จริงๆทริปนี้ตั้งใจไว้นานแล้ว ตั้งแต่ก่อนโควิดเข้า จนตอนนี้ซาๆ ลงบ้างแล้ว เราเลยเอาแผนนี้ขึ้นมา revised อีกครั้ง วางแผนต่างๆ พวกตั๋วเดินทาง ที่พักใดๆ ทั้ง 2 ประเทศ เราจัดการให้เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนออกจากไทย

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ-อินชอน(เปลี่ยนเครื่อง)-ฟุกุโอกะ
โดยการเดินทางครั้งนี้เราเริ่มจากกรุงเทพฯ ไปฟุกุโอกะก่อน แต่ direct flight ที่มีก็ไม่ match กับแผนเรา (รวมทั้งงบประมาณและเวลาด้วย  ) เลยเลือกแบบต่อเครื่องที่อินชอน ก่อนบินมาลงฟุกุโอกะ ระหว่างรอต่อเครื่องก็เดินเล่นกินข้าวไปตามเรื่อง ของในสนามบินใหญ่ส่วนมากก็ราคาสูงกว่าข้างนอกเป็นปกติอ่ะเนอะ ไอ้เรามันไม่ใช่สาย shopping ก็ window shopping กันไป  

เครื่องดีเลย์จากเดิมไปกว่าชั่วโมง สังเกตว่าตอนต่อเครื่องไปฟุกุฯ ทั้งลำมีแค่เรากะสาฯ ที่ไม่ใช่คนเกาฯ เออ คนเกาฯ เขาก็ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกันนะ แต่อย่างว่าแหละก็เขาอยู่ใกล้กัน บินชั่วโมงกว่า 2 ชั่วโมงก็ถึงแระ พอถึงด่านตรวจผ่านคนเข้าเมืองเท่านั้นแหละ ตอนด่าน ตม. เขาก็ถามเยอะหน่อยเพราะพาสฯขาว พาสใหม่ ก็ตอบๆ ก็ผ่านได้ มาถึงด่านที่ต้องสำแดงของพอรู้ว่าจากไทย ขอเปิดกระเป๋าค้นจ้า โชว์รูปพวกสิ่งเสพติดให้เราดูและถามว่าเรามีของพวกนี้ไม๊ เอิ่มมมม แต่ก็ผ่านแหละ 
นั่ง domestic shuttle bus จากสนามบินเข้ามารถไฟใต้ดิน แล้วต่อใต้ดินมาลงสถานีฮากาตะ สถานีใหญ่ประมาณชินจุกุอ่ะ เป็นจุดเปลี่ยนรถทั้งชินคันเซน เอยอะไรเลย สถานีใหญ่มาก มี shopping plaza รายล้อมรอบๆ จากนั้นก็เดินหาที่พักค่ะ ซึ่งใกล้สถานีมากพูดเลย ถูกสุดในย่านนั้นแล้วมั้ง เดี๋ยวนี้เขาให้เชคอินเอง จ่ายเงินเอง หยิบการ์ดเข้าห้องเอง มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกนะ แต่หลักๆทำเอง 

เก็บของเสร็จเดินสำรวจรอบๆ ใกล้ที่สุดที่เดินจากที่พักไปได้ ระยะทาง 1 กิโลคือ Canal City เป็นห้างแหละ มีโชว์น้ำพุประกอบการแสดงแสง สี เสียงเรื่องกันดั้ม น่าจะไฮไลต์สุดแล้ว ตื่นตาตื่นใจดี ถือโอกาสฝากท้องไว้ที่นั่นด้วยเลย กับชั้น 5 ศูนย์รวมราเมนแบบละลานตา แบบเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
 
ส่วนอากาศ กลางวันเย็นๆ กลางคืนก็เย็นมากหน่อย พรุ่งนี้มีโปรแกรมออกนอกเมืองไปไม่ไกลมาก ไปไหว้พระขอพร วันเก็บแรงแค่นี้พอ เมื่อยเท้ามากกกก เหนื่อยมากด้วย