สวัสดีค่ะ มีเรื่องทุกข์ใจจะมาขอคำปรึกษา คำแนะนำค่ะ เราไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ตำรวจก็ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย ถูกข่มขู่ อยู่แบบหวาดระแวงมา 3 ปี ตอนนี้มีลูกเล็กด้วย จิตตกไปหมดแล้ว
ครอบครัวเรามีพี่น้อง 6 คน เมื่อปี 61 พ่อเราเสีย เลยโอนที่บ้านให้เป็นชื่อพี่สาวเรา และเราก็ปลูกบ้านในที่ผืนนี้ด้วย ส่วนอีกแปลงเป็นสวนยางพารา ย่าโอนให้เป็นชื่อวพวกเรา 6 คนพี่น้อง ถือกรรมสิทธิ์รวม
ผ่านไป เมื่อปลายปี 63 น้องชายของพ่อเป็นทหารเกษียร ย้ายกลับมาอยู่บ้าน มาปลูกบ้านอยู่ใกล้กับบ้านเรา ที่ดินติดกัน
ระหว่างที่บ้านยังไม่เสร็จก็มาอาศัยอยู่บ้านเรา บ้านพี่สาวเรา เราต้องทำกับข้าวให้กิน เสื้อผ้า พี่สาวเราซักรีดให้หมด จนเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 12 มีนาคม 2564 เขานำรถแบคโฮเข้าไปในสวนยางพาราของเรา เราเลยบอกเขาว่า "ระวังหน่อยอย่าให้รถมาถูกต้นยาง" แล้วก็ตามไปดูที่สวน เห็นรากยางและต้นยางถูกกระแทกไปสามสี่ต้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยพากันกลับมาบ้าน เขาก็บุกมาหาแม่เรา พามีดพร้ามาด้วยตอน 1 ทุ่ม เราเห็นท่าไม่ดีเลยบอกให้เขากลับไป แต่อยู่ ๆ เขาก็พุ่งเข้ามาตบเรา ในบ้านของเรา แม่เราเข้ามาห้ามไว้ เขาก็จะกลับไปเอามีดพร้ามาทำแม่เรา พี่เขยมาล็อคตัวเขาออกไปจนเขายอมกลับบ้าน แล้วส่งคนมาบอกเราว่าอย่าแจ้งความ ตอนนั้นแม่เราคิดว่าเป็นญาติกันเลยปล่อยผ่าน ทั้งที่แม่เองก็เจ็บ
คิดว่าเรื่องจะจบแค่นั้น แต่พอพี่เขยกับสามีเราไปทำงาน (พี่เรารับเหมาก่อสร้าง) ที่บ้านของเพื่อนบ้าน คนรู้จัก มัน(เราขอเรียกว่ามันนะคะ เพราะเราหมดนับถือแล้วจริงๆ )
มันก็เอาปืนไปข่มขู่จะยิงพี่เขย กับสามีเรา โดยที่เพื่อนบ้านก็เห็นและเป็นพยานได้ เพื่อนบ้านไล่มันไปพอคนอื่นเห็น มันก็ไม่กล้า
หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่กับมัน มันเก็บของกลับไปอยู่บ้านย่า แล้วขู่พวกเราว่าถ้าใครไปเหยียบบ้านย่า มันจะยิงให้หมด จนกระทั่งได้ข่าวว่า มีเด็กไปเล่นเสียงดังที่บ้าน มันก็เอาปืนยิงสวน จนกระสุนเฉี่ยวหัวเด็ก ไม่โดนนะคะ แต่เด็กเสียขวัญจนหลอนไปเลย (อันนี้เราก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมพ่อแม่เด็กไม่เอาความ)
ผ่านมาถึงปี 66 เราก็ต่างคนต่างอยู่กับมัน จนบ้านมันสร้างเสร็จ มันก็ไปขอรังวัดออกโฉนด พี่สาวเราก็ไปชี้แนวเขต ตกลงกันได้ด้วยดีว่าจะวางหมุดตรงไหน ในเดือนพฤษภาคม
จนผ่านมาถึงเดือน ตุลาคม 66 ที่ผ่านมา เราเห็นมันย้ายหมุดล้ำเข้ามาในที่ของเรา เราเลยบอกพี่ชาย บอกผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านก็พาเจ้าหน้าที่ที่ดินมาตรวจสอบ พี่ชายเราแม่เราก็ไปดู พอเห็นหน้าแม่เรา มันก็ด่าแม่เรา ว่าอย่ามายุ่งสมบัติของมัน ที่ดินนี่เป็นของพ่อก..ู มึ...ไม่มีสิทธิ์ แล้วก็ด่าด้วยคำหยาบคาย
