ธี่หยด : การกลับมาของผีตัวเก่า

>>>ตอนเป็นกระทู้พันทิปแอบเลือนลางเหมือนจะเคยอ่าน ที่เคยอ่านแน่ๆคือตอนเป็นนิยาย แต่ก็ลืมๆไปหมดแล้วจนเราขอพูดถึงแค่สิ่งที่เห็นบนจอหนัง

>>>สังเกตอย่างนึงว่าการเข้ามาของผีและตัวละครชื่อยักษ์มีความคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ ผีถูกนำเสนอในลักษณะค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาครอบครัวกลุ่มตัวละครหลักของเรื่อง มันมีจังหวะที่เด็กผู้ตกเป็นเป้าหมายมองเห็นสิ่งลึกลับ แต่กว่าอาการจะสำแดงออกมาชัดๆ หนังก็ต้องใช้เวลาเล่าพักนึง 

>>>ในขณะที่ตัวละครยักษ์ เป็นตัวละครพี่ชายคนโตของบ้านที่ถูกคนในบ้านเอ่ยถึง บ่นหา หรืออะไรสักอย่าง เรารู้คร่าวๆว่าพี่ยักษ์ออกจากบ้านไปเป็นทหาร และกว่าตัวละครยักษ์จะปรากฏตัว หนังก็ต้องใช้เวลาเล่าสักพักคล้ายกัน 

>>>สิ่งที่เรากำลังพยายามจะบอกคือ การเข้ามาของผีและยักษ์ต่างก็มีความลึกลับในแบบของตัวเอง เราไม่รู้ที่มาที่ไปของผีและการที่มันเลือกคนในครอบครัวนี้ก็เป็นความลึกลับที่หนังถือไว้จนเกือบท้ายเรื่อง ส่วนยักษ์ แม้ว่าเขาจะเป็นคนในครอบครัวนี้ แต่หนังก็เล่าความสัมพันธ์ระหว่างยักษ์กับคนในครอบครัวแบบไม่เปิดเผยชัดๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจนเราสามารถตีได้ว่านี่ก็คือความลึกลับอีกอย่างหนึ่งในหนัง 

>>>ดังนั้น เราจึงรู้สึกถึงความสมเหตุสมผลบางอย่างที่หนังเหมือนจะขีดเส้นโยงระหว่างผีกับยักษ์ เส้นแรก เรามองเห็นได้อย่างชัดเจน ยักษ์ลุกขึ้นมาเป็นปรปักษ์กับผีมากกกว่าคนอื่นๆจนเรามองเห็นภาพฝ่ายหนึ่งคือผีร้ายคุกคาม ส่วนอีกฝั่งคือเทวดาปกปักรักษา กลายเป็นศึกเทวาปะทะซาตานอะไรเทือกนั้น 

>>>เส้นที่สอง เมื่อเรามองลึกเข้าไป ในแง่หนึ่ง ยักษ์อาจมองเห็นตัวเองในผีตัวนั้น ผีคือสัญลักษณ์ของความผิดพลาดบางอย่างที่ยักษ์เคยทำ เขาเคยทิ้งคนที่บ้านนี้ไปกระทั่งเกิดเหตุผีร้ายเข้ามา เมื่อมองแบบนี้มันจึงเข้าใจได้ว่าทำไมยักษ์ถึงพยายามไล่ยิงผี ไล่จัดการผีขนาดนั้น คล้ายกับว่าเขากำลังพยายามชดเชยแก้ไขในสิ่งที่เขาเคยพลาดไป ในขณะที่ตัวผีเองก็กลายเป็นสิ่งที่คอยเยาะเย้ยและยั่วล้อกับสิ่งที่ยักษ์เป็น ซึ่งหนังก็ตีวงแคบเข้าไปเรื่อยๆจนเราได้เห็นภาพผีและยักษ์ยืนดวลสะท้อนกันไปมา 

>>>ไล่ไปไล่มา ธี่หยดมันอาจจะว่าด้วยการกลับมาของผีตัวเก่า ทั้งผีที่เป็นผีจริงๆ และคนอย่างยักษ์ที่เป็นดั่งผีตัวเก่าของบ้าน ทั้งคู่ต่างสร้างความน่าอึดอัดหรือไม่สบายใจบางอย่างให้กับคนในครอบครัว มีรอยร้าวในระหว่างพวกเขา ซึ่งทั้งผีและยักษ์ต่างทำให้สิ่งเหล่านั้นปูดโปนออกมา 

>>>พอหนังมันสร้างมาจากเรื่องเล่าที่เสน่ห์อย่างหนึ่งคือความพยายามถ่ายทอดจากความทรงจำ อาจจะมีวกวน ขัดแย้ง หรือชวนให้ตั้งคำถาม แต่มันก็คือเรื่องเล่าที่ไม่ได้มุ่งสำรวจสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบลงลึก แค่เล่าออกมาในสิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น สิ่งที่สมองทำให้เข้าใจไปแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว 

>>>ซึ่งเราก็เห็นว่าหนังเหมือนจะพยายามรักษาความเป็นเรื่องเล่านั้น เพราะหนังไม่ได้มุ่งสำรวจความลึกตื้นหนาบางของเรื่องราว เหมือนหนังแค่พาไปดูภาพที่สร้างจากเรื่องเล่านั้น ยิ่งเมื่อมันเป็นเรื่องเล่าจากยุคสมัยอันห่างไกลเราในตอนนี้ โลกในหนังก็ยิ่งดูเหมือนเป็นโลกที่มีความเฉพาะตัว มีแค่บ้านหลังหนึ่งกับไร่สวน วนเวียนอยู่แค่นั้น 

>>>จริงๆ เราเคยนึกภาพเอาเองว่าถ้าธี่หยดกลายเป็นหนัง มันอาจจะถูกนำเสนอแบบเรียลๆ บรรยากาศความมืดที่ยากจะมองเห็นสิ่งใดนอกจากตะเกียงเจ้าพายุ ช่องว่างบนแผ่นไม้ฝาบ้านที่เอาตาลอดมองแบบหวาดๆกลัวว่าจะเห็นอะไรเข้า และเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่ผู้สร้างเขาทำในแบบที่เราอยากจะมองว่าเป็นช้อยที่เขาตั้งใจเลือกแล้วมากกว่า 

>>>แม้ว่ามันจะดูฉ่ำวาว ด้วยโปรดักชั่น บ้านที่ดูเหมือนมีแสงไฟสาดจากด้านหลัง ด้วยนักแสดง 'ณเดชน์ คูกิมิยะ' ถอดเสื้อควงปืนไล่ยิงผี แต่เราก็ลื่นไหลไปกับสิ่งเหล่านั้น เพราะเรามองว่ามันเป็นเพียงการตีภาพจากเรื่องเล่าในอีกแบบหนึ่ง ยิ่งฉากไคลแมกซ์ เราที่มักโดนเส้นกับอะไรพวกนั้นอยู่แล้ว ก็เหมือนได้กินลูกชิ้นรสอร่อยบนชามก๋วยเตี๋ยวที่หนังกั๊กเก็บไว้ให้เรากินตอนท้าย

>>>ตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง อาจจะเป็นน้องคนเล็กสุดที่มักจะโดนไล่ให้อยู่กับพี่แย้ม หน้าที่ถอดสีของน้องเค้าก็เหมือนจะบอก ‘ช่วยดูสภาพพี่แย้มด้วยเหอะ’ 5555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่