"ถามว่ามาส่งให้ใคร
คนส่งก็ไม่รู้
ถามว่าที่อยู่จัดส่งถูกใช่ไหม
คนส่งก็ไม่รู้
เดี๋ยวนะฮะ เดี๋ยว!! คนรับไม่รู้น่ะ ไม่แปลก แต่คนส่งอ่ะ ต้องรู้ไหม ว่ามาส่งของให้ใครก่อนนนนนนน"
ก่อน ของเขาที่ลากยาวเชิงเสียดสีนั้น ทำเอาฉันหัวเราะจนตัวโยน
กุหลาบช่อยักษ์ที่วางเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะรับแขกในร้าน คือที่มาของเรื่องเล่าชวนหัวจากเพื่อนร่วมงานของฉัน
กุหลาบช่อยักษ์ส่งมาตรงกับวันเกิด
เพราะต้องการให้เป็นเซอร์ไพรส์แก่ฉัน
จึงไม่มีการบอกกล่าวใด ๆ ล่วงหน้า
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ
ฉัน ผู้เป็นเจ้าของวันเกิดก็โน่น บินไปฉลองวันเกิดอย่างเอิกเกริก เกรียงไกรกับน้องชายฉันที่เมืองดอกบัวโน่น
เมื่อกุหลาบช่อยักษ์มาส่งถึงร้านเสริมสวยแมว-หมาเท่านั้น ความอลหม่านบ้านทรายทองอย่างที่เล่าไว้ข้างต้นจึงบังเกิด
Girl on Fire
ชื่อกุหลาบช่อนี้ถูกตั้งตามชื่อเพลงของ- Alicia Keys
เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่น ความมั่นใจในตัวเองของหญิงสาว
กุหลาบสีส้ม คือ พลังอันเร่าร้อนของ
กุหลาบสีแดง คือ เสน่ห์อันเย้ายวน
Girl on fire
ดอกไม้ไฟที่เย้ายวนและน่าหลงไหล
ส่วนทิวลิปสีส้มสดใส ซึ่งเบ่งบานท่ามกลางกุหลาบนั้น เพิ่มความขี้เล่นด้วยเสน่ห์ของวัยเยาว์ที่ไม่เคยจากไปไหน
Girl On Fire”
จึงเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกตื่นเต้น และความรู้สึกชื่นชมอย่างแท้จริง ที่ผู้มอบให้มีต่อผู้ได้รับดอกไม้ช่อนี้
นั่นเป็นคำจำกัดความที่ร้านดอกไม้ให้ไว้เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องเลือกเฟ้นช่อดอกไม้ให้แก่คนพิเศษ ในโอกาสพิเศษ
She's living in a world and it's on fire
Girl on fire
คือช่อดอกไม้ที่ส่งมาให้เนื่องในวันเกิด
ฉันไม่อยู่รับความเซอรไพรส์ไง
คนที่เซอร์ไพรส์จึงเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ ที่ร้อนรนโทรถามไถ่ฉันว่าได้รับช่อดอกไม้ของร้านแล้วหรือไม่
ด้วยว่าคนส่งก็กลับไปรายงานแบบงง ๆ ว่า คนรับก็ทำตัว งงๆ
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ
ฉันเป็นสาวราศีกันย์ ที่ละเอียดละออ พิถีพิถัน จุกจิก จู้จี้มันไปเสียแทบทั้งนั้น
ฉันจะรู้สึกสบายมากกว่า หากได้รู้ข้อมูลอะไรใดๆ ล่วงหน้า
สบายใจมากกว่า หากได้กะเกณฑ์ไว้แล้วว่าชีวิตในแต่ละวันมันจะเป็นไปอย่างไร
ฉันจึงเกลียด การเซอร์ไพรส์ ที่สุด
เพราะนั่นหมายความมว่า
ฉัน ไม่รู้อไรล่วงหน้า
