JJNY : 5in1 'ฮามาส'สุดเถื่อน│ทัพยิวโชว์หลักฐานชุดใหญ่│พิธาคืนรัง‘ฮาร์วาร์ด’│ก้าวไกลโวยหน่วยงานยื้อ│น้ำอัดลมปรับสูตร

ทูตอิสราเอลเดือดงัดหลักฐาน 'ฮามาส'สุดเถื่อนพยายามปาดคอเหยื่อแรงงานไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7935219
 
 
ทูตอิสราเอลแฉเดือดกลางเวที งัดหลักฐาน’กลุ่มฮามาส’สุดเถื่อนพยายามปาดคอเหยื่อแรงงานไทย
 
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายกิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ เปิดคลิปวิดีโอความยาวไม่กี่วินาทีให้สมาชิกสมัชชาใหญ่ทั้ง 193 ประเทศ ดูระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 26 ต.ค. โดยในคลิปเผยให้เห็น ภาพของกลุ่มฮามาสพยายามตัดศีรษะชายคนหนึ่งด้วยอุปกรณ์ทำสวน ภายหลังทราบว่า ชายคนดังกล่าวเป็นแรงงานเกษตรกรชาวไทย
 
โดยเอกอัครราชทูตอิสราเอลได้ใช้แท็บเล็ตเปิดคลิปวิดีโอดังกล่าวซึ่งมีความยาวเพียงไม่กี่วินาที และบอกกับบรรดานักการทูตที่ร่วมประชุมว่า เหยื่อที่เห็นในคลิปนั้น 
 
ไม่ใช่ชาวอิสราเอลหรือชาวยิว แต่เป็นแรงงานด้านเกษตรกรรมจากประเทศไทย โดยความป่าเถื่อนนี้กลุ่มฮามาสกรีดร้องว่า อัลเลาะห์ อัคบาร์ และใช้จอบพยายามตัดศีรษะของเขา
 
ความเห็นของนายเออร์ดานบอกกับที่ประชุมสมัชชาใหญ่ UN ในวันแรกของการประชุมกรณีการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งในวันนี้ (27 ต.ค.)  จะมีการโหวตมติที่ร่างโดยชาติอาหรับ เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา

นอกจากนี้ยังพบว่าบรรดานักการทูตอิสราเอลยังได้นำกระดาษที่พิมพ์ภาพ QR Code พร้อมข้อความระบุว่า ‘ปลดปล่อยกาซาจากฮามาส’ และ ‘สแกนเพื่อดูความโหดร้ายของกลุ่มฮามาส’ ไปติดตามที่นั่งต่างๆ ภายในห้องประชุม ซึ่งเมื่อสแกน QR Code จะพบกับรูปภาพและคลิปวิดีโอการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
  
ทั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลให้คำมั่นว่า จะกำจัดกลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้ต่อการสังหารประชาชนในอิสราเอลกว่า 1,400 คน โดยอิสราเอลมีการระดมโจมตีทางอากาศในกาซาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 20 วัน ซึ่งทางการปาเลสไตน์ระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วมากกว่า 7,000 คน
 


ทัพยิวโชว์ หลักฐานชุดใหญ่ อ้างฮามาสใช้อาวุธเกาหลีเหนือ-อิหร่าน โจมตีอิสราเอล
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4254698

ทัพยิวโชว์ หลักฐานชุดใหญ่ อ้างฮามาสใช้อาวุธเกาหลีเหนือ-อิหร่าน โจมตีอิสราเอล
 
เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่อ้างว่ากองกำลังฮามาสใช้ในการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ให้กับสื่อมวลชนได้ดู โดยระบุว่า อาวุธดังกล่าวผลิตในประเทศอิหร่านหรือเกาหลีเหนือ
 
