ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่กดขี่ผู้หญิง
ภาพลักษณ์นี้เราห้ามคนคิดไม่ได้
เพราะในช่วงหนึ่งที่ผม ท่องยุทธภพ
ผมก็เข้าใจแบบนั้น ซ้ำข่าวสาร
วัฒนธรรมท้องถิ่น ความเป็นจริงในปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ควรจะต้องเป็นแบบนั้น
และผมน้อมรับ เมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่ต่างศาสนา
จะรู้สึกแบบนั้น และน้อมรับฟังความรู้สึก
เหล่านั้นอย่างเข้าใจ
⦿เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาส
ใกล้ชิดกับครูอาจารย์มากขึ้น
กลับสุ่ยุทธจักรสังคมมุสลิมมากขึ้น
ผมไมได้เลือกฝ่าย ไม่มีคณะเก่า ไม่มีคณะใหม่
ไม่มีอะไรทั้ง มีแค่ อิสลามสอนอะไร
อาจาร์ยท่านหนึ่งสอนแอดว่า เราเรียนรู้
อิสลามได้จากประวัติศาสตร์
⦿ผมเริ่มเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศตวรรษที่ 7
โลกที่ชายเป็นใหญ่สุดๆ ยุโรป เอเซีย อาหรับ เหมือนกันหมด
มีภรรยาได้ไม่จำกัด มีนางบำเรอเป็นภรรยาได้โดยไม่แต่งงาน
ผู้หญิงเป็นทรัพย์สิน ไม่มีสิทธิถือครองทรัพย์
ไม่มีสิทธิเลือกคู่ครอง ไม่มีสิทธิหย่าร้าง
ไม่มีสิทธิแม้แต่มีชีวิต เพราะพ่อแม่จับฝังดินตั้งแต่ต้น
เพราะไม่อยากได้ลูกผู้หญิงในโลกนี้
ชายมีอำนาจล้นฟ้า
ทั้งโลกเป็นแบบนั้น
⦿ในช่วงนั้น อิสลามกลับสอนว่า มนุษย์ทุกคนเท่ากัน
เด็กผู้หญิงมีสิทธิที่จะมีชีวิต
เด็กผู้หญิงมีสิทธิที่จะเลือกคู่ครอง
เด็กผู้หญิงมีสิทธิที่จะถือทรัพย์สิน และประกอบอาชีพ
เด็กผู้หญิง มีค่าความเป็นคนเท่ากับเด็กผู้ชาย
ถ้าคุณจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิง
คุณต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานต่อให้เค้าเป็นทาส
และดีที่สุดคือการแต่งงานกับหญิงเพียงคนเดียว
การกล่าวหาผู้หญิงต้องหาพยานมาสี่คน
จึงจะเริ่มการสอบสวน ไม่ใช่ใครจะพูดอะไรก็ได้
ให้ผู้หญิงมีสิทธิหย่าร้าง ถ้าเจอชีวิตคู่ทีอธรรม
และผู้ชายต้องปฏิบัติกับหญิงที่หย่าร้างด้วยดี
หญิงที่หย่าร้างถูกยกฐานะเหมือนผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่ง
ที่สังคมยอมรับ
จงอยุ่ด้วยกันความเมตตาต่อกัน
และชีวิตคู่ คือความเท่าเทียมที่ ชายและหญิง
จะมาหาความสงบตามวิถีของศาสนา
นั่นเพียงส่วนเดียวของ ระเบิดที่ลงไปในศตรรวษที่7
โลกที่ชายเป็นใหญ่ในทุกอณูของแผ่นดิน
⦿คุณอาจจะบอกว่าเรื่องที่ผมเล่านี้
ไม่เหมือนเรื่องที่ได้ยินมา
ยอมรับว่าผมเองก็แปลกใจ
และถ้าคุณศึกษาเรื่องการหย่าร้างด้วยตัวเอง
แค่เรื่องการหย่าร้างเพียงเรื่องเดียว
โลกพึ่งยอมรับ การหย่าร้าง เป็นทางการ
เพียง ร้อยกว่าปีเท่านั้น
⦿ผู้หญิงพึ่งได้รับสิทธิการหย่าร้าง อย่างเปิดเผย
ในโลกใบนี้ไม่กี่ชั่วอายุคนตามกฏหมาย
และ การปฏิบัติดีต่อภรรยา พึ่งเกิดขึ้นในยุโรป
ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
⦿เมื่อผมศึกษาประวัติศาสตร์
ในใจกลับคิดว่า ศาสนาอิสลาม
เป็นศาสนาที่ ตบหน้าผุ้ชายในยุคนั้นและช่วยเหลือผู้หญิง