มันผิดแผนการใช้ชีวืตของฉัน
ข้อสำคัญ คือ
การเซอร์ไพรส์เหล่านั้น
อาจจะ อาจจะนะ
อาจจะทำให้ฉันแสดง emotion มากเกินไป
ทุกคนในชีวิตที่ใกล้ชิดกัน รักกันมากพอ ปราราถนาดีต่อกันมากพอที่จะให้ของขวัญวันเกิด
รู้เรื่องนี้ดีที่สุด
ดังนั้น จนปูนนี้ ฉันมีเซอร์ไพรส์วันเกิดนับครั้งถ้วน
และ
ยิ่งโตขึ้นมากเท่าไหร่ ความสำคัญต่อวาระนี้ ความตื่นเต้นต่อวาระนี้ก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ
ของขวัญ ไม่ได้เป็นสาระสำคัญใดอีกต่อไป
การมีมิตรสหายซื้อหนังสือเล่มใหม่ให้
ชวนไปกินชาบู บางคนมารับไปกินโรตี บ้างก็มีมาชวนไปกินหมูกระทะ
นั่นถือเป็นความพิเศษ ที่ อิ่มเอมใจมากล้น จนน้ำตารื้นได้เลยทีเดียว
แต่ว่า
กันยายนปีนี้ มีเรื่องให้ประหลาดใจ ไม่เหมือนกันยายนแต่ละปีที่ผ่านมา
ใครคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าไม่น่าจะจำวันเกิดฉันได้ เกิดจำได้ขึ้นมาดื้อ ๆ
นอกจากจำได้ขึ้นมาดื้อ ๆแล้ว
ก็ยังทำให้มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็น big issue
ตั๋วเรือบินไปกลับ
เพื่อไปฉลองวันเกิดกับครอบครัวใหญ่ของน้องชายที่หัวเมืองริมโขง
เป็นของขวัญวันเกิดในวาระที่ใครคนหนึ่งคนรั้น เกิดจำวันเกิดฉันได้ขึ้นมาดื้อ ๆ
“ฉันเป็นพี่สาวของเธอนะ
ฉันต้องจำวันเกิดเธอได้สิ”
ทั้งที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนอายุปูนนี้ เราไม่เคยได้พูดถึงเรื่องนี้กันเลยนี่นะ
“ฉันอยากกอดเธอมากนะ
มาให้ฉันได้กอดให้ชื่นใจสักครั้งเถอะ”
สปอนเซอร์ตั๋วเรือบินบอกมาหนักแน่น
“ตัวเกิดวันเดียวกันกับพ่อตาเค้าเลย ที่บ้านทำบุญเลี้ยงพระ ตัวมาร่วมงานบุญด้วยกันสิ”
น้องชายคนโปรดสำทับมาอย่างนั้น
ทุกอย่างมีวาระของมัน ฉันว่านะ
ความรัก ความคิดถึงระหว่างกันมันคงปริ่ม ๆ จวนเจียนจะล้นอก
พวกเราต่างโหยหาอ้อมกอดที่คุ้นเคย
อ้อมกอดที่เปี่ยมด้วยรักล้นใจ
อ้อมกอดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ยังคงเป้นของเราอยู่อย่างนั้น
โลกนี้เต็มไปด้วยคนโดดเดี่ยวที่ไม่กล้าแสดงตัวก่อน
ฉันจึงไม่อิดเอื้อน
เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
ลางานกับลูกน้องของตนเอง แล้วออกเดินทาง
ฉันชอบบรรยากาศแบบนั้น
วันโฮม
ชาวบ้านมากมาย วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ มุ่งหน้าสู่บ้านพ่อตาของน้องชายฉัน ต่างมารวมกันเพื่อ ช่วยงานบุญ
เด็กหนุ่ม ชายฉกรรจ์ กุลีกุจอกางเต๊นท์ ตั้งโต๊ะ วางเก้าอี้เพื่อรับรองแขกไปไทยมา
สาว ๆ ช่วยกันห่อข้ามต้มมัดอย่างชำนาญ
