สวัสดีเพื่อนๆ ชาวกรุงโซลทุกคนนนน วันนี้มาทักทายด้วยภาษาไทยแบบชัดเจน เพราะคอนเสิร์ตที่น้องเพี้ยนจะพาไปเกาะติดขอบเวทีเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลีสายเลือดไทย 100% ที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนในประเทศไทยก็จะเห็นหน้าเขาเต็มที่สาธารณะทั่วไปหมด พูดขนาดนี้จะเป็นใครไปได้นอกจาก
แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือ แบมแบม GOT7 ที่เรารู้จักกันดีนี่เอง กับคอนเสิร์ตที่ชื่อว่า
BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA52] in Bangkok ที่จัดขึ้นในวันที่ 28-29 ตุลาคม 2566 ณ ธันเดอร์โดมสเตเดี้ยม
บอกเลยว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นที่สุดของความพิเศษหลายๆ อย่างของหนุ่มแบมแบมเลย อย่างแรกคือเป็นเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกในชีวิตในฐานะศิลปินเดี่ยว โดยชื่อ AREA52 ก็มีแรงบันดาลใจมาจาก AREA51 ที่เป็นพื้นที่ลึกลับเกี่ยวกับอวกาศ และตัวเลข 52 ก็มาจากเลขวันเกิดของแบมแบม ในวันที่ 2 พฤษภาคมนั่นเอง รวมๆ แล้วจะเป็นคอนเสิร์ตในธีมอวกาศที่เป็นพื้นที่ที่จะเกิดความสนุกอะไรขึ้นก็ได้ แถมครั้งนี้ยังเป็นการจัดในบ้านเกิดเมืองนอนในสเกลสเตเดี้ยมครั้งแรกอีกด้วย และเรื่องความฮอตไม่ต้องพูดถึงเพราะจัด 2 วัน ก็ประกาศบัตร SOLD OUT ทั้ง 2 วัน เรียกได้ว่าสมการรอคอยและสมศักดิ์ศรีเมืองเมียหลวงของอากาเซสุดๆ
มาที่บรรยากาศก่อนเริ่มคอนเสิร์ตครั้งนี้ดูคึกคัก มีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เนื่องจากจัดสนามกีฬากลางแจ้ง แฟนคลับที่มาส่วนใหญ่แต่งตัวมาในลุคสีแดง-ดำ และบางคนก็มาในชุดวิ้งวับฟีลกาแล็กซี่อวกาศตามคอนเซ็ปต์งาน บริเวณรอบๆ มีซุ้มกิจกรรม ซุ้มอาหารเครื่องดื่ม ไว้ให้บริการและเป็นจุดนัดพบของแฟนๆ ก่อนเข้าคอน ดูแล้วก็คล้ายเป็นงานเฟสติวัลย่อมๆ งานนึงได้เลย เอาเป็นว่าแค่เดินไปเดินมาก็เหมือนได้อุ่นเครื่องพร้อมรอชมการแสดงของแบมแบมในคอนเสิร์ตแล้ว
ถึงเวลาเข้าสนามก็เจอกับความคับคั่งของเหล่าประชากรอากาเซและคนรักแบมแบม ทั้งบนอัฒจันทร์และในหลุมทั้ง 4 ที่ยืนกันจนเต็มพื้นที่ความจุของสนาม ล้อมรอบด้วยเวทีที่ทางเดินยาวจนต้องร้องขอชีวิตทีเดียว ซึ่งผังเวทีแบบนี้เป็นผังที่แฟนคลับทุกคนใฝ่ฝัน เรียกได้ว่าแบมแบมจัดให้จุใจ และเมื่อเริ่มแดดร่มลมตกก็เกือบถึงเวลาโชว์ แฟนๆ ต่างชูอากาบงหรือแท่งไฟประจำวง GOT7 ขึ้นมาเป็นอาวุธส่องแสงสีเขียวสว่างสไว และพอถูกควบคุมโดยทีมงานในสนามให้เปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ ก็เหมือนเป็นสัญญาณว่าทุกคนพร้อมที่จะสนุกสนานไปด้วยกันแล้ว