พี่เราเลยบอกพูดแบบนั้นได้ไง ก็เราเป็นลูกพ่อ ที่ดินของพ่อ เราก็มีสิทธิ์อยู่ พออ้าปากเถียงมันแค่นั้นแหละ มันก็ปรี่เข้ามาจะทำร้านพี่ชายเรา แต่มันไม่เจียมสังขาร พี่เราหนุ่มกว่าเลยป้องกันตัว สวนกัน จนมันปากแตก มันก็เลยไปแจ้งความ เรียกค่าเสียหายพี่เรา สองแสน สรุปที่ก็ไม่ได้วัด
แล้วหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น มันก็ขับรถผ่านหน้าบ้าน พกปืนติดตัวไว้ตลอด บอกถ้าเจอพี่ชายเรา มันจะยิงหัวทันที พี่เราไปแจ้งความบ้าง แต่ตำรวจให้แค่บันทึกประจำวัน
ส่วนคดีที่พี่เราสวนมันจนปากแตก ตำรวจนำขึ้นชั้นศาล...?? พี่เราต้องเดินทางไปเสียค่าปรับและไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย และมันก็ยังคง พกปืน ข่มขู่พวกเราผ่านคนอื่นอยู่เนืองๆ
เรานึกเสียมากที่คืนนั้น ตอนมันทำร้ายแม่ เราไม่ไปแจ้งความ
ทุกวันนี้หมุดก็ยังล้ำเข้ามาในเขตเรา ที่รังวัดครั้งก่อน มันก็ไปยกเลิก ให้นายช่างมาวัดใหม่ แล้วมันก็แอบไปหา หัวหน้าระดับสูงของที่ดิน บอกให้วัดที่ให้มัน ทำให้เกินจากที่จริง แต่หัวหน้าเขาไม่ทำให้เพราะมันมีความผิด มันก็ยังตามตื๊ออยู่ทุกวัน
จนทุกวันนี้ ครอบครัวเราก็ต้องอยู่แบบหวาดระแวงต่อไป เราไม่รู้เลยว่ามันจะคลั่งยิงพวกเราวันไหน บ้านเราก็อยู่ใกล้กันด้วย เราอยากให้ทางการมาตรวจสอบ ริบปืนมันไปได้ไหม เราร้องเรียนใครได้บ้าง จิตตกมาสามปี ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ
ถูกขู่ฆ่า เอาปืนมาขู่ถึงบ้าน ถูกข่มขู่ ต้องอยู่แบบหวาดระแวงมา 3 ปี
ครอบครัวเรามีพี่น้อง 6 คน เมื่อปี 61 พ่อเราเสีย เลยโอนที่บ้านให้เป็นชื่อพี่สาวเรา และเราก็ปลูกบ้านในที่ผืนนี้ด้วย ส่วนอีกแปลงเป็นสวนยางพารา ย่าโอนให้เป็นชื่อวพวกเรา 6 คนพี่น้อง ถือกรรมสิทธิ์รวม
ผ่านไป เมื่อปลายปี 63 น้องชายของพ่อเป็นทหารเกษียร ย้ายกลับมาอยู่บ้าน มาปลูกบ้านอยู่ใกล้กับบ้านเรา ที่ดินติดกัน
ระหว่างที่บ้านยังไม่เสร็จก็มาอาศัยอยู่บ้านเรา บ้านพี่สาวเรา เราต้องทำกับข้าวให้กิน เสื้อผ้า พี่สาวเราซักรีดให้หมด จนเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 12 มีนาคม 2564 เขานำรถแบคโฮเข้าไปในสวนยางพาราของเรา เราเลยบอกเขาว่า "ระวังหน่อยอย่าให้รถมาถูกต้นยาง" แล้วก็ตามไปดูที่สวน เห็นรากยางและต้นยางถูกกระแทกไปสามสี่ต้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยพากันกลับมาบ้าน เขาก็บุกมาหาแม่เรา พามีดพร้ามาด้วยตอน 1 ทุ่ม เราเห็นท่าไม่ดีเลยบอกให้เขากลับไป แต่อยู่ ๆ เขาก็พุ่งเข้ามาตบเรา ในบ้านของเรา แม่เราเข้ามาห้ามไว้ เขาก็จะกลับไปเอามีดพร้ามาทำแม่เรา พี่เขยมาล็อคตัวเขาออกไปจนเขายอมกลับบ้าน แล้วส่งคนมาบอกเราว่าอย่าแจ้งความ ตอนนั้นแม่เราคิดว่าเป็นญาติกันเลยปล่อยผ่าน ทั้งที่แม่เองก็เจ็บ