แผนกห่อก็จับกลีบใบตองพับทบกันคล่องแคล่ว ชวนมอง
ห่อเสร็จส่งไปให้แผนกมัดนำข้าวต้มประกบกัน ใช้ตอกพันอย่างว่องไว สอดปลายตอกเข้าไว้ จัดวางเรียงข้าวต้มมัดลงในซึ้ง เตรียมส่งต่อให้แผนกนึ่งนำไปจัดการต่อ
แม่ครัวสาวใหญ่ง่วนอยู่กับเมนูอาหาร ลาบปลา หมกหน่อไม้ ปอเปี๊ยะทอด แกงหน่อหวาย แกงไข่ผำ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนผลหมากรากไม้ ที่ล้าง ผึ่งไว้เตรียมาจัดงจานใหญ่ก็ทำไปอย่างขันแข็ง
ขนมไทย ขนมฝรั่ง สัมปาปิที่เพื่อนบ้านเอามาร่วมบุญ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย งามตา
ฉันพินิจดูความขวักไขว่ของผู้คนเหล่านั้นด้วยความปิติ
อุ๊บอิ๊บเอาว่า ปีนี้ฉันช่างมีบุญ ได้มีงานวันเกิดที่เอิกเริก เกรียงไกร ราวกับว่า เป็นซุปเปอร์สตาร์ทีเดียว
เพราะว่า
พรุ่งนี้ผู้คนทั้งหมู่บ้านจะมาร่วมฉลองงานวันเกิดของฉัน
พ่อตาของน้องชายฉันเป็นครูที่เกษียณอายุราชการแล้ว
หากความดีงามที่สั่งสมมาตลอดนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้าน และมิตรสหาย
จึงไม่แปลกอันใดที่งานวันเกิดในหมู่บ้านเลียบโขงแสนไกลนั้น จะอุ่นหนาฝาคั่ง สัมผัสหด้ถึงกระแสแห่งความดีงามที่แต่ละคนกระจายออกมาสู่กัน
Good Vibes
ฉันนั่งเอี้ยมเฟี้ยมรับพรที่พระสงฆ์ทั้ง 9 รูป ต่างร่วมกันสวดให้พรแก่พวกเรา
จากนั้นฉันใส่บาตรด้วยอาหาร ขนม ผลไม้ ที่มีคนจัดเตรียมไว้ให้แก่เจ้าของวันเกิดทั้ง 2 คน พร้อมสรรพ
ถวายเพล รับพรอีกครั้ง
กรวดน้ำตามธรรมเนียม
จึงเป็นช่วงเวลาสู่ขวัญผูกแขนเจ้าของวันเกิด ทั้ง 2 คน
ผู้เฒ่า ผู้แก่ผูกด้ายสายสิญจน์สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความดี ความงาม ลงบนข้อมือของฉัน
ให้ศีลให้พรที่เปี่ยมไปด้วยถ้อยคำแสนดี
ถ้อยคำที่เป็นมงคลแก่ชีวิต
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ ที่คนเกิดวันเดียวกันจะได้มาเกี่ยวดองเป็นญาติพี่น้องกัน แล้วยังได้มาร่วมทำบุญด้วยกันแบบนี้ทั้งที่อยู่ห่างกันแสนไกล
ถือเป็นบุญที่มีร่วมกัน
เมื่อเป็นญาติกันแล้วก็ขอให้เป็นตลอดไปนะ”
ป้าของเมียน้องชายฉันบอกอย่างนั้น ขณะลงมือผูกสายสิญจน์ลงบนข้อมือฉัน
“
ขอให้เป็นที่รักของทั้งมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปแห่งหนใดก็ตาม”
ฉันน้ำตารื้นต่อคำอวยพรที่ช่างจับจิตจับใจนักหนา
แล้วก็ถึงเวลา โอมากาเสะ
โอย สวรรค์ดี ๆ นี่เอง
ในชุดเอาบุญที่ผู้คนต่างออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า งามแท้