อาวุธยุทโธปกรณ์ดังกล่าวมีตั้งแต่ ระเบิด เครื่องยิงจรวดประทับบ่า (อาร์พีจี) และโดรนผลิตเอง ที่กองทัพอิสราเอลนำมาจัดแสดงให้คณะสื่อมวลชนได้ชม โดยระบุว่าค้นเจอรวบรวมมาได้จากชุมชนต่างๆ ทางตอนใต้ของอิสราเอลที่ถูกกองกำลังฮามาสบุกเข้าไปโจมตีในวันนั้นและเข่นฆ่าสังหารผู้คนในอิสราเอลแบบไม่เลือกหน้า จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ราย ซึ่งอาวุธส่วนหนึ่งนั้นมีรวมถึงกระสุนปืนครกที่ผลิตโดยอิหร่าน และอาร์พีจีของเกาหลีเหนือ

ทหารอิสราเอลนายหนึ่งที่ช่วยเคลียร์อาวุธยุทโธปกรณ์ในพื้นที่ดังกล่าวหลังเกิดการโจมตีของฮามาส กล่าวว่า ตนคิดว่าราว 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของอาวุธเหล่านี้ผลิตในอิหร่าน และอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นอาวุธเกาหลีเหนือ ส่วนที่เหลือทำเองในฉนวนกาซา โดยกลุ่มฮามาสยังผลิตอาวุธได้เอง รวมถึงจรวดที่ใช้ยิงโจมตีเมืองต่างๆ ของอิสราเอล
 
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่งกล่าวว่า สิ่งที่พวกเขาประหลาดใจที่สุดคืออาวุธจำนวนมากมายเช่นนี้ถูกนำเข้ามาในอิสราเอลได้อย่างไร


 
แห่ฟังแน่น พิธา คืนรัง ‘ฮาร์วาร์ด’ ชี้ปรากฏการณ์โลก ปชต.กำลังถูกคุกคาม สันติภาพเปราะบาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4254133
 
คนแห่ฟังแน่น ‘พิธา’ คืนรัง ‘ฮาร์วาร์ด’ บรรยายชั้นเรียนศูนย์เอเชียศึกษา ชี้ปัญหา ปชต.ถดถอยกำลังเป็นทั่วโลก แนะโลกต้องออกแบบโครงสร้างการเมือง-ศก.ร่วมกัน จัดสรรอำนาจเป็นธรรม-ดอกผลทางเศรษฐกิจกระจายทั้งหมด หวังอนาคตไทยจะเป็นสะพานเชื่อมสร้างโลกใหม่ทุกคน
 
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่กำลังเดินสายเยือนสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้ ได้รับเชิญจากศูนย์เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้เป็นผู้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Moving Forward : Thailand, ASEAN & Beyond” (ก้าวไปข้างหน้า :  ประเทศไทย อาเซียน และโลก) ท่ามกลางนักศึกษาและผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายจำนวนมาก
 
นายพิธา เริ่มการบรรยายโดยระบุว่า ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนทุกคน และสิ่งที่ได้รับการศึกษาจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการเมืองเปรียบเทียบ พรรคการเมือง คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของตน จากการเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในตำราให้เป็นความจริง ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ จากจุดเริ่มต้น ที่เคยเป็นเพียงแค่ผู้นำอ่อนหัดของพรรคการเมืองที่มีอายุเพียง 3 ปี ในเกมที่ออกแบบมาเพื่อให้เราแพ้ การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดาร กติกาในรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นคุณกับเรา แต่เราก็ชนะมาได้
 
ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนกำลังศึกษาอยู่ที่นี่ สามารถกลายเป็นความจริงได้ เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการรณรงค์ทางการเมืองของทุกคนในอนาคตได้ โจทย์ต่างๆ ที่ทุกคนได้รับจากชั้นเรียนที่ฮาร์วาร์ดนี้ ทั้งการเตรียมเพาเวอร์พอยต์นำเสนอ การประชุมกลุ่ม ฯลฯ ล้วนแต่มีความหมายจริงๆ และวันหนึ่งอาจนำพาให้ทุกคนได้มาเป็นผู้บรรยายที่นี่เหมือนกับตนก็เป็นได้
 
นายพิธากล่าวต่อว่า เป็นเพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้จากที่ฮาร์วาร์ดนี่เอง ที่ร่วมก่อรูปความคิดและนโยบายการรณรงค์ของตน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเอาทหารออกจากการเมือง การทลายทุนผูกขาด และการกระจายอำนาจ นโยบายเหล่านี้คือที่มาของชัยชนะของตนและพรรคก้าวไกล แต่ก็เป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้ตน ที่เป็นผู้ชนะจากการเลือกตั้งปี 2566 ด้วยความเห็นชอบของคน 14.1 ล้านเสียง หรือ 36 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เข้าไปมีอำนาจบริหาร และถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลด้านเทคนิค
 