18.00 น. ตรงเป๊ะ เมื่อผ้าคลุมเวที AREA52 เปิดออกก็ถือว่าได้ฤกษ์เปิดคอนเสิร์ตโซโล่ทัวร์ของแบมแบมอย่างเป็นทางการ เพลงที่ดังขึ้นเพลงแรกคือ Satellites เพลงซาวด์ล้ำๆ ที่มาพร้อมเสียงแรปแซ่บๆ ของแบมแบมในลุคผมสีแดงเพลิงทำเอาสะกดสายตาคนได้ทั้งสนาม และไม่ขาดตอนกับเพลง Wheels up ที่เคยไปผงาดโชว์ที่ half time show ของแมตช์การแข่งบาสเก็ตบอล NBA มาแล้ว ต่อด้วย Pandora เพลงเผ็ชๆ ท่าเต้นสุดเซ็กซี่จากอัลบั้มแรกของเจ้าตัว และเพลงไตเติลจากอัลบั้มล่าสุด Sour&Sweet หรือน้องเปรี้ยวหวานที่แฟนคลับเรียกกัน ตามด้วยเพลง Ride or Die ที่ดนตรีสนุกไม่มีพัก เมดเลย์ 5 เพลงติดๆ กับโปรดักชั่นแสงสีเสียงสุดอลังการดาวล้านดวง ถือเป็นการเรียกน้ำย่อยได้อย่างถึงใจสุดๆ ก่อนจะเข้าหลังเวทีเพื่อเตรียมพร้อมในสเตจถัดไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะมี VTR พิเศษให้ดูความหล่อแบบเพลินๆ คั่นเวลาด้วย



กลับมาอีกครั้งกับเวทีที่คลอด้วยเสียงดนตรีเบาสบาย แบมแบมปรากฏตัวในชุดสูทสีแดงร้องเพลงช้าอย่าง Let’s dance ให้แฟนๆ ดื่มด่ำกับเสียงนุ่มๆ และในครึ่งเพลงหลังก็วาดลีลาการเต้นที่สวยงามอ่อนช้อยโชว์ไลน์การเต้นที่คมกริบชัดเจน ต่อด้วยเพลงที่หลายๆ คนรอคอยกับ Who are you ที่ออริจินัลเป็นการ Featuring กับซึลกิ วง Red velvet ซึ่งเป็นเพลงที่โชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์การเต้นแนวคอนเทมโพรารี่แดนซ์เช่นกัน ทั้งแบมแบมและแดนเซอร์คู่เต้นแสดงโชว์ได้อย่างน่าประทับใจจนเหมือนได้ดูงานศิลปะดีๆ งานหนึ่งทีเดียว ก่อนที่แบมแบมจะพักทักทายทุกคนในสนามกีฬาทั่วทุกทิศทาง กล่าวต้อนรับสู่เวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้ง และขอบคุณทุกๆ คนที่มาเป็นส่วนหนึ่งในวันนี้

แล้วหนุ่มแบมแบมเข้าสู่เพลงต่อไปด้วยเพลง Wings ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นเพลงสำหรับ IGOT7 แฟนคลับที่คอยรักคอยเอ็นดูพวกเรามาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ในตอนที่เรายังเหมือนเป็นขนนกเล็กๆ ตอนนี้ก็ยังอยู่กับผมและ GOT7 จนกลายเป็นเหมือนปีกที่แข็งแรงโอบอุ้มผมมาตลอด จึงอยากจะตอบแทนทุกคนด้วยเพลงเพราะๆ เพลงนี้ จากนั้นก็มาซึ้งกันต่อด้วยเพลง Ghost เพลงช้าความหมายดีที่แบมแบมแต่งขึ้นมาเพื่อระลึกถึงคุณพ่อที่จากไป และมาเพิ่มจังหวะอีกนิดด้วยเพลง Take it easy ที่อยู่ในอัลบั้มล่าสุดซึ่งเป็นเพลงที่เนื้อหาให้ใจเย็นและปล่อยวางกับการใช้ชีวิต
ทิ้งท้ายช่วงด้วยเซอร์ไพรส์สุดพิเศษกับโชว์ที่แบมแบมเตรียมมาเพื่อแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ กับเพลง Fire Boy ของหนุ่มพีพี กฤษฎ์ เพลงสุดเซ็กซี่ขี้เล่นแต่แซ่บไฟลุก ผนวกกับท่าเต้นฉีกเสื้อสุดซี้ดที่แบมแบมบอกว่ากว่าจะเป็นโชว์เพลงนี้ต้องเตรียมฟิตร่างกายเพาะซิกซ์แพ็กเป็นเวลานาน 3 เดือน ซึ่งใครได้ดูต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยที่สุด!