ฉันถือถ้วยหนึ่งใบ ช้อนอีกหนึ่งคัน เดินตีนเปล่าจากโต๊ะนี้ไปโต๊ะนั้น ชิมอาหารทุกจานให้วุ่นวายไปหมด
“เพิ่นถือว่าไม่มีใครรู้จัก
ได้ถ้วยใบนึงเพิ่นเดินตักกินรอบงานเลย เกิบก็ไม่ใส่”
คุณน้าของเมียน้องชายแซวฉันอย่างเอ็นดู
ครึ่งวันเช้าของพวกเราหมดไปกับการกิน อาหารเครื่องดื่ม เต็มคราบ
“มาช่วยกันเฮ็ดเวียก มา”
น้องชายบัญชาอย่างนั้น
เมื่อถึงครึ่งวันบ่าย
ซึ่งเป็นการเก็บกวาด ทำความสะอาด ถ้วยโถโอชามและอุปกรณ์ทั้งหลายที่ยืมของวัดมา เพื่อนำไปส่งคืน ฉันขยันขันแข็งกับการเช็ดถ้วยโถโอชามให้แห้ง หลังการล้างทำความสะอาดแล้ว ก่อนจัดวางลงตระกร้า แยกนำไปคืนตามแหล่งที่ขอยืมมา
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อมีข้อความส่งเข้ามา
“ลาล่ามูฟกำลังนำส่งพัสดุหมายเลข….ถึงท่าน”
น่าจะเป็นการส่งข้อความผิดเบอร์ไหมนะ ฉันนึกอย่างนั้นทันทีที่อ่านข้อความจบ
เพราะฉันไม่ได้สั่งสินค้าออนไลน์ค้างไว้ จึงไม่น่าจะใช่ข้อความที่ผู้ขายต้องการสื่อสารกับฉัน
ช่างมันเถอะ
ฉันเลิกใส่ใจและหันกลับไปทำงานของฉันต่อไปจนสำเร็จ
เบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ ที่แสดงบนหน้าจอนั้น ทำให้ฉันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะกดทิ้งดีไหม
จะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่
แต่แล้วฉันก็กดรับสาย
“คุณ…ไหมครับ ได้รับดอกไม้หรือยังครับ” ปลายสายทักมาอย่างนั้นทันทีที่ฉันกล่าวคำสวัสดี
อ้าวเฮ้ย!!!
Dead Air สิคะจะรออะไร
นานด้วยสิ
“คนส่งไปส่งดอกไม้ให้คุณ…ที่ร้านครับ คนรับดูท่าทาง งง ๆ เลยโทรมาถามให้แน่ใจว่าได้รับช่อดอกไม้แล้วหรือยัง”
ปลายสายแนะนำตัวว่าโทรมาจากร้านดอกไม้ย่านสุขุมวิท ก่อนร่ายยาวถึงสาเหคุของการโทรมาหาฉัน
ฉันปฏิเสธว่าขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่จะโทรศัพท์ไปถามไถ่ว่ามีใครรับช่อดอกไม้ไว้หรือไม่
ความประหลาดใจพุ่งพล่านในหัว
ฉันถามรายละเอียดจากเจ้าของร้านดอกไม้เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
“คุณ Geoffrey สั่งออนไลน์ครับ เรารับออเดอร์จากอังกฤษ”
Girl on fire
สวย สตรอง รอฉันอยู่ 2 วันเพื่อให้ฉันกลับมาชื่นชม
“watch what I say”
ขณะพินิจกุหลาบดอกโตหลายทีละดอก
คำพูดของเจ้าของกุหลาบช่อนี้ก็ชัดเจนราวกับว่าเขามาพูดอยู่ที่ข้างหูฉันนี่เอง
“I kept my word”
สีหน้าหยิ่ง ๆ ขณะพูดจาคำนั้น ก็ยิ่งชัดเจนราวกับว่า เขาถือกุหลาบช่อนี้มายืนพูดอยู่ตรงหน้าฉัน
เริ่มชอบการเซอร์ไพรส์ดีไหมนะ?
