หุ้น Meta (Facebook) จากมุมมองคนเล่นเกมคนหนึ่ง

กระทู้สนทนา
หลังจากที่ได้เปิดโลกเพิ่ม ด้วยการออกจากกรอบของตัวเองที่ซื้อแต่เฉพาะหุ้นไทยมายาวนาน ด้วยการซื้อหุ้นต่างประเทศตัวแรก ไปเมื่อเกือบจะ 1 ปีที่แล้วคือหุ้น Meta ซื้อเพราะตอนนั้น มีสมาชิกใน Pantip ท่านนึง มาตั้งกระทู้ถามความเห็นเกี่ยวกับหุ้น Meta ในช่วงที่กำลังลงหนัก ๆ ประมาณ 90 - 100 เหรียญ ว่าหุ้น Meta จะกลับมาได้ไหม 

รูปราคาหุ้น Meta ตั้งแต่ปี 2018 ถึงปัจจุบัน ซึ่งราคาลงอย่างรวดเร็วปลายปีที่แล้ว และเด้งเร็วด้วยเช่นกัน


 รูปราคาหุ้น Meta ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่เป็นขาขึ้นยาว ๆ

ซึ่งจากมุมมองของตัวเองตอนนั้น ซึ่งเป็นคนเล่นเกมที่ใช้งานแว่น VR Oculus อยู่ มองบวกมาก ๆ กับ Business Unit หน่วยนี้ของ Meta มองเห็นอนาคตที่สดใสมาก ๆ จึงหาเวลาไปเขียนแสดงความเห็นเอาไว้ แล้วก็เลยคิดว่า ถ้ามองบวกขนาดนั้นก็ต้องไปร่วมลงทุนด้วยซิ่ ก็เลยขวนขวายต่อยอด หา APP มาติดตั้งและสมัครซื้อขายหุ้นต่างประเทศดู ซึ่งก็สะดวกจริง ๆ สามารถทำขั้นตอนต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ใช้เวลาไม่นานก็เริ่มทำการซื้อขายได้ 

และแล้วหลังที่ซื้อหุ้น Meta ไปตอนนั้น ราคาก็ค่อย ๆ กลับมาขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งขึ้นหนัก ๆ ตอนที่มีการประกาศผลประกอบการในแต่ละ Quarter เพราะมีการประกาศลดพนักงานเป็นหมื่น ๆ ที่เป็นข่าวดังเมื่อต้นปี ซึ่งสำหรับนักลงทุนแล้ว การลดคนคือการลดต้นทุนที่ดีอย่างหนึ่ง และยังมีการประกาศซื้อหุ้นคืนอีก เรียกว่าบริหารทั้งธุรกิจและราคาหุ้นไปด้วยกัน ซึ่งก็ทำให้ Port หุ้นต่างประเทศที่มีเพียงตัวเดียวนี้เขียวปี๋เลยทีเดียว

และแล้วเมื่อคืนก็มีการประกาศผลประกอบการ (Earning Report) อีกเช่นกัน ซึ่งที่ผ่าน ๆ มาคือจะเป็นหลังช่วงตลาดปิด ตรงกับประเทศไทยประมาณตีสี่ กะไว้ว่าถ้าราคาขึ้นรอบนี้ จะขายเอากำไรออกมาใช้แล้ว แต่ที่ไหนได้ ตื่นเช้ามาดู หุ้นลงมาพอควรเลย  ลอง ๆ หาข่าวดูก็เห็นว่าหลาย ๆ อย่างที่ประกาศออกมาก็ดูดีอยู่นะ จะมีที่ยังฟังดูเหมือนยังแย่ก็คือ Reality Lab

ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ได้ใช้งานอะไรอย่างอื่นของ Facebook เลย ไม่ได้ใช้ Facebook, ไม่ได้ใช้ Messenger, ไม่ได้ใช้ Instragram ไม่ได้ใช้ Whatapps แต่เป็นแฟนตัวยงของเทคโนโลยี VR ของ Meta ซึ่งประกาศผลประกอบการในช่วงหลายปีหลังที่ออกมา ธุรกิจ Realtiy Lab ซึ่งเป็นพวก Metaverse, VR/AR/MR, Smart watch, Smart Glass ส่วนนี้จะดูแย่ ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า Meta กำลังทำอะไร

แต่สำหรับเราแล้ว มันทำให้ยิ่งมั่นใจว่าทำไมถึงต้องโฟกัสในการลงทุนหุ้น Meta เป็นพิเศษ

รูปMark Zuckerburg เล่น Meta Quest 3 ในวีดีโอเปิดตัว Quest 3



ก่อนจะไปถึงเรื่องรายได้ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาจากธุรกิจ Realtiy Lab ย้อนมาเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้หุ้น Meta ลงหนักเมื่อปลายปีที่แล้ว จากมุมคนที่คลุกคลีกับ Meta ก่อนละกัน มี 2 เหตุการณ์ที่เห็นคือ

1. การรับคนมหาศาลเพื่อสร้าง Metaverse 
 ปลายปี 2021 Mark Zuckerburg พูดเรื่อง Metaverse จนคำว่า Metaverse ดังไปทั่วโลก และจักรวาลนฤมิตก็ดังทั่วประเทศไทยเช่นกัน สิ่งที่ Mark พูดในวันนั้นคืออีก 5 ปี จะสร้าง Metaverse ขึ้นมา (ซึ่งตอนนี้ ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว เหลืออีก 3 ปี) จากที่ผมเห็น ก็เป็นไปได้สูงอยู่นะที่จะสำเร็จ ท่าจะเสร็จล่าช้าไปบ้างก็ไม่เกิน 1 - 2 ปี

