บ้านเราอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน แต่กลับเป็นคนละภพ คนละชาติ
ตั้งแต่เกิดมา ลูกหลานบ้านเราก็รู้กันทุกคน ว่าบ้านโน้นที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำนั้น ไม่ได้อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับพวกเราบ้านฝั่งนี้ ในร้อยกว่าปีมานี้ไม่มีใครมองเห็นคนบ้านโน้น ยกเว้นบุตรหลาน พระยา--- อย่างเรา
ตั้งแต่เล็กจนโต เราต่างก็เห็นคนบ้านโน้นเดินกันขวักไขว่ ที่นั่นราวกับมีแขกมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย เจ้าคุณปู่กล่าวว่า พวกเขาเป็นบุตรหลานผู้สืบทอดราชวงศ์สายหนึ่ง บ้านเรือนจึงใหญ่โตโอ่โถง บริวารรับใช้มากมาย แต่ละท่านดูมากด้วยบารมี เจ้าคุณปู่ยังกล่าวอีกว่า เราบ้านนี้ล้วนมีชีวิตอยู่เพื่อปกปักรักษา คอยสอดส่องดูแลคนบ้านโน้นจากทางนี้ ฉันไม่เข้าใจเรื่องราวมากนัก
ถนนสายบ้านเรา ล้วนเป็นของต้นสกุลเจ้าคุณปู่ทั้งสิ้น บริเวณกว้างขวางนี้ ไม่มีเรือนใดตั้งอยู่อีก ยกเว้นเรือนของเรา ไกลออกไปมีบ้านเรือนของบริวารล้อมรอบ ไม่มีคนนอกที่นี่ ดังนั้น เป็นร้อยปีที่ผ่านมา คนบ้านเราล้วนมั่นใจว่า ไม่มีใครรับรู้เป็นแน่แท้ ว่าเพียงแค่เดินขึ้นมาบนเรือนไทยเก่าแก่แต่งดงามหลังนี้ ก็จะมองเห็นคนอีกภพชาติหนึ่ง
เราฝั่งนี้ต่างได้เพียงเฝ้ามองไปยังฝั่งโน้น นับตั้งแต่ฉันเกิดมา ไม่เคยมีอันใดผิดแปลกเกิดขึ้น พวกเราต่างใช้ชีวิตในภพของตนเองอย่างราบรื่น บ่อยครั้งที่ฉันแอบมองไปยังคนบ้านโน้น ฉันนึกสงสัยว่าพวกเขาจะมองเห็นพวกเราเฉกเช่นที่พวกเรามองเห็นพวกเขาหรือไม่ ที่ทำให้ฉันเคลือบแคลงสงสัย นั่นเป็นเพราะคนบ้านนี้มักจะสำรวมไม่กล่าวถึงมากนัก ผู้ใหญ่ท่านเพียงกำชับว่าให้ใช้ชีวิตตามปรกติ ฝั่งโน้นเป็นเสมือนเจ้านาย ไม่มีเหตุอันใดที่เราต้องสอดรู้
ฉันเห็นว่าผู้ใหญ่ฝั่งกระโน้นเองก็ไม่มองมาที่ฝั่งเราเลยเช่นเดียวกัน
แต่ทว่า เมื่อนานมาแล้ว ฉันมองเห็นว่าคนฝั่งโน้นยังมีเด็กชายผู้หนึ่ง ใช้สายตานิ่งสงบของเขา มองมาทางนี้บ้างเช่นกัน คราที่เราเจอกันครั้งแรกนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ฉันมองดวงจันทร์ดวงโต พลางคิดว่าคนฝั่งโน้นจะมองดวงจันทร์ดวงเดียวกันหรือไม่ ทันใดนั้นเอง ฉันพบว่าเด็กชายผู้นั้นกำลังยืนมองดวงจันทร์ดวงเดียวกับฉันอยู่เช่นกัน เสี้ยวเวลาหนึ่งฉันเห็นเขามองมา เราสบตากันเพียงแวบเดียว ทว่าฉันมั่นใจนักว่าเขามองเห็นฉันตลอดมา เฉกเช่นเดียวกับที่ฉันเองก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาเช่นเดียวกัน