เสียอีก การปฏิรูปต่างๆ มีผู้หญิงเป็นศูนย์กลาง
เสียด้วยซ้ำไป ซึ่งเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่า
ขัดกับภาพลักษณ์ในปัจจุบันของศาสนาอิสลามมาก
⦿อย่างไรก็ดี ผมไม่ได้เล่าให้ฟัง
เพื่อมาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากคนมุสลิมที่ไม่น่ารัก
ที่ปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างไม่น่ารักเป็นสิ่งถูกต้อง
เพียงแต่มาเล่าให้ฟังว่า ในมุมมองการท่องยุทธภพนี้
ผมเห็นอะไร และวันนี้เรามาแบ่งปันกัน
⦿เมื่อคุณจะมาเป็นมุสลิมจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
เช่นเข้าสู่กระบวนการแต่งงาน
ผมอาจจะลองชวนคุณมามองอิสลามแบบที่ผมมอง
และ นำไปต่อยอดกับครูอาจารย์ที่น่ารัก
ในสังคมมุสลิม ไม่ว่าอย่างไร
อย่างน้อยที่สุด "ความรู้ในเรื่องศาสนา" นี้
จะช่วยให้คุณอยู่ในยุทธจักรสังคมมุสลิม
ได้อย่างสงบขึ้น เพราะ"ความรู้" ทำให้คุณมี "ทางเลือก"
ที่จะจัดการปัญหาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
⦿ผมเชื่อว่าจะมีที่แห่งหนึ่ง
ที่มีที่มาจากทั้งคณะเก่า คณะใหม่ คณะอะไรก็ตาม
จะอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยซัพพอร์ตชีวิตครอบครัวของคุณ
ให้เดินหน้าสู่ชีวิตครอบครัวที่สงบสุข
ตามวิถีทางของศาสนาอิสลาม
ครอบครัวตามหลักศาสนาอิสลามคือพื้นที่ปลอดภัย
มีที่แห่งหนึ่งที่ ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง
คุณแค่ต้องหาผมให้เจอ
ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่กดขี่ผู้หญิง ภาพลักษณ์นี้เราห้ามคนคิดไม่ได้
ภาพลักษณ์นี้เราห้ามคนคิดไม่ได้
เพราะในช่วงหนึ่งที่ผม ท่องยุทธภพ
ผมก็เข้าใจแบบนั้น ซ้ำข่าวสาร
วัฒนธรรมท้องถิ่น ความเป็นจริงในปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ควรจะต้องเป็นแบบนั้น
และผมน้อมรับ เมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่ต่างศาสนา
จะรู้สึกแบบนั้น และน้อมรับฟังความรู้สึก
เหล่านั้นอย่างเข้าใจ
⦿เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาส
ใกล้ชิดกับครูอาจารย์มากขึ้น
กลับสุ่ยุทธจักรสังคมมุสลิมมากขึ้น
ผมไมได้เลือกฝ่าย ไม่มีคณะเก่า ไม่มีคณะใหม่
ไม่มีอะไรทั้ง มีแค่ อิสลามสอนอะไร
อาจาร์ยท่านหนึ่งสอนแอดว่า เราเรียนรู้
อิสลามได้จากประวัติศาสตร์
⦿ผมเริ่มเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศตวรรษที่ 7
โลกที่ชายเป็นใหญ่สุดๆ ยุโรป เอเซีย อาหรับ เหมือนกันหมด
มีภรรยาได้ไม่จำกัด มีนางบำเรอเป็นภรรยาได้โดยไม่แต่งงาน
ผู้หญิงเป็นทรัพย์สิน ไม่มีสิทธิถือครองทรัพย์
ไม่มีสิทธิเลือกคู่ครอง ไม่มีสิทธิหย่าร้าง
ไม่มีสิทธิแม้แต่มีชีวิต เพราะพ่อแม่จับฝังดินตั้งแต่ต้น
เพราะไม่อยากได้ลูกผู้หญิงในโลกนี้
ชายมีอำนาจล้นฟ้า
ทั้งโลกเป็นแบบนั้น
⦿ในช่วงนั้น อิสลามกลับสอนว่า มนุษย์ทุกคนเท่ากัน
เด็กผู้หญิงมีสิทธิที่จะมีชีวิต
เด็กผู้หญิงมีสิทธิที่จะเลือกคู่ครอง
เด็กผู้หญิงมีสิทธิที่จะถือทรัพย์สิน และประกอบอาชีพ