แวะพักหายใจหายคอกับโชว์เมื่อครู่กับแขกรับเชิญสุดพิเศษของแบมแบม อย่าง มาร์ค ต้วน หรือพี่มาร์ค GOT7 นั่นเอง มาครั้งนี้พี่เค้าขนเพลงใหม่ๆ ของตัวเองมาเอาใจแฟนๆ มากถึง 3 เพลง เริ่มด้วยเพลง Everyone else fades เพลงรักหลงใหลมองใครๆ ก็กลายเป็นแบ็กกราวด์เมื่อเจอเธอ ต่อด้วยเพลงดนตรีสดใสฟีลวัยไฮสคูลอย่าง Your world ให้โยกตามได้เบาๆ และปิดท้ายด้วยเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมาสดๆ ร้อนๆ อย่าง Fallin’ ที่หยิบมาโชว์บนเวทีนี้เป็นที่แรกในโลกอีกด้วย
จากนั้นแบมแบมก็ออกมาสมทบบนเวทีกับมาร์คอีกครั้งหนึ่ง และทั้งสองคนก็ได้ร่วมโชว์ทั้งร้อง ทั้งแรป ทั้งเต้นเพลง Tippy Toe ของแบมแบมด้วยกัน ในช่วงพักพูดคุย แบมแบมเอ่ยปากขอบคุณมาร์คที่มาเป็นส่วนหนึ่งในโชว์และก็วันสำคัญของตนเองตลอด ส่วนมาร์คก็บอกว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอากาเซเต็มสเตเดี้ยมแบบนี้ และทั้งคู่ก็เอาใจแฟนๆ กันต่อด้วยการแสดงเพลงของ GOT7 ที่หลายคนคิดถึงอย่าง NANANA และ Lullaby เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงแฟนชานท์ของวงได้กระหึ่มทั้งสนาม
เข้าสู่ช่วง Lucky draw จับสลากจากหางบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 20 รางวัล เป็นช่วงเวลาสุดลุ้นระทึกของแฟนๆ ทุกโซนในสนาม ตามคำสัญญาของแบมแบมว่าถ้าวันหนึ่งจัดคอนเสิร์ตจะพยายามให้สิทธิ์กับแฟนๆ อย่างทั่วถึงทุกบัตร ทุกราคาในการถ่ายรูป 1:1 ร่วมกับแบมแบม ซึ่งเจ้าตัวก็ลงมือจับเองสดๆ โชว์บนเวทีเลย เรียกได้ว่าใครมูอะไรต้องงัดออกมาใช้กันตอนนี้ให้หมด เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ ใครได้ไปก็คือแต้มบุญสูงจริงจัง
กลับสู่การโชว์ต่อกับเพลงที่แบมแบมบอกว่าเคยไปแสดงที่เม็กซิโกและหลายคนชอบท่าเต้นสุดพลิ้วและเซ็กซี่นี้มากๆ จนตั้งตาคอยการแสดงที่ไทยกับเพลง Air และ Subliminal ที่พอได้ชมแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ทันที จากนั้นก็มาถึงเพลงสำคัญที่แบมแบมแนะนำว่าถือว่าเป็นเพลงชุบชีวิตของเขาใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยว นั่นก็คือเพลง riBBon เพลงไตเติลในโซโล่อัลบั้มแรกที่มีเมโลดี้สนุกสนานสดใสเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ความเป็นแบมแบมถึงขีดสุด ซึ่งรอบนี้ดนตรีมีความเข้มข้นขึ้นซึ่งเหมาะกับการเป็นเวอร์ชั่นในคอนเสิร์ตทำเอาโยกหัวตามได้สบายๆ และในเพลงนี้เองแฟนคลับก็ได้ทำโปรเจ็กต์แปรป้ายไฟบนสเตเดี้ยมเป็นคำว่า WE 52 ❤️ BAM เพื่อแสดงการซัพพอร์ตให้หนุ่มแบมแบมด้วยความรักล้นใจ หลังจากนั้นแบมแบมก็บอกลาแฟนๆ และลงจากเวทีไป
"แบมแบม" สร้างปรากฏการณ์ AREA52 เวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวสเตเดี้ยม 2 รอบ SOLD OUT ที่ไทย