รูป Meta Horizon Worlds หนึ่งใน APP สำหรับ Metaverse ที่ยังพัฒนาอยู่ตลอด ปัจจุบันถึง Version 133

เมื่อคนหนุ่มใจร้อนและอยากสร้างสิ่งที่อยู่ใน Vision ของตัวเองออกมาให้คนทั่วไปได้ใช้เร็ว ๆ  สิ่งที่ทำหลังจากประกาศ Metaverse ตอนนั้นคือรับสมัครงานทันทีเป็นหมื่นคนเพื่อมาสร้าง Metaverse นี้ให้เสร็จตามที่ตั้งใจไว้
 
แต่ฉันใดก็ฉันนั้น การที่มนุษย์จะเกิดมาต้องอาศัยผู้หญิง 1 คนตั้งท้อง 9 เดือน ไม่สามารถเอาผู้หญิงมาตั้งท้อง 9 คน มาท้องแค่คนละ 1 เดือนแล้วเอามารวมกันให้กลายเป็นคน 1 คนออกมาได้ งานพัฒนา Metaverse ที่คิดว่าพอมีคนเยอะแล้วจะทำให้เสร็จเร็วขึ้นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะมันมีคอขวดที่ถ้าส่วนใดส่วนนึงไม่คืบหน้า ส่วนที่เหลือก็ยังทำต่อไม่ได้ การสร้าง Metaverse ไม่ได้เหมือนงานโยธาสร้างตึก สร้างถนน ที่จะแบ่งงานออกไปเป็นท่อน ๆ มีคนเยอะ ๆ แบ่งกันไปสร้างตึกนั้น ตึกนี้ ถนนเส้นนั้น เส้นนี้แล้วเอามารวมกัน ส่งมอบงานได้เร็วขึ้นนั้นไม่ได้  

ดังนั้นหายนะครั้งใหญ่ และ Mark ก็ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดคือการรับคนมาทำงานเป็นหมื่นในครั้งนั้น เพราะแทนที่จะได้งาน มันกลายเป็นมีแต่รายจ่าย ที่อยู่ดี ๆ ก็สูงขึ้นมหาศาลในทุกเดือนตั้งแต่ตอนนั้น รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ก็ตามมาอีกด้วยดั่งเช่นสุภาษิตไทยที่ว่ามากคนมากความ    
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
   
2. การเปิดตัว Meta Quest Pro ในช่วงที่สถาณการณ์ตึงเครียด 
 และแล้วก็ถึงปลายปี 2022 ถึงรอบงานประจำปีอีกครั้ง คำว่า Metaverse แผ่วเบาลงไปมาก ระหว่างที่คนคิดว่า Metaverse เจ้งแล้ว Mark Zuckerburg เลือกที่จะเปิดตัว Headset ตัวใหม่ คือ Meta Quest Pro

รูปการทำงานแบบแบบ WFA โดยใช้จอเสมือนหลาย ๆ จอพร้อมกัน

 Meta Quest Pro ถูกวางไว้ให้เป็น Product อีกกลุ่ม ซึ่งสำหรับใช้ทำงาน ดังนั้นจึงมีการใส่อุปกรณ์พิเศษอย่างการ Tracking ดวงตาและใบหน้าเข้าไปด้วยเพื่อที่จะได้แสดงท่าทางของดวงตาและใบหน้าด้วย ในระหว่างที่ประชุมหรือติดต่อสื่อสารกัน ด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษ บวกกับเกือบ 1 ปีเต็มที่รับคนเป็นหมื่นเข้ามา และมีแต่รายจ่ายทับถมขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือน การต้องตั้งราคาวางจำหน่ายเป็นไปได้อย่างยากยิ่งนัก และแล้วก็เปิดตัวมาในราคา 1,499 เหรียญ (มีวางขายในเมืองไทยประมาณ 6 ถึง 8 หมื่นบาท) เพื่อที่จะให้ Margin บางส่วนมาช่วยทำให้ตัวแดงจากรายจ่ายของบริษัทลดลง

รูป Meta Quest Pro ราคาปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่ที่ 999 เหรียญ ลดลงมาถึง 500 เหรียญจากตอนเปิดตัวปีที่แล้ว

แต่แล้วราคาดังกล่าว ก็กลับมาเป็นปัญหาซ้ำเติมสถานการณ์ของ Meta ตอนนั้น เพราะมันเป็นราคาที่สูงเกินไปสำหรับหลาย ๆ คน เสียงตอบรับและยอดขายของ Quest Pro นั้นต่ำมาก จนมีโปรโมชั่นลดราคาอย่างเร่งด่วน เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังวางจำหน่าย และหลังจากนั้นอีกไม่นานก็ปรับราคาลงมาใหม่ แต่ก็แก้ไขสถาณการณ์ไม่ทันแล้ว

รูปมีมที่แสดงสภาพของ Quest Pro ในปัจจุบัน หลังการวางจำหน่ายของ Meta Quest 3 



หลังจากแก้ไขสถาณการณ์จนหุ้นกลับมาดีขึ้นวิ่งอยู่แถว ๆ 300 เหรียญมาซักพัก เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก็มีการวางขาย Meta Quest 3 ไป ผมเห็นอะไรบ้างจาก Meta Quest 3 ที่จะมีผลต่อรายได้ของ Meta ในอนาคตเดี๋ยวมาเขียนต่อพรุ่งนี้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่