กุหลาบช่อยักษ์ที่วางเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะรับแขกในร้าน คือที่มาของเรื่องเล่าชวนหัวจากเพื่อนร่วมงานของฉัน
กุหลาบช่อยักษ์ส่งมาตรงกับวันเกิด
เพราะต้องการให้เป็นเซอร์ไพรส์แก่ฉัน
จึงไม่มีการบอกกล่าวใด ๆ ล่วงหน้า
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ
ฉัน ผู้เป็นเจ้าของวันเกิดก็โน่น บินไปฉลองวันเกิดอย่างเอิกเกริก เกรียงไกรกับน้องชายฉันที่เมืองดอกบัวโน่น
เมื่อกุหลาบช่อยักษ์มาส่งถึงร้านเสริมสวยแมว-หมาเท่านั้น ความอลหม่านบ้านทรายทองอย่างที่เล่าไว้ข้างต้นจึงบังเกิด
คือช่อดอกไม้ที่ส่งมาให้เนื่องในวันเกิด
ฉันไม่อยู่รับความเซอรไพรส์ไง
คนที่เซอร์ไพรส์จึงเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ ที่ร้อนรนโทรถามไถ่ฉันว่าได้รับช่อดอกไม้ของร้านแล้วหรือไม่
ด้วยว่าคนส่งก็กลับไปรายงานแบบงง ๆ ว่า คนรับก็ทำตัว งงๆ
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ
รู้เรื่องนี้ดีที่สุด
ดังนั้น จนปูนนี้ ฉันมีเซอร์ไพรส์วันเกิดนับครั้งถ้วน
และ
ยิ่งโตขึ้นมากเท่าไหร่ ความสำคัญต่อวาระนี้ ความตื่นเต้นต่อวาระนี้ก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ
ของขวัญ ไม่ได้เป็นสาระสำคัญใดอีกต่อไป
การมีมิตรสหายซื้อหนังสือเล่มใหม่ให้
ชวนไปกินชาบู บางคนมารับไปกินโรตี บ้างก็มีมาชวนไปกินหมูกระทะ
นั่นถือเป็นความพิเศษ ที่ อิ่มเอมใจมากล้น จนน้ำตารื้นได้เลยทีเดียว
แต่ว่า
กันยายนปีนี้ มีเรื่องให้ประหลาดใจ ไม่เหมือนกันยายนแต่ละปีที่ผ่านมา
ใครคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าไม่น่าจะจำวันเกิดฉันได้ เกิดจำได้ขึ้นมาดื้อ ๆ
นอกจากจำได้ขึ้นมาดื้อ ๆแล้ว
ก็ยังทำให้มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็น big issue
ตั๋วเรือบินไปกลับ
เพื่อไปฉลองวันเกิดกับครอบครัวใหญ่ของน้องชายที่หัวเมืองริมโขง
เป็นของขวัญวันเกิดในวาระที่ใครคนหนึ่งคนรั้น เกิดจำวันเกิดฉันได้ขึ้นมาดื้อ ๆ
“ฉันเป็นพี่สาวของเธอนะ
ฉันต้องจำวันเกิดเธอได้สิ”
ทั้งที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนอายุปูนนี้ เราไม่เคยได้พูดถึงเรื่องนี้กันเลยนี่นะ
“ฉันอยากกอดเธอมากนะ
มาให้ฉันได้กอดให้ชื่นใจสักครั้งเถอะ”
สปอนเซอร์ตั๋วเรือบินบอกมาหนักแน่น
“ตัวเกิดวันเดียวกันกับพ่อตาเค้าเลย ที่บ้านทำบุญเลี้ยงพระ ตัวมาร่วมงานบุญด้วยกันสิ”
น้องชายคนโปรดสำทับมาอย่างนั้น
ทุกอย่างมีวาระของมัน ฉันว่านะ
ความรัก ความคิดถึงระหว่างกันมันคงปริ่ม ๆ จวนเจียนจะล้นอก
พวกเราต่างโหยหาอ้อมกอดที่คุ้นเคย
อ้อมกอดที่เปี่ยมด้วยรักล้นใจ
อ้อมกอดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ยังคงเป้นของเราอยู่อย่างนั้น
