พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามการมีหลายเมีย และ "การใช้บริการโสเภณีไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม"

وَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تُقْسِطُوا فِي الْيَتَامَىٰ فَانْكِحُوا مَا طَابَ لَكُمْ مِنَ النِّسَاءِ مَثْنَىٰ وَثُلَاثَ وَرُبَاعَ ۖ فَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تَعْدِلُوا فَوَاحِدَةً أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَدْنَىٰ أَلَّا تَعُولُوا {3}
[Shakir 4:3] And if you fear that you cannot act equitably towards orphans, then marry such women as seem good to you, two and three and four; but if you fear that you will not do justice (between them), then (marry) only one or what your right hands possess; this is more proper, that you may not deviate from the right course.

{4:3} และหากพวกเธอเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในบรรดาเด็กกําพร้าได้ ก็จงสมรสกับสตรีอื่นที่เหมาะสมสำหรับพวกเธอ สองคน หรือสามคน หรือสี่คน และ ถ้าพวกเธอเกรงว่าพวกเธอจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จงมีเพียงแค่คนเดียว หรือไม่ก็หญิงที่มือขวาของพวกเธอครอบครองอยู่ นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดกับการที่พวกเธอจะไม่ลําเอียง

อัลกุรอานบัญญัตินี้ถูกชาวโลก Non-Muslim ประณามว่า สอนให้ชายมุสลิม มักมากในกามคุณ และไม่ยอมที่จะเข้าใจถึงเหตุผลและวิทยปัญญาเบื้องหลังบัญญัตินี้ ซึ่งมุสลิมพยายามที่จะอธิบายด้วยเหตุผลว่า; "เพื่อยกฐานะและยกสิทธิสตรีให้เท่าเทียมกันในสังคม, ช่วยเหลือและปกป้องหญิงผู้อ่อนแอในยามสงคราม, ยกเลิกทาสและการค้ามนุษย์, เลิกสถาบันนางบำเรอของผู้มีอำนาจ ฯลฯ" นอกจากจะไม่พยายามที่จะเข้าใจแล้วยังเห็นเป็นเรื่องตลก นำมาล้อเลียนดูถูก ศาสนาอิสลาม ว่ามักมากในกามคุณ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องชี้ให้เห็นว่า พุทธบริษัทที่มีความรู้ทางศาสนาเขาจะรักษาจรรยาธรรมของเขาไม่ดูถูกศาสนาอิสลามในเรื่องนี้  จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องชี้ให้เห็นว่า ในพุทธศาสนาก็เปิดทางให้ชายมีภรรยาได้อย่างไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องอยู่ในฐานะภรรยา ต่างจากศาสนาอิสลาม ก็คือ ศาสนาอิสลามมีการจำกัดจำนวนว่า "ห้ามมีภรรยาเกินกว่า 4 คน" แต่ แนะนำว่า ตามธรรมดาชายส่วนมากไม่อาจจะให้ความยุติธรรมตามเงื่อนไขของศาสนาได้ ดังนั้นควรที่จะมีภรรยาเพียงคนเดียว 

อย่างแน่นอนบางท่านอาจจะปฏิเสธว่า "พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเช่นนั้นและไม่ใช่คำสอนในพุทธศาสนา"

พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามการมีหลายเมีย

วินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม 1 ข้อ 428 แบ่งสตรีที่ไม่ควรละเมิดเป็น 10 จำพวก คือ 1.สตรีมีมารดาปกครอง 2.สตรีมีบิดาปกครอง 3.สตรีมีมารดาบิดาปกครอง 4.สตรีมีพี่น้องชายปกครอง 5.สตรีมีพี่น้องหญิงปกครอง 6.สตรีมีญาติปกครอง 7.สตรีมีโคตรปกครอง (อยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลร่วมตระกูลอื่นๆ) 8.สตรีมีธรรมคุ้มครอง (อยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มศาสนาอันหนึ่ง) 9.สตรีมีคู่หมั้น และ 10.สตรีมีกฎหมายคุ้มครอง (สตรีที่พระราชากำหนดห้ามมิให้ยุ่งเกี่ยวทางเพศสัมพันธ์ด้วย)

และในข้อถัดไปคือ 429 แบ่งภรรยาเป็น 10 จำพวกคือ 1.ภรรยาสินไถ่ (ช่วยมาด้วยทรัพย์) 2.ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ 3.ภรรยาที่บุรุษยกสมบัติให้แล้วให้มาอยู่ร่วม 4.ภรรยาที่บุรุษมอบผ้าให้แล้วให้มาอยู่ร่วม 5.ภรรยาที่สมรส 6)ภรรยาที่ถูกปลงเทริด คือสตรีที่ประเพณีให้สวมใส่เครื่องประดับบางอย่าง ถูกชายใดถอดออก ต้องไปอยู่กับชายนั้น 7)ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา 8)ภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างทั้งเป็นภรรยา 9)ภรรยาที่ถูกนำมาเป็นเชลย และ 10)ภรรยาชั่วคราว คือ เป็นภรรยากันชั่วขณะ บรรดาหญิง 10 จำพวกนี้ เฉพาะสองพวกหลังเท่านั้นเป็นมิจฉาจาร (ร่วมเพศแล้วจะผิดศีลธรรม) ฎีกาสารัตถทีปนีอธิบายว่า  "เป็นมิจฉาจาร เพราะสตรีเหล่านั้นถูกบุรุษลักผัสสะที่คนเหล่าอื่นรักษาคุ้มครองแตะต้องแล้ว"

จะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน แต่ต้องได้มาด้วยความชอบธรรม เช่น ภรรยาที่ไถ่มาด้วยทรัพย์ ภรรยาที่ยกสมบัติให้แล้วยินดีมาอยู่ร่วม หรือภรรยาที่เป็นทั้งคนรับใช้และภรรยาไปพร้อมกัน (อาจเทียบกับบรรดานางสนมในวัง) จะเป็นผิดศีลธรรมก็ต่อเมื่อได้มาเพราะล่วงละเมิดสิทธิเขา เช่น เป็นเชลยศึกและเป็นผู้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้อื่น (สตรี 10 พวกแรก และ ภรรยาชั่วคราว ซึ่งมิได้ทำให้ถูกต้องตามจารีต).........(อ่านต่อ Spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่