออกโทนเขียว + น้ำเงินหน่อย จะได้แก้ทางกันได้
สูดหายใจลึก ๆ เฮ้อออออ สดชื่น เมื่อไม่ชั่วโมงก่อนผมยังคร่ำเคร่งกับงานอยู่เลย ขอนั่งพักนิ่ง ๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้รกสมองหน่อยละกัน
เรือชาวบ้านวิ่งไปวิ่งมา
กระเต้งหลังนั้นสวยดี อยากลองนอนกระเต้งตกปลาสักคืน ไม่มีโอกาสสักที
หันไปดูข้างหลัง ตอนนี้เปลวแดดที่เป็นโทนสีแดงเริ่มหายไปแล้ว ปรับ White Balance กลับเป็นโทนปกติ
ดูสบายตาขึ้นเยอะ แต่พอปรับเขียวแล้ว โทนสีเหมือนฟิล์มหนัง Day Light เลย
ลำนี้มาวางข่าย แถวนี้ผมไม่ค่อยเห็นเรืออวนรุนเลยแฮะ สงสัยไม่เหมาะกับแถวนี้มั้ง
ส่องนกกันหน่อย ผมสอยเลนซ์ซูมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ
นางนวลแกลบ ช่วงหน้าหนาวน่าจะมากันเยอะกว่านี้
ซูมถึงก็จริง แต่จะโฟกัสทันไหม อีกเรื่องนึง
กาน้ำแบบหมู่คณะ
ฝั่งท่าเรือประมงบางทรายจากกล้องฟิล์ม ตอนนี้ฟิล์มสีราคาเริ่มถูกลงแล้ว ผมก็เลยงัด Kodak Gold 200 ที่มีเก็บไว้ออกมาใช้
ตอนนี้ 7 โมงแล้ว เข้าที่พักไปฝากสัมภาระก่อนดีกว่า
และนี่คือที่พักของเรา บางแสนวิลล่า อยู่ใกล้ ๆ แหลมแท่น
แวะจัดมื้อเช้าที่ร้านโจ๊กบางแสน ร้านที่ผมแวะประจำเวลามาเที่ยวที่นี่ ร้านอยู่หน้าแหลมแท่น
มาแหลมแท่นก็ต้องแวะสะะพานราชนาวี
เช็กอินสักเล็กน้อย
ดูรูปจากฟิล์มซะหน่อย
ด้วยความที่ตอนนี้น้ำกลับมาดีแล้ว ปลาก็กลับเข้ามา ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงน้ำลง ปลาก็ยิ่งแอคทีฟ ข้าง ๆ ผม มีคนตกปลาใช้ซาบิกิสอยสลิดหิน ที่ไกล ๆ นั่นก็มีพี่คนนี้ดำน้ำยิงปลา แสดงว่าต้องมีปลาใหญ่ที่ตามฝูงปลาเล็กเข้ามาด้วยแน่นอน
ส่วนผมที่ไม่ได้เอาคันเบ็ดมาก็ได้แต่ถ่ายรูปต่อไปตามเรื่อง เดี๋ยวมาคราวหน้าต้องพกมาด้วยซะแล้ว ชุด Ultra Light เล็ก ๆ สาย 4LB ก็พอ
จับยัดฟิลเตอร์ลดแสงสะท้อน จะได้เห็นว่าน้ำใสขนาดไหน
เดี๋ยวเราหาเรื่องขึ้นเขาสามมุกกันหน่อยดีกว่า
บิดฝ่าฝูงลิงมาเรื่อย ๆ ลิงจ๋อพวกนี้เขาคงรู้นะ ถ้าเป็นรถยนต์ มันโดดขึ้นหลังคาเลย แต่ถ้าเป็นมอไซคค์ มันจะหลบให้ บิดมาเอื่อย ๆ จนมาถึงข้างบนนี้
อีกสักมุม ทริปนี้ตั้งใจไว้ว่าจะหาทางขึ้นเขาที่วัดเขาบางทรายให้ได้ เคยแค่ขับรถผ่าน ยังไม่เคยแวะขึ้นไปเลย ฉนั้นทริปนี้ จัดซะหน่อย
ระหว่างทางวนกลับไปทางบางทรายก็ต้องผ่านอ่างศิลา มีหรือจะไม่แวะถ่ายรูป
เวลามาบางแสน ผมจะต้องแวะมุมนี้ทุกครั้ง มุมนี้อยู่ก่อนถึงตลาดอ่างศิลา สามารถมองเห็นเขาสามมุกได้ ยามน้ำลงตรงนี้จะเป็นสันทราย แต่ตอนนี้ 10 โมงเอง น้ำยังลงไม่สุด
นี่ครับ ยามน้ำลงสุดมันจะประมาณนี้ รูปนี้จากทริปไปเช้าเย็นกลับเมื่อราว ๆ 4-5 เดือนก่อน
ดูรูปจากฟิล์มกันหน่อย เก็บกล้องเสร็จแล้วก็ไปกันต่อ
ผ่านสะพานชลมารคฯ กันอีกรอบ แวะเช็คอินสักเล็กน้อย