โลกนี้เต็มไปด้วยคนโดดเดี่ยวที่ไม่กล้าแสดงตัวก่อน
ฉันจึงไม่อิดเอื้อน
เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
ลางานกับลูกน้องของตนเอง แล้วออกเดินทาง
ฉันชอบบรรยากาศแบบนั้น
วันโฮม
ชาวบ้านมากมาย วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ มุ่งหน้าสู่บ้านพ่อตาของน้องชายฉัน ต่างมารวมกันเพื่อ ช่วยงานบุญ
เด็กหนุ่ม ชายฉกรรจ์ กุลีกุจอกางเต๊นท์ ตั้งโต๊ะ วางเก้าอี้เพื่อรับรองแขกไปไทยมา
สาว ๆ ช่วยกันห่อข้ามต้มมัดอย่างชำนาญ
แผนกห่อก็จับกลีบใบตองพับทบกันคล่องแคล่ว ชวนมอง
ห่อเสร็จส่งไปให้แผนกมัดนำข้าวต้มประกบกัน ใช้ตอกพันอย่างว่องไว สอดปลายตอกเข้าไว้ จัดวางเรียงข้าวต้มมัดลงในซึ้ง เตรียมส่งต่อให้แผนกนึ่งนำไปจัดการต่อ
แม่ครัวสาวใหญ่ง่วนอยู่กับเมนูอาหาร ลาบปลา หมกหน่อไม้ ปอเปี๊ยะทอด แกงหน่อหวาย แกงไข่ผำ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนผลหมากรากไม้ ที่ล้าง ผึ่งไว้เตรียมาจัดงจานใหญ่ก็ทำไปอย่างขันแข็ง
ขนมไทย ขนมฝรั่ง สัมปาปิที่เพื่อนบ้านเอามาร่วมบุญ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย งามตา
ฉันพินิจดูความขวักไขว่ของผู้คนเหล่านั้นด้วยความปิติ
อุ๊บอิ๊บเอาว่า ปีนี้ฉันช่างมีบุญ ได้มีงานวันเกิดที่เอิกเริก เกรียงไกร ราวกับว่า เป็นซุปเปอร์สตาร์ทีเดียว
เพราะว่า
พรุ่งนี้ผู้คนทั้งหมู่บ้านจะมาร่วมฉลองงานวันเกิดของฉัน
พ่อตาของน้องชายฉันเป็นครูที่เกษียณอายุราชการแล้ว
หากความดีงามที่สั่งสมมาตลอดนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้าน และมิตรสหาย
จึงไม่แปลกอันใดที่งานวันเกิดในหมู่บ้านเลียบโขงแสนไกลนั้น จะอุ่นหนาฝาคั่ง สัมผัสหด้ถึงกระแสแห่งความดีงามที่แต่ละคนกระจายออกมาสู่กัน
Good Vibes
ฉันนั่งเอี้ยมเฟี้ยมรับพรที่พระสงฆ์ทั้ง 9 รูป ต่างร่วมกันสวดให้พรแก่พวกเรา
จากนั้นฉันใส่บาตรด้วยอาหาร ขนม ผลไม้ ที่มีคนจัดเตรียมไว้ให้แก่เจ้าของวันเกิดทั้ง 2 คน พร้อมสรรพ
ถวายเพล รับพรอีกครั้ง
กรวดน้ำตามธรรมเนียม
จึงเป็นช่วงเวลาสู่ขวัญผูกแขนเจ้าของวันเกิด ทั้ง 2 คน
ผู้เฒ่า ผู้แก่ผูกด้ายสายสิญจน์สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความดี ความงาม ลงบนข้อมือของฉัน
ให้ศีลให้พรที่เปี่ยมไปด้วยถ้อยคำแสนดี
ถ้อยคำที่เป็นมงคลแก่ชีวิต
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ ที่คนเกิดวันเดียวกันจะได้มาเกี่ยวดองเป็นญาติพี่น้องกัน แล้วยังได้มาร่วมทำบุญด้วยกันแบบนี้ทั้งที่อยู่ห่างกันแสนไกล
ถือเป็นบุญที่มีร่วมกัน
เมื่อเป็นญาติกันแล้วก็ขอให้เป็นตลอดไปนะ”
ป้าของเมียน้องชายฉันบอกอย่างนั้น ขณะลงมือผูกสายสิญจน์ลงบนข้อมือฉัน
“ขอให้เป็นที่รักของทั้งมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปแห่งหนใดก็ตาม”