เด็กผู้หญิง มีค่าความเป็นคนเท่ากับเด็กผู้ชาย
ถ้าคุณจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิง
คุณต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานต่อให้เค้าเป็นทาส
และดีที่สุดคือการแต่งงานกับหญิงเพียงคนเดียว
การกล่าวหาผู้หญิงต้องหาพยานมาสี่คน
จึงจะเริ่มการสอบสวน ไม่ใช่ใครจะพูดอะไรก็ได้
ให้ผู้หญิงมีสิทธิหย่าร้าง ถ้าเจอชีวิตคู่ทีอธรรม
และผู้ชายต้องปฏิบัติกับหญิงที่หย่าร้างด้วยดี
หญิงที่หย่าร้างถูกยกฐานะเหมือนผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่ง
ที่สังคมยอมรับ
จงอยุ่ด้วยกันความเมตตาต่อกัน
และชีวิตคู่ คือความเท่าเทียมที่ ชายและหญิง
จะมาหาความสงบตามวิถีของศาสนา
นั่นเพียงส่วนเดียวของ ระเบิดที่ลงไปในศตรรวษที่7
โลกที่ชายเป็นใหญ่ในทุกอณูของแผ่นดิน
⦿คุณอาจจะบอกว่าเรื่องที่ผมเล่านี้
ไม่เหมือนเรื่องที่ได้ยินมา
ยอมรับว่าผมเองก็แปลกใจ
และถ้าคุณศึกษาเรื่องการหย่าร้างด้วยตัวเอง
แค่เรื่องการหย่าร้างเพียงเรื่องเดียว
โลกพึ่งยอมรับ การหย่าร้าง เป็นทางการ
เพียง ร้อยกว่าปีเท่านั้น
⦿ผู้หญิงพึ่งได้รับสิทธิการหย่าร้าง อย่างเปิดเผย
ในโลกใบนี้ไม่กี่ชั่วอายุคนตามกฏหมาย
และ การปฏิบัติดีต่อภรรยา พึ่งเกิดขึ้นในยุโรป
ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
⦿เมื่อผมศึกษาประวัติศาสตร์
ในใจกลับคิดว่า ศาสนาอิสลาม
เป็นศาสนาที่ ตบหน้าผุ้ชายในยุคนั้นและช่วยเหลือผู้หญิง
เสียอีก การปฏิรูปต่างๆ มีผู้หญิงเป็นศูนย์กลาง
เสียด้วยซ้ำไป ซึ่งเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่า
ขัดกับภาพลักษณ์ในปัจจุบันของศาสนาอิสลามมาก
⦿อย่างไรก็ดี ผมไม่ได้เล่าให้ฟัง
เพื่อมาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากคนมุสลิมที่ไม่น่ารัก
ที่ปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างไม่น่ารักเป็นสิ่งถูกต้อง
เพียงแต่มาเล่าให้ฟังว่า ในมุมมองการท่องยุทธภพนี้
ผมเห็นอะไร และวันนี้เรามาแบ่งปันกัน
⦿เมื่อคุณจะมาเป็นมุสลิมจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
เช่นเข้าสู่กระบวนการแต่งงาน
ผมอาจจะลองชวนคุณมามองอิสลามแบบที่ผมมอง
และ นำไปต่อยอดกับครูอาจารย์ที่น่ารัก
ในสังคมมุสลิม ไม่ว่าอย่างไร
อย่างน้อยที่สุด "ความรู้ในเรื่องศาสนา" นี้
จะช่วยให้คุณอยู่ในยุทธจักรสังคมมุสลิม
ได้อย่างสงบขึ้น เพราะ"ความรู้" ทำให้คุณมี "ทางเลือก"
ที่จะจัดการปัญหาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
⦿ผมเชื่อว่าจะมีที่แห่งหนึ่ง
ที่มีที่มาจากทั้งคณะเก่า คณะใหม่ คณะอะไรก็ตาม
จะอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยซัพพอร์ตชีวิตครอบครัวของคุณ
ให้เดินหน้าสู่ชีวิตครอบครัวที่สงบสุข
ตามวิถีทางของศาสนาอิสลาม
ครอบครัวตามหลักศาสนาอิสลามคือพื้นที่ปลอดภัย
มีที่แห่งหนึ่งที่ ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง
คุณแค่ต้องหาผมให้เจอ