น้ำยังลงไม่สุด แต่พอแดดออกเต็มที่แล้วมันก็ได้อีกบรรยากาศนึงนะ แดดร้อน แต่ลมโกรก เหงื่อซึม ลมทะเลหอบไอเกลือทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหน่ะ แต่มันก็สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก โรคประจำตัวของผมคือเก๊าท์ที่ได้มาจากพันธุกรรม แต่ตอนนี้เก๊าท์มีเพื่อนแล้วครับ ไมเกรน สมัยเรียน ผมเรียนจริงจังมาก พอทำงาน ก็ทำงานเครียดอีก ความเครียดสะสมทำให้อาการพวกนี้กำเริบ มีอยู่ครั้งนึงครับผมตากแดดจัดที่บางเลน ตอนนั้นท้องนารอบข้างเกี่ยวข้าวและเผาตอซังหมดแล้ว บวกกับแดดจัดมาก ๆ และไม่มีลม แถมความชื้นจากฝนเมื่อคืนก็ไม่ได้ชื้นจนเย็นแต่เป็นตัวนำความร้อนทำให้ร้อนชื้นอีก ยิ่งทำให้รู้สึกระอุเข้าไปใหญ่ บ่ายวันนั้นผมไมเกรนขึ้นเลยครับ แต่กับบรรยากาศริมทะะเลที่มีลมโกรกแบบเนี้ย ผมไม่เป็นไร
มาถึงวัดเขาบางทราย วนหาทางขึ้นอยู่ซักพัก ปรากฎว่าทางขึ้นอยู่หลังโรงเรียนวัดเขาบางทรายครับ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ผมต้องขับผ่ากลางโรงเรียนเลยครับ และตอนนั้นเขาก็กำลังพักเที่ยงกันอยู่ ค่อย ๆ ขับช้า ๆ ระวังน้อง ๆ เดินข้ามถนนกัน จากนั้นก็ไต่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงขั้นบันไดช่วงสุดท้าย มีทางรถขึ้นก็จริงแต่มันชันมาก สงสารรถ จอดแล้วเดินขึ้นต่อดีกว่า
เดินหอบแฮกเลยผม แต่ก็คุ้มที่ขึ้นมา ดูวิวสิ
จัดไปหลาย ๆ มุม นั่นสะพานชลมารควิถีที่เพิ่งขับผ่านมา
เช็คอินซักเล็กน้อย
อีกมุมหนึ่ง เห็นฝั่งฉะเชิงเทราและสมุทรปราการอยู่ไกล ๆ
ดูรูปจากฟิล์มกันหน่อย
รูปฟิล์มชุดนี้ผมจะถ่ายให้โอเวอร์มา 1 ถึง 2 สต็อป ผมนึกถึงทริกเล็ก ๆ ที่เคยเจอจาก Kodak Gold คือ ถ้าถ่ายติดอันเดอร์สีมันมันจะอมเหลือง แต่ถ้าโอเวอร์สีมันจะใสกว่า
บนนี้เป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทจำลอง ในเมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องไหว้ซะหน่อย เพื่อความสิริมงคลของทริปนี้
กลับขึ้นเขาสามมุกมาจัดกาแฟที่ร้าน Red Temp Coffee ซะหน่อย นี่ก็เป็นอีกร้านที่ผมแวะประจำเหมือนกัน
ตั้งแต่ที่ผมมาถึงวันนี้ ผมยังไม่เจอคณะทัวจีนเลยครับ ดีจัง เจออย่างมากก็เป็นคนญี่ปุ่น ที่รู้เพราะผมเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อยก็เลยพอฟังรู้ ส่วนนักท่องเที่ยวฝรั่งตะวันตกก็มีประจำอยู่แล้ว
เค้กหมดจานกาแฟหมดแก้ว เดินถ่ายรูปเล่นกันหน่อย
น้ำกลับมาใสแล้วก็จริง แต่สียังเป็นโทนเขียวอยู่ นี่ผมปรับ White Balance กลับมาเป็นค่ากลางปกติแล้วนะครับ อ่านจากหน้าเฟสบู้คของอาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ท่านบอกว่าปรากฏการณ์น้พเขียวเกิดขึ้นทุกปี ปีละ 2-3 ครั้ง โดยช่วงปลายปี น้ำจะกลับมาใสช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งวันนี้คือ 1 พฤษจิฯ น้ำเลยยังมีสีโทนเขียวอยู่ ละมั้งนะ
และถ้าอาจารย์ธรณ์อ่านกระทู้นี้อยู่ FC ครับผม อ่านหนังสือของอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ๆ
ซน ๆ ตามสไตล์ผม
ดูรูปจากฟิล์มกันหน่อ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น