นี่คือการต่อสู้ระหว่างการเมืองของผู้ได้รับการเลือกตั้งและผู้ได้รับการแต่งตั้ง ในประเทศไทยสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด 750 คน มาจากการเลือกตั้ง 500 คน และมาจากการแต่งตั้งโดยทหาร 250 คน ทุกคนคำนวณได้ว่าเราต้องการ 376 เสียง แต่เราได้เพียง 324 เสียง ทั้งที่เราสามารถรวบรวมเสียงพรรคการเมืองที่สะท้อนเจตจำนงการปฏิรูปและความหวังของประเทศได้สำเร็จแล้ว แต่เราก็ยังแพ้ด้วยตัวเลขจาก ส.ว.แต่งตั้ง องค์ประชุมวันนั้นจึงเอาชนะแคนดิเดตนายกฯที่มาจากการเลือกของประชาชนได้
 
นายพิธากล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ใช่ปรากฏการณ์เฉพาะ แต่กำลังเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ประชาธิปไตยกำลังถูกคุมคาม และสันติภาพของโลกกำลังเปราะบาง ในปีแรกที่ตนมาถึงที่นี่ในปี 2006 Freedom House เคยออกผลสำรวจพบว่าประชากร 48 เปอร์เซ็นต์ ของโลกอยู่ในสังคมเสรี แต่ตัวเลขวันนี้ตกมาอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว นี่คือสิ่งที่สะท้อนสภาวะถดถอยของประชาธิปไตย ซึ่งแม้แต่ในประเทศที่ประชาธิปไตยตั้งมั่นที่สุดแล้ว ก็กำลังเผชิญกับการลดน้อยถอยลงเช่นกัน เหตุใดประชาธิปไตยจึงถดถอยทั่วโลก สำหรับตน ต้นตอของเรื่องนี้ย้อนกลับไปในยุคสงครามเย็น
 
ระหว่างที่ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบานทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันมันก็นำพามาซึ่งโครงสร้างทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยม-เสรีนิยมใหม่ ที่เป็นการรวมศูนย์ความมั่งคั่งไว้ที่คนหมู่น้อย ในเวลาที่ตนเกิดมาความห่างระหว่างผู้มั่งคั่ง 1 เปอร์เซ็นต์บนสุดของโลกกับที่เหลือ ห่างกัน 8 เท่า วันนี้ความห่างนั้นถ่างไปถึง 16 เท่าแล้ว เช่นเดียวกับในประเทศไทย ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในสังคมไทย กำลังครอบครองความมั่งคั่ง 60 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศอยู่ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากตั้งคำถามกับประชาธิปไตย ขณะที่ประชาธิปไตยคือการจัดสรรอำนาจอย่างเป็นธรรม แต่ในขณะเดียวกัน มันก็นำพามาซึ่งโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่รวมศูนย์ความมั่งคั่ง และต่อมากลายเป็นสิ่งที่ซ้ำเติมให้เกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดคือหลังวิกฤตโควิด
 
นายพิธากล่าวต่อว่า ดังนั้น โจทย์สำคัญจากนี้คือเราจะทำอย่างไรเพื่อรักษาโครงสร้างสังคม ที่ทั้งสามารถจัดสรรอำนาจอย่างเป็นธรรม และจัดสรรความมั่งคั่งอย่างเป็นธรรมไปพร้อมๆ กันได้ ให้การเติบโตกระจายดอกผลไปอย่างทั่วถึง ประเทศต้องไม่จดจ้องอยู่ที่แค่การทำกำไร แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สิทธิในที่ดินทำกิน การกระจายที่ดิน การสร้างรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนทำงานของเรา หรือสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “สังคมประชาธิปไตย
 