วาสนาเราไม่สิ้น เหมือนกลิ่นสุคนธา ๑
ตั้งแต่เกิดมา ลูกหลานบ้านเราก็รู้กันทุกคน ว่าบ้านโน้นที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำนั้น ไม่ได้อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับพวกเราบ้านฝั่งนี้ ในร้อยกว่าปีมานี้ไม่มีใครมองเห็นคนบ้านโน้น ยกเว้นบุตรหลาน พระยา--- อย่างเรา
ตั้งแต่เล็กจนโต เราต่างก็เห็นคนบ้านโน้นเดินกันขวักไขว่ ที่นั่นราวกับมีแขกมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย เจ้าคุณปู่กล่าวว่า พวกเขาเป็นบุตรหลานผู้สืบทอดราชวงศ์สายหนึ่ง บ้านเรือนจึงใหญ่โตโอ่โถง บริวารรับใช้มากมาย แต่ละท่านดูมากด้วยบารมี เจ้าคุณปู่ยังกล่าวอีกว่า เราบ้านนี้ล้วนมีชีวิตอยู่เพื่อปกปักรักษา คอยสอดส่องดูแลคนบ้านโน้นจากทางนี้ ฉันไม่เข้าใจเรื่องราวมากนัก
ถนนสายบ้านเรา ล้วนเป็นของต้นสกุลเจ้าคุณปู่ทั้งสิ้น บริเวณกว้างขวางนี้ ไม่มีเรือนใดตั้งอยู่อีก ยกเว้นเรือนของเรา ไกลออกไปมีบ้านเรือนของบริวารล้อมรอบ ไม่มีคนนอกที่นี่ ดังนั้น เป็นร้อยปีที่ผ่านมา คนบ้านเราล้วนมั่นใจว่า ไม่มีใครรับรู้เป็นแน่แท้ ว่าเพียงแค่เดินขึ้นมาบนเรือนไทยเก่าแก่แต่งดงามหลังนี้ ก็จะมองเห็นคนอีกภพชาติหนึ่ง
เราฝั่งนี้ต่างได้เพียงเฝ้ามองไปยังฝั่งโน้น นับตั้งแต่ฉันเกิดมา ไม่เคยมีอันใดผิดแปลกเกิดขึ้น พวกเราต่างใช้ชีวิตในภพของตนเองอย่างราบรื่น บ่อยครั้งที่ฉันแอบมองไปยังคนบ้านโน้น ฉันนึกสงสัยว่าพวกเขาจะมองเห็นพวกเราเฉกเช่นที่พวกเรามองเห็นพวกเขาหรือไม่ ที่ทำให้ฉันเคลือบแคลงสงสัย นั่นเป็นเพราะคนบ้านนี้มักจะสำรวมไม่กล่าวถึงมากนัก ผู้ใหญ่ท่านเพียงกำชับว่าให้ใช้ชีวิตตามปรกติ ฝั่งโน้นเป็นเสมือนเจ้านาย ไม่มีเหตุอันใดที่เราต้องสอดรู้
ฉันเห็นว่าผู้ใหญ่ฝั่งกระโน้นเองก็ไม่มองมาที่ฝั่งเราเลยเช่นเดียวกัน
แต่ทว่า เมื่อนานมาแล้ว ฉันมองเห็นว่าคนฝั่งโน้นยังมีเด็กชายผู้หนึ่ง ใช้สายตานิ่งสงบของเขา มองมาทางนี้บ้างเช่นกัน คราที่เราเจอกันครั้งแรกนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ฉันมองดวงจันทร์ดวงโต พลางคิดว่าคนฝั่งโน้นจะมองดวงจันทร์ดวงเดียวกันหรือไม่ ทันใดนั้นเอง ฉันพบว่าเด็กชายผู้นั้นกำลังยืนมองดวงจันทร์ดวงเดียวกับฉันอยู่เช่นกัน เสี้ยวเวลาหนึ่งฉันเห็นเขามองมา เราสบตากันเพียงแวบเดียว ทว่าฉันมั่นใจนักว่าเขามองเห็นฉันตลอดมา เฉกเช่นเดียวกับที่ฉันเองก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาเช่นเดียวกัน