คิดว่าเรื่องจะจบแค่นั้น แต่พอพี่เขยกับสามีเราไปทำงาน (พี่เรารับเหมาก่อสร้าง) ที่บ้านของเพื่อนบ้าน คนรู้จัก มัน(เราขอเรียกว่ามันนะคะ เพราะเราหมดนับถือแล้วจริงๆ )
มันก็เอาปืนไปข่มขู่จะยิงพี่เขย กับสามีเรา โดยที่เพื่อนบ้านก็เห็นและเป็นพยานได้ เพื่อนบ้านไล่มันไปพอคนอื่นเห็น มันก็ไม่กล้า
หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่กับมัน มันเก็บของกลับไปอยู่บ้านย่า แล้วขู่พวกเราว่าถ้าใครไปเหยียบบ้านย่า มันจะยิงให้หมด จนกระทั่งได้ข่าวว่า มีเด็กไปเล่นเสียงดังที่บ้าน มันก็เอาปืนยิงสวน จนกระสุนเฉี่ยวหัวเด็ก ไม่โดนนะคะ แต่เด็กเสียขวัญจนหลอนไปเลย (อันนี้เราก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมพ่อแม่เด็กไม่เอาความ)
ผ่านมาถึงปี 66 เราก็ต่างคนต่างอยู่กับมัน จนบ้านมันสร้างเสร็จ มันก็ไปขอรังวัดออกโฉนด พี่สาวเราก็ไปชี้แนวเขต ตกลงกันได้ด้วยดีว่าจะวางหมุดตรงไหน ในเดือนพฤษภาคม
จนผ่านมาถึงเดือน ตุลาคม 66 ที่ผ่านมา เราเห็นมันย้ายหมุดล้ำเข้ามาในที่ของเรา เราเลยบอกพี่ชาย บอกผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านก็พาเจ้าหน้าที่ที่ดินมาตรวจสอบ พี่ชายเราแม่เราก็ไปดู พอเห็นหน้าแม่เรา มันก็ด่าแม่เรา ว่าอย่ามายุ่งสมบัติของมัน ที่ดินนี่เป็นของพ่อก..ู มึ...ไม่มีสิทธิ์ แล้วก็ด่าด้วยคำหยาบคาย
พี่เราเลยบอกพูดแบบนั้นได้ไง ก็เราเป็นลูกพ่อ ที่ดินของพ่อ เราก็มีสิทธิ์อยู่ พออ้าปากเถียงมันแค่นั้นแหละ มันก็ปรี่เข้ามาจะทำร้านพี่ชายเรา แต่มันไม่เจียมสังขาร พี่เราหนุ่มกว่าเลยป้องกันตัว สวนกัน จนมันปากแตก มันก็เลยไปแจ้งความ เรียกค่าเสียหายพี่เรา สองแสน สรุปที่ก็ไม่ได้วัด
แล้วหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น มันก็ขับรถผ่านหน้าบ้าน พกปืนติดตัวไว้ตลอด บอกถ้าเจอพี่ชายเรา มันจะยิงหัวทันที พี่เราไปแจ้งความบ้าง แต่ตำรวจให้แค่บันทึกประจำวัน
ส่วนคดีที่พี่เราสวนมันจนปากแตก ตำรวจนำขึ้นชั้นศาล...?? พี่เราต้องเดินทางไปเสียค่าปรับและไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย และมันก็ยังคง พกปืน ข่มขู่พวกเราผ่านคนอื่นอยู่เนืองๆ
เรานึกเสียมากที่คืนนั้น ตอนมันทำร้ายแม่ เราไม่ไปแจ้งความ
ทุกวันนี้หมุดก็ยังล้ำเข้ามาในเขตเรา ที่รังวัดครั้งก่อน มันก็ไปยกเลิก ให้นายช่างมาวัดใหม่ แล้วมันก็แอบไปหา หัวหน้าระดับสูงของที่ดิน บอกให้วัดที่ให้มัน ทำให้เกินจากที่จริง แต่หัวหน้าเขาไม่ทำให้เพราะมันมีความผิด มันก็ยังตามตื๊ออยู่ทุกวัน
จนทุกวันนี้ ครอบครัวเราก็ต้องอยู่แบบหวาดระแวงต่อไป เราไม่รู้เลยว่ามันจะคลั่งยิงพวกเราวันไหน บ้านเราก็อยู่ใกล้กันด้วย เราอยากให้ทางการมาตรวจสอบ ริบปืนมันไปได้ไหม เราร้องเรียนใครได้บ้าง จิตตกมาสามปี ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