บอกเลยว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นที่สุดของความพิเศษหลายๆ อย่างของหนุ่มแบมแบมเลย อย่างแรกคือเป็นเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกในชีวิตในฐานะศิลปินเดี่ยว โดยชื่อ AREA52 ก็มีแรงบันดาลใจมาจาก AREA51 ที่เป็นพื้นที่ลึกลับเกี่ยวกับอวกาศ และตัวเลข 52 ก็มาจากเลขวันเกิดของแบมแบม ในวันที่ 2 พฤษภาคมนั่นเอง รวมๆ แล้วจะเป็นคอนเสิร์ตในธีมอวกาศที่เป็นพื้นที่ที่จะเกิดความสนุกอะไรขึ้นก็ได้ แถมครั้งนี้ยังเป็นการจัดในบ้านเกิดเมืองนอนในสเกลสเตเดี้ยมครั้งแรกอีกด้วย และเรื่องความฮอตไม่ต้องพูดถึงเพราะจัด 2 วัน ก็ประกาศบัตร SOLD OUT ทั้ง 2 วัน เรียกได้ว่าสมการรอคอยและสมศักดิ์ศรีเมืองเมียหลวงของอากาเซสุดๆ
มาที่บรรยากาศก่อนเริ่มคอนเสิร์ตครั้งนี้ดูคึกคัก มีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เนื่องจากจัดสนามกีฬากลางแจ้ง แฟนคลับที่มาส่วนใหญ่แต่งตัวมาในลุคสีแดง-ดำ และบางคนก็มาในชุดวิ้งวับฟีลกาแล็กซี่อวกาศตามคอนเซ็ปต์งาน บริเวณรอบๆ มีซุ้มกิจกรรม ซุ้มอาหารเครื่องดื่ม ไว้ให้บริการและเป็นจุดนัดพบของแฟนๆ ก่อนเข้าคอน ดูแล้วก็คล้ายเป็นงานเฟสติวัลย่อมๆ งานนึงได้เลย เอาเป็นว่าแค่เดินไปเดินมาก็เหมือนได้อุ่นเครื่องพร้อมรอชมการแสดงของแบมแบมในคอนเสิร์ตแล้ว
ถึงเวลาเข้าสนามก็เจอกับความคับคั่งของเหล่าประชากรอากาเซและคนรักแบมแบม ทั้งบนอัฒจันทร์และในหลุมทั้ง 4 ที่ยืนกันจนเต็มพื้นที่ความจุของสนาม ล้อมรอบด้วยเวทีที่ทางเดินยาวจนต้องร้องขอชีวิตทีเดียว ซึ่งผังเวทีแบบนี้เป็นผังที่แฟนคลับทุกคนใฝ่ฝัน เรียกได้ว่าแบมแบมจัดให้จุใจ และเมื่อเริ่มแดดร่มลมตกก็เกือบถึงเวลาโชว์ แฟนๆ ต่างชูอากาบงหรือแท่งไฟประจำวง GOT7 ขึ้นมาเป็นอาวุธส่องแสงสีเขียวสว่างสไว และพอถูกควบคุมโดยทีมงานในสนามให้เปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ ก็เหมือนเป็นสัญญาณว่าทุกคนพร้อมที่จะสนุกสนานไปด้วยกันแล้ว
ทิ้งท้ายช่วงด้วยเซอร์ไพรส์สุดพิเศษกับโชว์ที่แบมแบมเตรียมมาเพื่อแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ กับเพลง Fire Boy ของหนุ่มพีพี กฤษฎ์ เพลงสุดเซ็กซี่ขี้เล่นแต่แซ่บไฟลุก ผนวกกับท่าเต้นฉีกเสื้อสุดซี้ดที่แบมแบมบอกว่ากว่าจะเป็นโชว์เพลงนี้ต้องเตรียมฟิตร่างกายเพาะซิกซ์แพ็กเป็นเวลานาน 3 เดือน ซึ่งใครได้ดูต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยที่สุด!
กลับสู่การโชว์ต่อกับเพลงที่แบมแบมบอกว่าเคยไปแสดงที่เม็กซิโกและหลายคนชอบท่าเต้นสุดพลิ้วและเซ็กซี่นี้มากๆ จนตั้งตาคอยการแสดงที่ไทยกับเพลง Air และ Subliminal ที่พอได้ชมแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ทันที จากนั้นก็มาถึงเพลงสำคัญที่แบมแบมแนะนำว่าถือว่าเป็นเพลงชุบชีวิตของเขาใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยว นั่นก็คือเพลง riBBon เพลงไตเติลในโซโล่อัลบั้มแรกที่มีเมโลดี้สนุกสนานสดใสเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ความเป็นแบมแบมถึงขีดสุด ซึ่งรอบนี้ดนตรีมีความเข้มข้นขึ้นซึ่งเหมาะกับการเป็นเวอร์ชั่นในคอนเสิร์ตทำเอาโยกหัวตามได้สบายๆ และในเพลงนี้เองแฟนคลับก็ได้ทำโปรเจ็กต์แปรป้ายไฟบนสเตเดี้ยมเป็นคำว่า WE 52 ❤️ BAM เพื่อแสดงการซัพพอร์ตให้หนุ่มแบมแบมด้วยความรักล้นใจ หลังจากนั้นแบมแบมก็บอกลาแฟนๆ และลงจากเวทีไป