ซึ่งหลายท่านในที่นี้อาจจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งที่ตนเสนอคือมันถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องกลับมาคิดถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมในการก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่คิดมาตลอดในการทำงานทางการเมืองที่ผ่านมา คือ เมื่อใดก็ตามที่ตนและพรรคก้าวไกลสามารถจัดการปัญหาในประเทศได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเอาทหารออกจากการเมือง การทลายทุนผูกขาด และการกระจายอำนาจ เมื่อนั้นเราจะยังเหลือการเปลี่ยนแปลงสุดท้าย ซึ่งไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ แต่คือการเปลี่ยนแปลงโลกผ่านนโยบายต่างประเทศ นั่นคือการออกไปบอกกับทั่วโลกว่าประเทศไทยกลับมาแล้ว และเราจริงจัง เราเป็นอำนาจกลาง เราไม่ใช่ประเทศเล็กๆ
 
เราเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในอาเซียน และด้วยการทำงานร่วมกันกับประเทศอาเซียน แม้จะไม่ใช่ทุกประเทศที่สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่อย่างน้อยที่สุดด้วยการทำงานร่วมกันกับประเทศผู้ร่วมก่อตั้ง อย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ถ้าเรารวมกันได้ นั่นคือตัวเลขทางเศรษฐกิจ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และประชากร 670 ล้านคน ประเทศใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจหรือไม่ ก็ไม่อาจปฏิเสธเราได้
 
นายพิธากล่าวต่ออีกว่า แต่ตราบใดที่เรายังไม่สามารถจัดการปัญหาในประเทศของเราเองได้ ไทยจะมีความน่าเชื่อถืออะไรไปเป็นศูนย์กลางของอาเซียนได้ ในการทำให้อาเซียนมีความหมายขึ้นมา เราต้องเข้าไปมีบทบาทต่อโลกและมีความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจหลัก ไม่ว่าจะต่อปัญหาเมียนมา, รัสเซีย-ยูเครน, อิสราเอล-ฮามาส สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นห่างออกไปจากประเทศไทยแต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประเทศไทยทั้งสิ้น เราต้องมองออกไปข้างนอก เพื่อให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกอย่างแท้จริง และด้วยความร่วมมือกับสมาชิกอาเซียน เราสามารถบอกกับโลกได้ว่าความชอบธรรมคืออำนาจ ไม่ใช่อำนาจคือความชอบธรรม บอกกับโลกได้ว่าเรากำลังจะกลับมาเป็นอำนาจกลาง ที่จะมีส่วนฟื้นระเบียบโลก ประเทศไทยกลับมาแล้ว เราเอาจริง และเราจะทบทวนนโยบายต่างประเทศของเราอีกครั้ง
 
หลังจากที่เราหายไปจากเวทีโลกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาภายใต้การปกครองของกองทัพ เราต้องการสร้างสมดุลให้โลกอีกครั้ง และในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเลือกข้าง แต่คือการยืนหยัดในหลักการ เราต้องวิจารณ์เพื่อนเราได้ และก็ต้องพูดคุยกับคู่แข่งของเราได้ด้วย ในฐานะอำนาจกลาง เราสามารถกำหนดตัวชี้วัดใหม่ในนโยบายต่างประเทศของประเทศไทยได้ มากกว่าแค่เรื่องของการค้าการลงทุนและพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา ให้มีเรื่องของสิ่งแดล้อม สภาวะโลกร้อน การควบคุมอาวุธปืน แบ่งปันทุกข์ เรียนรู้ร่วมกัน และหาทางออกร่วมกันได้
 
นี่คือสิ่งที่เราทำร่วมกันได้เพื่อบรรลุสิ่งที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ เปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นพลัง เปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นความมั่งคั่ง เปลี่ยนคุณค่าให้เป็นชัยชนะร่วมกัน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพวกเราทั้งหมด ถ้าทุกคนทำร่วมกันโดยที่เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น เราจะหายไปจากการออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการสร้างสันติภาพ นี่คือบทบาทที่เราทำร่วมกันได้ ในการทำให้โลกเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้ โดยที่มีประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในนั้น ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผมยังคงคาดหวังที่จะได้เป็นสะพานเชื่อมผู้คนกับผู้คน สภากับสภา ภาครัฐกับภาครัฐ ภาคเอกช
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่