ฉันน้ำตารื้นต่อคำอวยพรที่ช่างจับจิตจับใจนักหนา
แล้วก็ถึงเวลา โอมากาเสะ
โอย สวรรค์ดี ๆ นี่เอง
ในชุดเอาบุญที่ผู้คนต่างออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า งามแท้
ฉันถือถ้วยหนึ่งใบ ช้อนอีกหนึ่งคัน เดินตีนเปล่าจากโต๊ะนี้ไปโต๊ะนั้น ชิมอาหารทุกจานให้วุ่นวายไปหมด
“เพิ่นถือว่าไม่มีใครรู้จัก
ได้ถ้วยใบนึงเพิ่นเดินตักกินรอบงานเลย เกิบก็ไม่ใส่”
คุณน้าของเมียน้องชายแซวฉันอย่างเอ็นดู
ครึ่งวันเช้าของพวกเราหมดไปกับการกิน อาหารเครื่องดื่ม เต็มคราบ
“มาช่วยกันเฮ็ดเวียก มา”
น้องชายบัญชาอย่างนั้น
เมื่อถึงครึ่งวันบ่าย
ซึ่งเป็นการเก็บกวาด ทำความสะอาด ถ้วยโถโอชามและอุปกรณ์ทั้งหลายที่ยืมของวัดมา เพื่อนำไปส่งคืน ฉันขยันขันแข็งกับการเช็ดถ้วยโถโอชามให้แห้ง หลังการล้างทำความสะอาดแล้ว ก่อนจัดวางลงตระกร้า แยกนำไปคืนตามแหล่งที่ขอยืมมา
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อมีข้อความส่งเข้ามา
“ลาล่ามูฟกำลังนำส่งพัสดุหมายเลข….ถึงท่าน”
น่าจะเป็นการส่งข้อความผิดเบอร์ไหมนะ ฉันนึกอย่างนั้นทันทีที่อ่านข้อความจบ
เพราะฉันไม่ได้สั่งสินค้าออนไลน์ค้างไว้ จึงไม่น่าจะใช่ข้อความที่ผู้ขายต้องการสื่อสารกับฉัน
ช่างมันเถอะ
ฉันเลิกใส่ใจและหันกลับไปทำงานของฉันต่อไปจนสำเร็จ
เบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ ที่แสดงบนหน้าจอนั้น ทำให้ฉันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะกดทิ้งดีไหม
จะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่
แต่แล้วฉันก็กดรับสาย
“คุณ…ไหมครับ ได้รับดอกไม้หรือยังครับ” ปลายสายทักมาอย่างนั้นทันทีที่ฉันกล่าวคำสวัสดี
อ้าวเฮ้ย!!!
Dead Air สิคะจะรออะไร
นานด้วยสิ
“คนส่งไปส่งดอกไม้ให้คุณ…ที่ร้านครับ คนรับดูท่าทาง งง ๆ เลยโทรมาถามให้แน่ใจว่าได้รับช่อดอกไม้แล้วหรือยัง”
ปลายสายแนะนำตัวว่าโทรมาจากร้านดอกไม้ย่านสุขุมวิท ก่อนร่ายยาวถึงสาเหคุของการโทรมาหาฉัน
ฉันปฏิเสธว่าขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่จะโทรศัพท์ไปถามไถ่ว่ามีใครรับช่อดอกไม้ไว้หรือไม่
ความประหลาดใจพุ่งพล่านในหัว
ฉันถามรายละเอียดจากเจ้าของร้านดอกไม้เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
“คุณ Geoffrey สั่งออนไลน์ครับ เรารับออเดอร์จากอังกฤษ”
Girl on fire
สวย สตรอง รอฉันอยู่ 2 วันเพื่อให้ฉันกลับมาชื่นชม
“watch what I say”
ขณะพินิจกุหลาบดอกโตหลายทีละดอก
คำพูดของเจ้าของกุหลาบช่อนี้ก็ชัดเจนราวกับว่าเขามาพูดอยู่ที่ข้างหูฉันนี่เอง
“I kept my word”
สีหน้าหยิ่ง ๆ ขณะพูดจาคำนั้น ก็ยิ่งชัดเจนราวกับว่า เขาถือกุหลาบช่อนี้มายืนพูดอยู่ตรงหน้าฉัน